“พวกท่าน… พวกท่านบังคับจับตัวผู้คน พวกท่านยังเห็นบ้านเมืองมีกฎหมายอยู่หรือไม่”

คนของกองธงที่อยู่ในกรงได้ยินดังนั้นก็หัวเราะยกใหญ่

“กฎบ้านกฎเมือง? นี่เจ้ากำลังพูดเรื่องกฎหมายกับพวกข้างั้นรึ แม้แต่จักรพรรดิเยี่ยก็ทำอะไรพวกข้าไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะคุยเรื่องกฎหมายกับพวกข้า เจ้าหนุ่มน้อย เจ้ามันไร้เดียงสาเหลือเกิน ดูเหมือนพวกเจ้าจะไม่รู้สินะว่าที่นี่คือที่ไหน”

เด็กหนุ่มจ้องมองพวกเขา

พวกเขาข้ามผ่านภูเขาไปทีละลูกและรู้ดีว่ายิ่งเข้าไปลึกเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งมีโอกาสหนีออกไปน้อยลงเท่านั้น

ขณะที่ทุกคนกำลังพุ่งความสนใจไปที่เด็กหนุ่มอายุสิบสามหรือสิบสี่ปีคนนั้น อยู่ๆ เด็กหนุ่มอีกคนก็พุ่งออกมา เด็กคนนั้นกัดต้นขาของผู้ดูแลอย่างแรงจนเลือดไหลออกมา

“เจ็บ! เจ็บจะตายอยู่แล้ว ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ใครก็ได้ เตะมันออกไปที”

คนของกองธงหลายคนเข้ามาดึงหนุ่มรูปงามออกไป แต่ไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ต่อให้ฉุดกระชากอย่างไรเขาก็ยังกัดไม่ยอมปล่อย นัยน์ตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชังฝังลึก อยากจะกัดขาของผู้ดูแลให้ขาดเสียตรงนี้

ปั่ก!

ฉึก!

ผู้ดูแลจ้าวแทงมีดติดธงเข้าที่หน้าท้องของเขาจนเลือดค่อยๆ ไหลออกมาจากใบมีด หนุ่มรูปงามเจ็บปวดจนเรี่ยวแรงที่ปากคลายลง จากนั้นพวกกองธงจึงดึงหนุ่มรูปงามออกไป

ผู้ดูแลจ้าวโกรธจัดและเตะชายหนุ่มรูปงามอย่างแรงหลายต่อหลายที ปากก็ด่าสาปส่ง “เจ้าทาสชั้นต่ำบัดซบ ถึงกับกล้ามากัดขาข้า ข้าจะเตะเจ้าให้ตายเลยคอยดู”

“เจ้า… พวกเจ้ามันเสียสติไปแล้ว พระเจ้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่…”

เขาใช้ขาอีกข้างเตะเข้าที่บาดแผลของเด็กหนุ่มอย่างแรง เด็กหนุ่มเจ็บปวดจนหายใจไม่ออก ดวงตาซึ่งลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงโหมกระหน่ำจ้องมองไปยังผู้ดูแลจ้าว

หากดวงตาคู่นั้นฆ่าคนได้ ผู้ดูแลจ้าวคงตายไปแล้วหลายต่อหลายรอบ

กู้ชูหน่วนตั้งใจจะช่วยชีวิตเขา

แต่พวกนางไม่ได้อยู่ในกรงเดียวกัน อีกเดี๋ยวก็จะถึงหุบเขาลูกถัดไปแล้ว ตอนนี้ไม่มีเวลาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นหนุ่มรูปงามยังถูกแทงจนสาหัส โอกาสที่จะช่วยเหลือแทบเป็นศูนย์ นางทำได้แค่ต้องระงับความโกรธเอาไว้

ผู้ดูแลจ้าวยังระบายความโกรธไม่พอ เขาหิ้วคอเด็กหนุ่มขึ้นมาและโยนเขาลงไป

“อ๊าก!”

เสียงกรีดร้องดังกังวานไปทั่วหุบเขา

หนุ่มรูปงามคนอื่นตัวสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว แม้แต่เด็กหนุ่มอายุสิบสามสิบสี่คนนั้นก็ยังไม่กล้าพูดอะไรและนั่งหมอบตัวสั่นงันงกอยู่บนพื้น

ใบหน้าของอี้เฉินเฟยที่อยู่ภายใต้หน้ากากตึงขึ้นเล็กน้อย จิตสังหารฉายวาบออกมา

ทั้งสองคนสบตากันและเข้าใจอะไรบางอย่างจากแววตาของกันและกัน

กู้ชูหน่วนยิ้มเย็น

มองผู้ดูแลจ้าวประหนึ่งมองคนที่ตายไปแล้ว

ในที่สุด…

กรงหยุดลงเมื่อมาถึงภูเขาลูกที่หก ไม่ไปยอดเขาลูกที่เจ็ดซึ่งเป็นยอดเขาหลักของผู้นำ

กู้ชูหน่วนเองก็ต้องหยุดอยู่แค่ที่ยอดเขาลูกที่หกเช่นกัน จากนั้นพวกกองธงคนอื่นๆ จึงควบคุมผู้คอยปรนนิบัติไปยังหอคุมขังพญาหงส์

ผู้ที่ถูกคุมขังอยู่ในหอคุมขังพญาหงส์ไม่ได้มีแต่ชายหนุ่มรูปงามเท่านั้น แต่ยังมีหญิงงามอยู่มากมาย แม้กระทั่งเด็กเล็กก็ยังมี

ว่ากันว่าคนคอยปรนนิบัติที่จะถูกส่งให้ผู้นำกองธงกล้วยไม้จะถูกขังไว้ที่นี่

หลังจากฝึกอบรมและร่ำเรียนเสร็จแล้วจึงจะถูกส่งไปยังยอดเขาหลักที่ผู้นำกองธงกล้วยไม้อาศัยอยู่

กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้นและถามว่า “ท่านคิดว่ามีโอกาสหรือไม่ที่เยี่ยเฟิงจะอยู่บนเขาลูกนี้”

“มีโอกาสครึ่งหนึ่ง”

ที่ยอดเขาลูกที่หกมีการดูแลอย่างหนาแน่นและมีการตรวจสอบในชั้นต่างๆ ถ้าอี้เฉินเฟยไม่คุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ กู้ชูหน่วนเพียงคนเดียวคงเข้ามาได้ยาก

หลังจากส่งคนคอยปรนนิบัติเข้ามา หน้าที่ของกู้ชูหน่วนกับอี้เฉินเฟยก็สิ้นสุดลง

ภายในห้องเล็กๆ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหอคุมขังพญาหงส์ พวกกองธงจำนวนมากพากันจับกลุ่มเล่นการพนัน พร้อมกันนั้นก็พูดคุยกันไปด้วย

“ได้ยินว่าคนปรนนิบัติที่ส่งมาคราวนี้มีแต่พวกรูปงามทั้งนั้น ไม่รู้ว่าจะรูปงามได้เท่าเยี่ยเฟิงหรือไม่”

กู้ชูหน่วนชะงักฝีเท้าทันทีเมื่อได้ยินชื่อเยี่ยเฟิง