ตอนที่ 441 เขาเป็นแฟนฉัน (3) / ตอนที่ 442 เขาเป็นแฟนฉัน (4)

หวานรักจับหัวใจท่านประธาน

ตอนที่ 441 เขาเป็นแฟนฉัน (3)

 

 

ฟ่านอวี่มองเธอครั้งหนึ่ง และมองเห็นความเป็นห่วงในสายตาของเธอ แววตาของเขาพลันวูบไหว ไม่ปฏิเสธ

 

 

ทั้งสองคนลงบันทึกประจำวันอย่างง่ายๆ ก่อนจะไปที่โรงพยาบาล

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่เคยเรียนวิชาพยาบาล ก่อนหน้านี้เคยไปหาถานเปิงเปิงที่โรงพยาบาลอยู่บ่อยๆ จึงคุ้นเคยกับโรงพยาบาลอย่างมาก

 

 

เธอจึงจัดการขั้นตอนต่างๆ ได้อย่างช่ำชอง

 

 

ตอนที่พยาบาลพันแผลให้ฟ่านอวี่ เธอก็ยืดคอมองอยู่ตลอด พลางกำชับเสียงเบาอยู่บ้าง

 

 

ท่าทางของเธอเหมือนอยากจะเข้ามาจัดการด้วยตัวเองใจจะขาด

 

 

“แผลไม่ลึกมากค่ะ ไม่ต้องเย็บ แต่ช่วงนี้ต้องระวังเป็นพิเศษ พยายามโดนน้ำให้น้อยที่สุด…” หลังจากพยาบาลพันแผลเสร็จ เธอก็กำชับอยู่หลายคำ แล้วถึงจะมองไปทางเหนียนเสี่ยวมู่

 

 

จากนั้นก็ส่งใบสั่งยาให้หญิงสาว

 

 

“ไปรับยาที่ห้องข้างๆ นะคะ รับใบเสร็จแล้วก็ไปรับยาให้แฟนได้เลย”

 

 

“พวกเราไม่ใช่…” เหนียนเสี่ยวมู่อยากอธิบาย แต่พยาบาลกลับหลังหันออกไปแล้ว

 

 

หญิงสาวทำปากจู๋ ใจคิดว่าอย่างไรเสียก็เป็นคนแปลกหน้า ปล่อยให้เข้าใจผิดไปแล้วกัน

 

 

ยิ่งเข้าไปอธิบาย ก็ยิ่งจะทำให้เข้าใจผิด

 

 

ส่วนฟ่านอวี่…

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่หันไปมองเขาครั้งหนึ่ง เขากลับไม่มีปฏิกิริยากับคำพูดของพยาบาลเลยสักนิด ยังคงมีสีหน้าอ่อนโยน ราวกับไม่สนใจเลยว่าทำให้คนอื่นเข้าใจผิดไปแล้ว

 

 

ครั้นเห็นเธอมองมาที่ตน เขาก็ยิ้มกว้างขึ้นเล็กน้อย

 

 

“คุณไม่ต้องยุ่งยากหรอก ไปด้วยกันแล้วกัน”

 

 

เขาพูดพลางลุกขึ้นยืนก่อน แล้วรับใบสั่งยาจากในมือของเธอ จากนั้นก็เดินไปข้างนอก

 

 

ความรู้สึกที่แผ่กระจายออกมาจากตัวชายหนุ่ม คล้ายกับแตกต่างออกไปจากก่อนหน้านี้

 

 

เมื่อเห็นว่าเหนียนเสี่ยวมู่ไม่ได้ตามมา เขาจึงหยุดฝีเท้า แล้วหันหน้าไปรอเอ

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่เห็นดังนั้นก็รีบตามไป

 

 

มีคนต่อแถวรับยาอยู่เยอะมาทีเดียว

 

 

หญิงสาวคิดอยู่ตลอด ว่าคนฐานะอย่างฟ่านอวี่ควรจะมีหมอส่วนตัว หรือไม่ก็เข้ารักษาในโรงพยาบาลประเภทวีไอพี

 

 

แต่เขากลับยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนอย่างใจเย็น ไม่ได้แสดงท่าทีรำคาญเลยแม้แต่น้อย

 

 

กระนั้นรัศมีอันโดดนเด่นกลับดึงดูดหญิงสาวรอบข้าง จนพวกเธอแอบยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปเขาอย่างอดไม่ได้

 

 

เมื่อเขารู้ตัว ก็ยังยิ้มอย่างสง่างามครั้งหนึ่ง

 

 

รอยยิ้มนี้อ่อนโยนเหมือนลมในฤดูใบไม้ผลิไม่มีผิด

 

 

“อ๊าก! หล่อมากเลย!”

