ไม่ต้องสนว่ากฎหมายจะเอาผิดสัตว์เดรัจฉานตัวนี้ยังไง เสี่ยวเชี่ยนกลับไม่ปล่อยไปง่ายๆ บังอาจทำร้ายเด็กต่อหน้าเธอก็เท่ากับยั่วโมโหเทพเจ้าปีชง เธอติดต่อไปยังเลี่ยวฟู่กุ้ยให้ดำเนินการวินิจฉัยเวยเวยทางนิติจิตวิทยา ถึงกฎหมายอาญาจะไม่ได้ระบุชัดเจนเรื่องการทำร้ายจิตใจ แต่ในทางทฤษฎีก็มีแนวโน้มสนับสนุน
พ่อเย่ที่มาในคราบหมาป่า เนื่องจากเครียดเรื่องงานจากที่เป็นผู้บริหารรัฐวิสาหกิจกลับกลายมาเป็นพนักงานบริษัทเอกชน ทำให้จิตใจย่ำแย่จนผิดเพี้ยน จุดนี้เหมือนคนร้ายที่เคยโทรมาเซ็กส์โฟนกับเสี่ยวเชี่ยน เพราะเกิดความเครียดในการใช้ชีวิตทำให้จิตใจของคนเหล่านี้เปลี่ยนไป เอาความเครียดไประบายในรูปแบบที่น่าอัปยศ
พฤติกรรมของพ่อเย่ไม่อาจให้อภัยยิ่งกว่าคนร้ายที่โทรมาป่วนคนนั้น
หลังจากที่เสี่ยวเชี่ยนให้ตำรวจคุมตัวพ่อเย่ไปแล้วนั้น เธอก็ได้ใช้เวลาค่อนคืนในการเปิดประตูใจของเวยเวย ทำให้ได้รู้ความจริงที่ทำให้เธอใจสลาย
หลายปีก่อนหน้านี้พ่อเย่ได้เริ่มใช้กำลังทำร้ายเวยเวย ตอนแรกก็แค่ลูบมือลูบขา แต่มาก็กลายเป็นการตบตี สำหรับเด็กคนหนึ่งที่โตมาในครอบครัวที่รับอุปการะแล้ว พฤติกรรมแบบนี้ทั้งน่ากลัวและไร้ทางต่อสู้
เวยเวยในตอนนั้นอายุยังไม่ถึงสิบขวบ ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร ในใจเธอหวาดกลัวมากแต่ก็ไม่รู้จะไปบอกใคร แม่บุญธรรมก็สนแต่เรื่องเงิน ไม่ชอบหน้าเธอปกติก็ไม่ได้มายุ่งด้วย ถึงจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเย่เสียวอวี่ แต่เรื่องส่วนตัวแบบนี้ไม่รู้ควรบอกอย่างไร และก็อายที่จะเอ่ยปาก
ส่วนพ่อเย่ก็ข่มขู่เธอว่าถ้าไปบอกใครก็จะหาคนมาฆ่าเธอให้ตายอยู่ข้างถนน
เด็กตัวแค่นั้นจะรู้เรื่องอะไร ถูกข่มขู่ไปแบบนั้นก็ไม่กล้าบอกใคร เก็บความลับอันแสนน่ากลัวนี้ไว้ในใจ ส่วนพ่อเย่หลังจากที่ใช้ความรุนแรงกับเธอแล้วก็จะมีให้ของเป็นการชดเชยให้
บางครั้งให้เป็นเงินค่าขนม บางครั้งพาไปกินเคเอฟซีหรือไม่ก็ซื้อชุดสวยๆให้
ต่อหน้าคนอื่นพ่อเย่เหมือนเป็นพ่อที่ดี รักลูกสาวตัวเองมาก แต่ลับหลังกลับเป็นสัตว์เดรัจฉาน
สุดท้ายหลังจากที่เวยเวยอายุครบสิบสี่ปี ผู้ชายที่น่ารังเกียจคนนี้ก็ขืนใจเวยเวย…
พอฟังมาถึงตรงนี้เสี่ยวเชี่ยนก็กัดฟันด้วยความโกรธ
ไอ้คนชั่ว!
