บทที่ 13 เธอต้องการคำมั่นสัญญาจากเขา

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 13 เธอต้องการคำมั่นสัญญาจากเขา
กู้โม่หานสีหน้าเปลี่ยนทันที แววตาเต็มไปด้วยความตะลึงอึ้งกิมกี่

เขาอยู่กับเสิ่นอี่ว์มาตั้งแต่เล็ก รู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีทางโกหกแน่ และไม่มีทางได้รับสินบนจากใคร ขอเพียงทำให้เสิ่นอี่ว์นับถือได้ เสิ่นอี่ว์ถึงจะพูดแทนคนนั้น

เขายืนอึ้งอยู่กับที่ หมุนตัวหันมองหนานหว่านเยียน เขาพูดอะไรไม่ออกเลย

หนานหว่านเยียนเห็นสีหน้าอึ้งตะลึงของกู้โม่หาน อดยิ้มเย็นไม่ได้ “ในที่สุดก็รู้ว่า ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเองแล้วสิ”

กู้โม่หานรังเกียจการลอยหน้าลอยตาของนางนัก เขากัดฟันกรอดพูดว่า “เสิ่นอี่ว์ หรือว่านางข่มขู่เจ้า เจ้า…”

เสิ่นอี่ว์รีบร้อนบอก “เป็นพระชายาจริงๆ ท่านอ๋อง ตอนแรกข้าน้อยก็ไม่เชื่อ และคิดว่านางแค่จิตใจชั่วช้า คิดทำร้ายข้า แต่หลังจากพระชายาแทงเข็มแปลกๆใส่ข้า บาดแผลข้าก็หายเจ็บขึ้นมาก ดังนั้นข้าเลยยอมให้พระชายาทำการรักษา รับรองว่ามิได้พูดปดเลย!”

พอได้ยินดังนั้น กู้โม่หานประหนึ่งโดนสายฟ้าฟาดลงกลางหัว

เมื่อครู่เขาพึ่งประกาศออกไปว่า ถ้าหนานหว่านเยียนรู้วิชาแพทย์ เช่นนั้นหมูทั่วทั้งซีเย่คงปีนต้นไม้ได้! และจะเด็ดหัวเขาลงมา!

แต่ไม่คิดเลยว่า หนานหว่านเยียนไม่ได้ทำร้ายคนจริงๆ และยังเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตเสิ่นอี่ว์!

แต่เขากลับทำร้านหนานหว่านเยียนจนเป็นแบบนี้!

หนานหว่านเยียนไม่ว่าจะน่าแค้นใจแค่ไหน แต่ในเรื่องนี้ นางเป็นฝ่ายถูก

ภายในห้อง แต่ละคนมองหน้ากันไปมา

หมอหลวงก็มองหนานหว่านเยียนเช่นกันด้วยสายตาสับสน

และองครักษ์สองคนที่คุมตัวหนานหว่านเยียนอยู่ยิ่งตัวสั่นงันงก ไม่รู้ว่าควรจะปล่อยตัวหนานหว่านเยียนหรือไม่….

หนานหว่านเยียนดิ้นรนออกมาเอง และมองกู้โม่หานด้วยสายตาเหยียดหยัน

“ท่านอ๋อง มิทราบว่าท่านรู้จักเหตุผลหนึ่งหรือไม่ คนหนึ่งเป็นอย่างไร ก็มักจะใช้ความคิดชั่วร้ายอย่างเดียวกันไปคาดเดาคนอื่น”

กู้โม่หานทั้งโกรธทั้งอาย คำพูดของหนานหว่านเยียนสะท้อนไปมาข้างหูเขา

หรือว่าเขาจะมองนางด้วยอคติจริงๆ?

ไม่ นางหนานหว่านเยียนไม่ใช่คนมีเมตตาเช่นนั้น!

แต่ในเวลานี้ เสิ่นอี่ว์มองไปทางหนานหว่านเยียน และพูดอย่างหนักแน่นว่า “เสิ่นอี่ว์ ขอบพระทัยพระชายาที่ช่วยชีวิต”

หนานหว่านเยียนบอก “ข้าเคยบอกแล้ว ข้าไม่เหมือนคนบางคนที่เลวทรามต่ำช้า ไม่มีทางให้เจ้าเป็นอะไรหรอก”

กู้โม่หานโดนกระทบกระเทียบ ก็ตกใจมาก เรื่องนี้เขาโทษหนานหว่านเยียนผิดไปจริงๆ

เขาหรุบตาลงอย่างไม่ยินยอม เขากัดฟันกรอดถามหนานหว่านเยียน “ต่อให้เจ้าช่วยเสิ่นอี่ว์จริงๆ แต่เจ้ารู้วิชาแพทย์ได้อย่างไร?!”

และยังเก่งกาจกว่าหมอในจวนเสียอีก!

