ตอนที่ 820 ไม่แย่ที่สุด... ก็ต้องยอดเยี่ยมที่สุด!

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

เวลาผ่านมากว่าสามเดือน ตอนนี้เด็กน้อยทั้งสองสามารถเคลื่อนไหวไปมาได้ด้วยตัวเองแล้ว ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่ถังหนิงดูแลลูกน้อยทั้งสอง เธอแทบจะไม่มีโอกาสได้ยืดหลังตรงเลย

 

 

จื่อเฉินเป็นเด็กจอมซน จื่อซีมักจะตามหลังพี่ชายของเขาอยู่เสมอ เด็กแสบทั้งสองคลานไปทั่วพื้นและผลัดกันไล่จับอีกฝ่าย…

 

 

ถังหนิงใช้มือข้างหนึ่งถือกล้องวิดีโอและใช้มืออีกข้างถือขนม วันเวลาของเธอผ่านไปพร้อมความสุขอย่างแท้จริง

 

 

“ฉันบอกได้เลยค่ะว่าคุณกำลังสนุกกับชีวิตตอนนี้” หลงเจี่ยเอ่ยชม “คุณไม่ต้องถ่ายละครอะไร ไม่มีตารางอะไรแล้วก็อยู่พ้นจากสายตาของทุกคน แต่คุณก็ยังหว่านแหไว้ในวงการ”

 

 

“ใช่ ฉันสนุก แล้วลัวเซิงเป็นไงบ้าง” ถังหนิงดูกล้องของเธอขณะเอ่ยถามหลงเจี่ย

 

 

“ละครของเขากำลังจะเริ่มฉายแล้วค่ะ จากที่ดูก็ไม่ได้มีปัญหาใหญ่อะไร” หลงเจี่ยตอบ

 

 

“ฉันไม่อยากได้ข้อสมมติฐานนะ!” ถังหนิงเงยหน้าขึ้นมองหลงเจี่ย “บางทีเธอแค่ต้องทำอะไรง่ายๆ บางอย่างเพื่อการันตีผลลัพธ์”

 

 

“ฉันจะทำตามที่คุณบอกค่ะบอส!” หลงเจี่ยยอมรับว่าสมองเธอไม่ได้ดีเท่าถังหนิง ดังนั้นเธอจึงยินดีที่จะฟังคำแนะนำของถังหนิง

 

 

“ถึงเวลาทำให้เอสเอ็มวายชดใช้สิ่งที่เคยทำกับลัวเซิงแล้ว ถ้ามีโอกาสเราก็ควรจะเดินไปตามทางที่ปูไว้แล้วบ้าง” ถังหนิงให้คำใบ้

 

 

ได้ยินเช่นนั้น หลงเจี่ยก็ส่งสัญญาณว่าเธอเข้าใจสิ่งที่ถังหนิงสื่อแล้ว

 

 

กระนั้นก็ตามการดึงเอสเอ็มวายมาใช้งานนั้นจำเป็นต้องใช้ทักษะ พวกเธอไม่อาจจัดการกับคนทั้งวงได้ในคราวเดียวและใช้ไพ่ขอความเห็นใจให้ลัวเซิงได้ คนดูเบื่อรูปแบบเก่าๆ พวกนี้แย่แล้ว หากพวกเธอสามารถทำให้ดูเหมือนว่าลัวเซิงไม่เคยรู้สึกหวาดกลัวและไม่เคยพยายามหาโอกาสเอาคืนได้ละก็ เขาจะดูกลายเป็นคนใจกว้างมากแทน

 

 

ด้วยเหตุนี้ ลัวเซิงจึงกังวลอยู่หลายคืนเพราะละครของเขากำลังจะฉายและปรากฏในช่องใหญ่อีกด้วย

 

 

ไม่ว่ายังไงละครเรื่องนี้ก็เป็นละครไอดอลที่กำกับโดยผู้กำกับชื่อดัง ต่อให้เขาไม่ดัง อย่างน้อยเขาก็ได้ปรากฏตัวสู่สายตาประชาชน ดังนั้นมันจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรสำหรับเขา

 

 

อย่างไรก็ตามนี่คือสิ่งที่เขาคิด ส่วนด้านถังหนิงนั้นไม่เคยยอมเป็นสองรองใคร

 

 

ถ้าไม่แย่ที่สุด… ก็ต้องยอดเยี่ยมที่สุด!

 

 

 

 

ดังนั้นในช่วงสำคัญเช่นนี้ วงบอยแบนด์วงหนึ่งจากเอเจนซี่เจ้าหนึ่งถูกเปิดโปงว่ามีนิสัยส่วนตัวอันยุ่งเหยิง นั่นคือวงเอสเอ็มวาย และหนึ่งในสมาชิกของวงถูกเปิดเผยว่าเคยหลับนอนกับผู้ชายที่อยู่ในระดับสูงคนหนึ่ง

 

 

นอนกับผู้ชายที่อยู่ในระดับสูง!