 

 

“ฉันเพิ่งรู้สึกเป็นครั้งแรก ว่ามาโรงพยาบาลก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดี อย่างน้อยก็ไม่ได้เจอคนหล่อแบบนี้ข้างนอก!”

 

 

“เขายิ้มให้ฉันด้วย ประคองฉันที ขาอ่อนแล้วเนี่ย…”

 

 

“เขายิ้มให้ฉันต่างหากย่ะ!”

 

 

“…”

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่มองไปยังชายหนุ่มที่เพิ่งสร้างความวุ่นวายไปหมาดๆ หลังจากรับยาเรียบร้อย เธอก็รีบลากเขาออกจากโรงพยาบาล

 

 

ขณะเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ก็พบว่าเขาหยุดฝีเท้าแล้ว

 

 

เธอหันไปมองตามสัญชาตญาณ ก่อนจะเห็นว่าเขาจ้องมาที่มือของเธอ คราวนี้เธอเพิ่งจะรู้ตัว ว่าเมื่อครู่เธอรีบร้อนจนยื่นมือไปจับชายเสื้อของเขาเอาไว้

 

 

หลังจากปล่อยมือแล้ว เธอก็อธิบายทันที

 

 

“เมื่อกี้คนเยอะเกินไป ฉันก็เลย…”

 

 

“ผมเวียนหัวนิดหน่อย หาที่พักหน่อยได้ไหม” ฟ่านอวี่ขัดจังหวะคำพูดของเธอทันใด แล้วยื่นมือไปกดแผลที่เพิ่งได้รับบาดเจ็บเอาไว้

 

 

แผลที่เพิ่งจัดการให้เรียบร้อยดีมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย ทำให้บนผ้าพันแผลปรากฏสีแดงอ่อนๆ

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ตีหน้าผากตัวเองทันควัน!

 

 

เธอลืมไปได้อย่างไร ว่าเมื่อครู่เขาเลือดออกไปตั้งเยอะ แถมยังยืนอยู่นานขนาดนั้น น้ำก็ไม่ได้ดื่มเลยสักอึก

 

 

มิน่าล่ะ เขาถึงได้เวียนหัว

 

 

“ข้างๆ มีร้านกาแฟอยู่ร้านหนึ่ง พวกเราไปนั่งที่นั่นสักพักหนึ่งก็ได้” เหนียนเสี่ยวมู่พูด พร้อมกันนั้นเธอเห็นว่าหน้าเขาเริ่มซีดเผือด จึงเข้าไปประคองเขาเอง

 

 

ฟ่านอวี่มองท่าทางร้อนใจของคนข้างกาย ในดวงตาอ่อนโยนพลันปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา

 

 

คนตรงหน้าของเขา คล้ายกับกลับไปเป็นตอนที่ยังเด็ก

 

 

เด็กผู้หญิงคนที่เป็นห่วงเขามาก แม้เขาจะไม่สบายเพียงเล็กน้อย…

 

 

เขาเอ่ยปากถามออกไปโดยที่ไม่รู้ตัว “เหนียนเสี่ยวมู่ คุณไม่รู้จักผมจริงๆ เหรอ”

 

 

“อะไรนะ” เหนียนเสี่ยวมู่ฟังไม่ชัด จึงหันไปมองเขา

 

 

 

 

ตอนที่ 442 เขาเป็นแฟนฉัน (4)

 

 

ฟ่านอวี่มองอีกฝ่าย ในแววตามีแต่ความรู้สึกอันซับซ้อน เมื่อรู้ตัวว่าเมื่อครู่พูดอะไรออกไป เขาถึงจะหลุดหัวเราะพรืดออกมา

 

 

“ไม่มีอะไร”

 

 

ทั้งสองคนพูดคุยกันไป พร้อมๆ กับเดินเข้าไปในร้านกาแฟ

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ดึงเก้าอี้มานั่งลงตรงที่นั่งริมหน้าต่าง หลังจากสั่งกาแฟเรียบร้อย เธอก็หันหน้าไปมองเขา “จริงสิ ที่ตรงนั้นเปลี่ยวจะตายไป ทำไมคุณถึงไปที่นั่นได้”