พ่อบ้านกาวเองก็อึ้งตะลึง และหันมองหนานหว่านเยียนทันที

หนานหว่านเยียนขยับไหล่ซ้าย บาดแผลกระบี่เมื่อครู่ทำให้เธอเจ็บ

พอเจอกับความสงสัย เธอมองหน้ากู้โม่หาน “ท่านอ่องคิดว่าให้เวลาข้าห้าปี ทำไมข้าจะเรียนไม่ได้เล่า?”

กู้โม่หานเงียบกริบทันที

เวลาห้าปีสามารถทำอะไรได้มากมาย

ทันใดนั้นหมอหลวงเจียงที่เงียบมาตลอดเอ่ยปากขึ้น และมองหนานหว่านเยียนด้วยดวงตาชื่นชม

“ท่านอ๋อง พระชายาช่วยคนไว้ จุดนี้ไม่ต้องสงสัยเลย ไม่รู้ว่าจะขอให้ข้าถามพระชายาหลายคำถามได้หรือไม่? เมื่อครู่ข้าดูบาดแผลองครักษ์เสิ่นแล้ว บาดแผลลึกมาก ไม่รู้ว่าพระชายาจัดการบาดแผลและพิษของเขาอย่างไร? ข้าเป็นหมอมาครึ่งชีวิตแล้ว ไม่เคยเห็นวิธีที่ลึกล้ำเช่นนี้มาก่อนเลย”

พูดจบ ทุกคนในห้องพากันตกตะลึง!

กู้โม่หานยิ่งมีสีหน้าตกตะลึงไม่อยากเชื่อ

ขนาดหมอหลวงเจียงยังรู้สึกว่าหนานหว่านเยียนเก่งกาจ วิชาแพทย์ของหนานหว่านเยียนต้องดีมากเพียงใดกัน!

หนานหว่านเยียนมองคนแก่ผมขาวโพลนคนนั้นที่ยืนข้างพ่อบ้านกาว

คนแก่คนนี้คือหมอหลวงเจียงที่มีผู้คนนับหน้าถือตาที่สุดในรัชสมัยนี้!

“พิษของเสิ่นอี่ว์เป็นพิษร้ายแรงนัก ขืนชักช้าอีกเพียงครู่เดียว พิษจะแล่นเข้าสู่หัวใจเขาแล้ว ถึงเวลานั้นต่อให้เป็นเทวดาก็ช่วยเขากลับมาไม่ได้ ดังนั้นข้าเลยใช้ยาระงับการวิ่งของพิษในตัวเขาก่อน แล้วค่อยเย็บแผลเขา”

“เส้นด้ายที่ข้าใช้ไม่มีผลเสียต่อร่างกาย พวกเจ้าจะเข้าใจว่าเป็นเส้นด้านที่จะถูกร่างกายดูดซึมไปได้เองก็ได้ ต่อไปไม่ต้องเอาด้ายออกมาอีก สุดท้ายถึงทายาที่ช่วยในการฟื้นฟูของบาดแผล คนฝึกยุทธ์จะมาโดนแผลเช่นนี้ทำหยุดชะงักไม่ได้”

หมอหลวงเจียงตกใจมาก “เยี่ยม เยี่ยมยอดจริงๆ! อีกอย่างเหตุการณ์เมื่อครู่ เห็นได้ชัดว่าองครักษ์เสิ่นอาการสาหัสแล้ว หากพระชายาลงมือช่วยช้าไปเพียงนิด องครักษ์เสิ่นคงจะ…”

พูดจบ เขาหันไปโน้มตัวคารวะกู้โม่หานว่า “วิชาแพทย์ของพระชายาเรียกได้ว่าช่างล้ำลึกยิ่งนัก ข้าน้อยยังมิอาจเทียบเคียงได้ ท่านอ๋อง สมควรจะทะนุถนอมพระชายาให้ดีนะพ่ะย่ะค่ะ!”

ไม่ได้จริงๆ ก็อย่าเป็นพระชายาเลย ตามเขาไปสำนักหมอหลวง เป็นอาจารย์ของเขาเถอะ!

น่าเสียดายที่คำพูดนี้หมอหลวงเจียงไม่กล้าพูด

เสิ่นอี่ว์ตกใจหนักมาก

คนนอกคนหนึ่งอย่างเขาฟังไม่ออกว่าหมอสองคนนี้พูดอะไรกัน แต่เขาฟังออกว่าอาการของเขาอันตรายและคับขันมาก หากมิใช่หนานหว่านเยียนยื่นมือเข้าช่วย เขาคงตายไปแล้ว

พอคิดอย่างนี้ เขายิ่งซาบซึ้งในบุญคุณของหนานหว่านเยียนขึ้นอีกหลายส่วน

สีหน้ากู้โม่หานสับสนมาก ดวงตาทุ้มลึกตึงเครียด

หากหนานหว่านเยียนเรียนมาได้แค่ผิวเผิน เขายังพอเชื่อ แต่บัดนี้หมอหลวงเจียงกลับบอกว่าวิชาแพทย์ของนางล้ำลึกนัก ขนาดตนเองยังมิอาจเทียบเคียงได้

เขาถามจากใจตนเองเลยว่า สตรีเบื้องหน้าคนนี้เป็นหนานหว่านเยียน พระชายาของเขาคนนั้นจริงๆรึ?