เรื่องญาติผู้ใหญ่ในบ้านทำกับเด็กแบบนี้ใช่ว่าเสี่ยวเชี่ยนจะไม่เคยเจอมาก่อน เมื่อก่อนเธอเคยรับเคสแนวๆนี้มามากมาย เด็กที่น่าสงสารเหล่านั้นต้องมาแบกรับเรื่องที่น่ากลัวในวัยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว พวกเขาต้องถูกผลักเข้ากองเพลิงในช่วงที่ตัวเองยังไม่เข้าใจโลกของผู้ใหญ่
เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยระหว่างพ่อเลี้ยงกับลูกเลี้ยงหรือลูกบุญธรรม และมีบางส่วนที่เกิดขึ้นระหว่างครูกับนักเรียน ในบรรดาคดีคุกคามเยาวชน ผู้ก่อเหตุที่มาจากคนใกล้ตัวมีอัตราที่สูงมาก และพฤติกรรมเหล่านี้สร้างบาดแผลในใจให้กับเยาวชนอย่างยากที่จะประเมินได้
แต่กฎหมายกลับลงโทษคนเลวพวกนี้แค่ไม่กี่ปี เหยื่อจำนวนมากเลือกที่จะเงียบแล้วปล่อยให้คนเลวพวกนั้นได้ใจ!
ที่เวยเวยเป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรงก็มีสาเหตุมาจากเรื่องนี้
เสี่ยวเชี่ยนพอได้ฟังเรื่องราวก็โมโหสุดขีด ถึงจะเดาได้ก่อนหน้านี้แล้วแต่พอได้รู้ความจริงไฟโกรธก็ยิ่งโหมหนักกว่าเดิม
ถึงแม้ฉิวฉิวกับหลิวเหมยจะไม่รู้เรื่องราวทั้งหมด แต่ก็พอคาดเดาได้บ้าง
คนที่สะเทือนใจที่สุดก็คือเย่เสียวอวี่
เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพ่อตัวเองทำเรื่องแบบนั้นลงไปได้
แต่ก็เหมือนกับที่อวี๋หมิงหลางคาดการณ์ไว้ ถึงจะวินิจฉัยออกมาได้ว่าที่เวยเวยเป็นโรคซึมเศร้าเกี่ยวข้องกับการใช้ความรุนแรงของพ่อเย่ หน่วยงานของเลี่ยวฟู่กุ้ยตรวจสอบกันอย่างเต็มที่ เสี่ยวเชี่ยนพาเวยเวยไปตรวจร่างกายเพื่อพิสูจน์ว่าเยื่อพรหมจรรย์ขาดไปนานแล้ว แต่กลับเอาผิดสัตว์เดรัจฉานตัวนั้นไม่ได้ ไม่มีหลักฐานที่เป็นชิ้นเป็นอันจากตัวเด็ก เขายอมรับว่าตัวเองใช้ความรุนแรงสั่งสอนลูก แต่ไม่ยอมรับว่าเคยทำเรื่องอื่น
ช่วงหลายวันมานี้เย่เสียวอวี่สะเทือนใจไม่เหมาะจะดูแลเวยเวย เสี่ยวเชี่ยนจึงให้ศาสตราจารย์หลิวไปคุยกับหัวหน้าสถานีให้หาเหตุผลว่าส่งเย่เสียวอวี่ไปทำงานที่อื่นแล้ว
เวยเวยมาอยู่กับเสี่ยวเชี่ยน เสี่ยวเชี่ยนให้ความช่วยเหลือด้วยวิธีที่หลากหลาย แต่รู้สึกว่าผลที่ได้ก็งั้นๆ
เกิดความสะเทือนใจในช่วงที่โรคซึมเศร้ากำเริบนั้นรับมือยาก ตอนนี้สิ่งที่เสี่ยวเชี่ยนกังวลใจยิ่งกว่าก็คือเงามืดในจิตใจของเวยเวยหลังจากที่อาการดีขึ้นแล้วควรจะจัดการอย่างไรดี
วันนี้เสี่ยวเชี่ยนตื่นมาเช้าตรู่ได้ยินเสียงถีบประตูเธอจึงลุกไปดูผ่านตาแมวแล้วก็เห็นหลุ่ยจือยืนอยู่หน้าประตู หลุ่ยจือก็คือเมียของพ่อเย่
อีกทั้งในมือยังถือถังบางอย่างที่ไม่รู้ว่าเป็นถังสีหรืออะไร อวี๋หลิวเหมยจะเปิดประตู แต่เสี่ยวเชี่ยนจับมือเธอไว้แล้วส่ายหน้า