 

 

เหตุการณ์ไม่เหมาะสมเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกในวงการ ปัญหาหลักอยู่ที่มันเกี่ยวข้องกับวง ‘ชาย’ ล้วนกับ ‘ผู้ชาย’ ระดับสูงต่างหาก

 

 

เหตุรักร่วมเพศเช่นนี้ดึงดูดความสนใจเป็นอย่างมาก และหมายความว่าเอสเอ็มวายจะดัง แต่ดังเพราะเรื่องเสื่อมเสีย

 

 

เสื่อมเสียแบบที่สุดด้วย

 

 

เมื่อได้เห็นข่าวนี้ ลัวเซิงก็เริ่มกังวลว่าเขาจะถูกดึงไปพัวพันด้วย เขาจึงรีบโทรหาหลงเจี่ยทันที เขายังฝังใจกับเรื่องราวในอดีตเมื่อครั้งที่เขาถูกป้ายสี

 

 

“ใจเย็นๆ นายไม่จำเป็นต้องกังวล” หลงเจี่ยปลอบอีกฝ่าย

 

 

โลกออนไลน์เต็มไปด้วยคำตำหนิที่พุ่งเป้าไปยังสมาชิกวงอีกสามคนเพราะชื่อของลัวเซิงและภาพของเขาถูกลบออกจากสื่อทุกแขนงที่เกี่ยวข้องกับวงนี้มานานแล้ว ดังนั้นลัวเซิงจึงไม่ได้รับผลกระทบใดๆ

 

 

การได้เห็นอดีตเพื่อนร่วมวงของตัวเองถูกด่าทออย่างรุนแรงทำให้ลัวเซิงถึงกับเหงื่อตก คนพวกนั้นยังเด็ก ต้องเป็นเรื่องยากมากแน่ที่จะรับมือกับคำต่อว่าพวกนั้น

 

 

ขณะนั้นเอง รูปเก่ารูปหนึ่งที่ประกอบด้วยสมาชิกวงทั้งสี่คนได้ถูกเปิดเผยขึ้น

 

 

ผู้คนมากมายต่างพากันสงสัยถึงสาเหตุที่ทำให้ลัวเซิงหายตัวไปจากวง เพราะพวกเขาไม่ได้โด่งดังอะไรขนาดนั้นทำให้ความขัดแย้งต่างๆ ไม่เคยถูกเปิดเผยออกมา

 

 

คราวนี้ข้อมูลบางส่วนได้รั่วไหลออกมาจากวงใน [ชายหนุ่มคนนี้ปฏิเสธที่จะมีส่วนร่วมในข้อตกลงที่มีการติดสินบน ทำให้บริษัทเขี่ยเขาทิ้งและไม่ให้งานอะไรเขาอีก…

 

 

กว่าครึ่งปีมาแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขาจะยกเลิกสัญญากับบริษัทนี้ไปเมื่อสองสามเดือนก่อน]

 

 

[เขาโชคดีแล้ว!]

 

 

[เด็กคนนี้มีคุณธรรมดี]

 

 

[เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นมาพักใหญ่แต่เขากลับไม่เคยออกมาใส่ไฟอะไรเพิ่มเลย เห็นได้ชัดว่าเขาค่อนข้างเป็นสุภาพบุรุษทีเดียว]

 

 

[มีใครสังเกตไหมว่าเขาหล่อมากเลยนะ]

 

 

ในเวลาเพียงชั่วขณะ ชื่อเสียงของเอสเอ็มวายมอดไหม้กลายเป็นเถ้าถ่าน อย่างไรก็ตามลัวเซิงกลับได้รับการยกย่องให้กับการมีศีลธรรมและยังคงความเป็นสุภาพบุรุษ

 

 

ที่สำคัญที่สุดคือรูปลักษณ์ของเขาดึงดูดความสนใจได้อย่างท่วมท้น

 

 

[ทุกวันนี้ลัวเซิงทำอะไรอยู่นะ น่าเสียดายจริงๆ มีใครรู้บ้างไหมว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่]

 

 

[ฉันหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตไม่เจอเลย น่าผิดหวังชะมัด ฉันขอให้เขาหนีพ้นจากบริษัทห่วยๆ นี่ได้แล้วเจอทางเลือกที่ดีกว่าด้วยเถอะ]

 

 

คนทั่วไปอาจคิดว่านี่เป็นโอกาสอันสมบูรณ์แบบในการประกาศว่าลัวเซิงได้ร่วมงานในละครไอดอลเรื่องหนึ่ง ที่จริงแม้แต่ลัวเซิงยังพูดเรื่องนี้กับหลงเจี่ยด้วยตัวเอง

 

 

แต่หลงเจี่ยส่ายหน้าปฏิเสธ

 

 

“นายเชื่อมั่นในตัวพวกฉันหรือเปล่า”

 

 

ลัวเซิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนในที่สุดเขาจะพยักหน้า

 

 

หลังได้รับความเชื่อมั่นจากลัวเซิง หลงเจี่ยจึงเริ่มอธิบาย “ถ้านายออกมาขายตัวเองในตอนนี้ ทุกคนจะคิดว่านายจงใจวางแผนเรื่องราวทั้งหมดเพื่อสร้างกระแสให้ละครของนายเอง ถ้าเป็นแบบนั้น ทุกอย่างที่เราทำมาทั้งหมดก็จะสูญเปล่า

 

 

“ในเมื่อนายตัดพันธะทั้งหมดจากเอสเอ็มวายแล้ว นายก็ควรตัดมันให้ขาด เข้าใจไหม”

 

 

ลัวเซิงพยักหน้า “ผมแค่กลัวว่าความนิยมในตัวผมจะจางหายไป”

 

 

หลงเจี่ยส่ายหน้า “ก่อนที่เรื่องนี้จะถูกลืม คนจะหาชื่อของนายอย่างต่อเนื่อง แล้วก็จะมีใครสักคนหาละครของนายเจอได้ในที่สุดนั่นแหละ

 

 

“ยิ่งนายดูไม่สะทกสะท้านมากเท่าไหร่ คนก็จะยิ่งรู้จักนายมากขึ้น ดังนั้นทำตัวติดดินเข้าไว้ให้ตรงกับความคาดหวังที่ทุกคนมีต่อนาย

 

 

“อีกอย่างถ้านายคิดจะประกาศแผนการทั้งหมดของนายในเวลานี้ ก็เท่ากับนายบอกอดีตผู้จัดการของตัวเองว่านายกำลังจะกลับเข้าวงการ พวกนั้นจะไม่ฉวยโอกาสนี้โยนเรื่องแย่ๆ ทั้งหมดมาให้นายหรือไง วัตถุประสงค์ของการมีตัวตนอยู่ของนายไม่ใช่เพื่อไปมีเรื่องกับคนพวกนั้น เข้าใจไหม”

 

 

หลังลัวเซิงได้ฟังสิ่งที่หลงเจี่ยพูด เธอชนะใจเขาได้โดยสมบูรณ์

 

 

“นับจากนี้ไปผมจะไม่สงสัยการตัดสินใจอะไรของคุณอีกแล้ว ผมเชื่อมั่นในการจัดการของคุณ”

 

 

“ไม่จำเป็นต้องเชื่อมั่นในตัวฉันหรอก นายต้องเชื่อมั่นในคนที่อยู่เบื้องหลังฉัน” หลงเจี่ยขยิบตา

 

 

ลัวเซิงเข้าใจดีว่าหลงเจี่ยหมายถึงถังหนิง ดังนั้นเขาจึงยิ้มและพยักหน้ารับ

 

 

“ไอหยา ในที่สุดเจ้าหนูลัวก็ยิ้มแล้ว หาดูยากนะเนี่ย” หลงเจี่ยหยอกล้อ

 

 

เป็นไปตามคาด เหตุการณ์ในครั้งนี้กระจายต่อไปอีกสองสามวันและทุกคนยังคงค้นหาชื่อของลัวเซิงอย่างต่อเนื่อง กระนั้นเขายังคงเก็บตัวโดยการไม่ออกมาปรากฏตัวและทำตัวติดดินโดยไม่ออกมาแสดงความเห็นใดๆ ขณะรอให้ละครของเขาออกฉาย

 

 

สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เขาต้องทำคือการจัดการกับเอสเอ็มวายให้อยู่หมัดในครั้งเดียว

 

 

วงการบันเทิงนั้นลึกล้ำแต่หลังจากได้ทำงานด้วยสักพัก ลัวเซิงก็พบว่าหลงเจี่ยไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เขาคิด ที่จริงคนที่น่ากลัวที่แท้จริงคือคนที่เขาเซ็นสัญญาด้วยต่างหาก

 

 

ถังหนิง!

 

 

ในระหว่างนั้น บรรดาสมาชิกของเอสเอ็มวายถูกบีบให้หยุดกิจกรรมทั้งหมดเนื่องจากเรื่องอันเสื่อมเสียของพวกเขา

 

 

แน่นอนว่าพวกเขารู้ตัวว่าลัวเซิงเป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับคำสรรเสริญจากบรรดาสมาชิกดั้งเดิมของวงที่มีอยู่สี่คน

 

 

“ลัวเซิงโชคดีเป็นบ้าที่ไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงอีกแล้ว ถ้าเขามาเหยียบซ้ำพวกเรามันจะน่าหงุดหงิดขนาดไหน”

 

 

“หมอนั่นเรอะ ด้วยสภาพตอนนี้เนี่ยนะ อย่างน้อยพวกเราก็ดังอยู่หลายวัน ส่วนหมอนั่นไม่เคยดังถึงครึ่งวันด้วยซ้ำ!”