หนานหว่านเยียนเห็นเขาขมวดคิ้วแน่นขึ้น ก็พูดขึ้นอย่างเนิบชาว่า “ขอบคุณหมอหลวงเจียงในความชื่นชม เพียงแต่พิษที่เสิ่นอี่ว์โดนมิได้แก้ง่ายเพียงนั้น ถึงข้าจะใช้ยากับเขา แต่ก็เพียงชำระล้างพิษในกายเขาชั้นบางหายไปชั่วคราวเท่านั้น หากต้องการรักษาให้หายขาด ต้องใช้เวลา”

กู้โม่หานพูดเสียงเย็นทันทีว่า “ในเมื่อเจ้ามีวิธี ก็รักษาเขาให้ข้าซะ!”

หนานหว่านเยียนรู้ก่อนแล้วว่าต้องเป็นอย่างนี้ เธอหันมองกู้โม่หานอย่างสงบนิ่ง

“ข้ารับปากท่านอ๋องว่าจะรักษา แต่มีให้ก็ต้องมีรับ ท่านอ๋องต้องรับปากข้าเรื่องหนึ่ง—“

“อีกอย่าง เมื่อครู่ข้าโดนลงโทษอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ด้วยเหตุและผลแล้ว ท่านอ๋องควรชดเชยให้ข้า”

กู้โม่หานรู้ตัวว่าทำผิด แต่ท่าทีกลับไม่ยอมอ่อนลงเลย “ว่ามา”

“ข้าอยู่กับท่านต่อไปไม่ได้แล้ว รอเสิ่นอี่ว์หายดีแล้ว ข้าต้องการหย่าร้าง”

กู้โม่หานปฏิเสธทันทีอย่างไม่ลังเล “ข้าบอกแล้วว่าเรื่องนี้เจ้าไม่ต้องคิดเลย!”

“หากหย่าร้างไม่ได้ เช่นนั้นข้าต้องการอิสระ ไม่ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามก้าวก่ายอิสระของข้า ข้ามีสิทธิ์เข้าออกที่ใดก็ได้! รวมถึงข้าต้องการอวี๋เฟิงมาเป็นองครักษ์ของข้า!”

หนานหว่านเยียนครุ่นคิด ผู้ชายสารเลวนี่เห็นได้ชัดว่าอคติกับเธอมาก แทบจะเรียกได้ว่าเคียดแค้น

เรื่องหย่าร้างตอนนี้คุยไม่ได้ ไม่สู้เท่าเปลี่ยนสถานการณ์เธอในตอนนี้ให้ดีขึ้น อย่างน้อยก็สะดวกกับเรื่องในอนาคตมากขึ้น

อีกอย่างวันนี้จู่ๆก็มีนักฆ่ามา มันทำให้คนตกใจจริงๆ ข้างกายเธอจำเป็นต้องมีคนที่เก่งกาจและภักดีมาคอยคุ้มครองปกป้องยัยหนูสองคนถึงจะได้ อวี๋เฟิงถือว่าผ่านเกณฑ์อยู่

วันนี้เธอช่วยเสิ่นอี่ว์ไว้ ด้านส่วนรวมคือเป็นหมอจิตใจมีเมตตาไม่อาจนิ่งดูดายได้ ด้านส่วนตัวแล้วให้กู้โม่หานได้เห็นความสามารถของเธอ พอเธอมีคุณค่าแล้ว เขาก็ไม่กล้าทำอะไรผลีผลามราวกับเธอเป็นแค่ต้นไม้ใบหญ้าไร้ค่าอะไรอย่างนั้นชั่วคราว!

ส่วนความแค้นในวันนี้—

เหอะ!

รอก่อนเถอะ ในงานเลี้ยงของวัง เธอจะแก้แค้นเขาแน่!

หนานหว่านเยียนเรียกร้องออกหมัวมัวกมายขนาดนี้ ได้คืบจะเอาศอกจริงๆ!

แต่เขาเป็นคนผิดก่อน กู้โม่หานพูดเสียงเย็นว่า “ข้าสามารถรับปากเจ้าได้ พรุ่งนี้ข้าจะส่งสาวใช้และองครักษ์มาให้เจ้าสั่งการทำงานในเรือนเซียงหลินได้ แต่เจ้าต้องรีบรักษาเสิ่นอี่ว์ให้ดี มิเช่นนั้น—“