มีวิชาป้องกันตัวเก่งแค่ไหนก็ยังแพ้คมมีด เจอกับหมาบ้าห้ามเข้าไปปะทะตรงๆ
“เปิดประตู! นังสารเลวทั้งหลาย! กินข้าวบ้านฉัน นอนบ้านฉัน เลี้ยงมาตั้งหลายปีกลับทำตัวเนรคุณ! กล้าฟ้องพวกฉัน เย่เสี่ยวเวยแกไม่ตายดีแน่!” หลุ่ยจือแหกปากตะโกน
เสี่ยวเชี่ยนส่งสายตาให้หลิวเหมยเป็นสัญญาณว่าให้เข้าไปเอาหูฟังใส่ให้เวยเวยที่นอนหลับอยู่
ช่วงหลายวันนี้เวยเวยอยู่ในช่วงอาการกำเริบ พฤติกรรมและสมองเชื่องช้า เรื่องง่ายๆต้องใช้เวลาคิดนาน ซึ่งก็เป็นการให้เวลาเสี่ยวเชี่ยนได้จัดการกับปัญหา
“อยากจะบ้าก็กลับไปบ้าที่บ้าน อย่ามาโวยวายหน้าบ้านฉัน ไม่งั้นจะแจ้งตำรวจ!” เสี่ยวเชี่ยนข่มขู่
หลุ่ยจือที่อยู่ด้านนอกถีบประตูอย่างบ้าคลั่งตอบเสี่ยวเชี่ยน “นังชั่ว เปิดประตูสิ เก่งนักก็เปิดประตู แจ้งตำรวจไปก็ไม่มีประโยชน์ วันนี้ฉันจะฆ่าพวกแก!”
“อ่อเหรอ ฆ่าใครเหรอป้า?” อวี๋หมิงหลางถืออาหารเช้ายืนอยู่ด้านหลังหลุ่ยจือพลางพูดอย่างเย็นชา
อวี๋หมิงหลางได้หยุดพอดี เห็นคนกล้ามาท้าถึงที่บ้าน คิดจะเอาสีทาบ้านสาดใส่เสียวเหม่ยว่าที่ภรรยาถูกต้องตามกฎหมายของเขา ความโกรธก็พุ่งขึ้นมาทันที
หลุ่ยจือได้ยินน้ำเสียงเย็นชาจากทางด้านหลัง พอหันไปก็เห็นอวี๋หมิงหลางที่อยู่ในชุดลำลองอย่างชัดเจน จากนั้นก็รู้สึกว่าโลกเป็นสีแดง—
สีทาบ้านถังหนึ่งลอยลงมาจากฟ้า ใช้ถังสีที่เธอถือมาครอบหัวเธอ เหมาะกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
เสี่ยวเชี่ยนเห็นทุกอย่างผ่านตาแมวอย่างชัดเจน รู้สึกสะใจมากจากนั้นจึงเปิดประตู
หลังจากที่อวี๋หมิงหลางทำให้โลกของหลุ่ยจือกลายเป็นสีแดงเสร็จแล้วก็ผายมือออกทำท่าไม่รู้เรื่องให้เสี่ยวเชี่ยนที่ยืนพิงประตูอยู่
“ผมไม่เคยตบตีผู้หญิงนะ”
เอาถังสีครอบหัวไม่ถือเป็นการตบตี ถูกไหมล่ะ เสี่ยวเชี่ยนแอบกดไลค์ให้เขา
“พวกแกรวมหัวกันรังแกฉัน!” หลุ่ยจือถูกสาดสี สภาพดูไม่ได้ เธอยื่นมือสีแดงออกไปคิดจะไปจับเสี่ยวเชี่ยน แต่อวี๋หมิงหลางดึงเสี่ยวเชี่ยนหลบ สกปรกน่าขยะแขยง
“สีป้าก็เอามาเอง นี่บ้านเมียผม ตกลงใครรังแกใครกันแน่?” อวี๋หมิงหลางโอบเสี่ยวเชี่ยน เสี่ยวเชี่ยนเชิ่ดหน้าขึ้นเล็กน้อยเขาก็ก้มลงมาจูบ
มีแบ็คกราวด์เป็น ‘มนุษย์แดง’
“อย่าคิดว่าจะได้อยู่อย่างเป็นสุข! หมาจับหนูยุ่งเรื่องของคนอื่น เรื่องในบ้านฉันพวกแกเสือกอะไรด้วย! ส่งนังเด็กแพศยานั่นมาเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นน่าดู!” หลุ่ยจือตะโกนหยาบคาย
แต่น่าเสียดายที่มันไม่เข้ากับสภาพตัวแดงทั้งตัวในตอนนี้ ให้ความรู้สึกน่าเวทนามากกว่า