 

 

เมื่อได้ยินดังนั้น แววตาของขยับไหวเล็กน้อย ก่อนจะขยับริมฝีปากบาง

 

 

“ที่ดินที่เพิ่งเจรจากับนายหน้าได้มาอยู่แถวนั้น ก็เลยผ่านไปพอดี

 

 

ชายหนุ่มขมวดคิ้วหลังจากพูดจบ เพื่อปกปิดสายตาของตัวเองเอาไว้

 

 

เขาไม่ได้บอกเธอ ว่าเขาแอบตามเธอตลอด ตั้งแต่เธอออกจากคฤหาสน์ตระกูลอวี๋

 

 

ต่อมาเขาพบว่าคนขับรถไปยังเส้นทางที่ไม่ถูกต้อง แถมยังโทรศัพท์หาเหนียนเสี่ยวมู่ไม่ได้ จึงได้ตื่นตัวขึ้นมา

 

 

คิดไม่ถึงเลย ว่าจะคลาดกับเธอแถวๆ นั้น

 

 

โชคดีที่สุดท้ายก็หาเธอเจอ…

 

 

“ขอบคุณนะ!” เหนียนเสี่ยวมู่กล่าวจากใจจริง

 

 

ไม่ว่าจะพูดอย่างไร วันนี้เขาก็ช่วยเธอเอาไว้

 

 

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ถ้าเป็นคนอื่น ผมก็ไปช่วยเหมือนกัน” ฟ่านอวี่ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ครั้นเห็นว่าเธอยังคงมีท่าทีเป็นห่วงเขาอยู่ จึงถือโอกาสถามต่อ

 

 

“ถ้าคุณอยากตอบแทนผม ก็ตอบคำถามผมสักหน่อยแล้วกัน”

 

 

“…”

 

 

ชายหนุ่มวางแก้วน้ำลง ก่อนจะมองเธอ “ความจริงแล้วก็ไม่มีอะไร แค่รู้สึกว่าคุณไม่เหมือนคนอื่น ก็เลยอยากรู้ ว่าครอบครัวคุณเป็นคนยังไง”

 

 

“ฉันไม่มีครอบครัว” เหนียนเสี่ยวมู่ตอบทันที หลังจากได้ยินคำถามของเขา

 

 

คำตอบอันเรียบง่ายทำให้ฟ่านอวี่อึ้งงันไปเล็กน้อย

 

 

ไม่มีครอบครัว?

 

 

หมายความว่าอย่างไร

 

 

เธอยอมรับแล้วว่าฟ่านอวี่เพิ่งช่วยเธอ และบริษัทตระกูลฟ่านอยู่ในกำมือของเธอ ก็คงไม่มีประโยชน์อะไร

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่มองฟ่านอวี่เป็นศัตรูน้อยลงมากแล้ว ครั้นเห็นสีหน้าเขาดูตกใจมาก เธอจึงพูดเสริมอีกว่า “ก่อนหน้านี้ฉันตัวคนเดียว แต่ตอนนี้ฉันมีแฟนแล้ว”

 

 

พอคิดถึงอวี๋เยว่หาน เธอก็ยิ้มขึ้นมาโดยที่ไม่รู้ตัว

 

 

รอยยิ้มนั้นหวาดหยดย้อย เสียจนใบหน้าเธอก็ยิ้มตามไปด้วย

 

 

เครื่องหน้าที่เดิมทีสะสวยโดดเด่นอยู่แล้ว ยิ่งดูมีเสน่ห์น่าหลงใหลมากขึ้น

 

 

ความสุขของการที่มีคนรัก แล้วอยากจะบอกความสุขให้คนทั้งโลกให้รู้ ทำให้รัศมีรอบกายเธอเปล่งประกายยิ่งกว่าเดิม

 

 

ฟ่านอวี่ “…”

 

 

เขาไม่จำเป็นต้องถาม ก็รู้ว่าคนที่เธอพูดถึงคือใคร

 

 

มือที่อยู่ข้างใต้โต๊ะกำหมัดโดยที่ไม่รู้ตัว

 

 

ชายหนุ่มกลั้นความเจ็บปวดและไม่พอใจเอาไว้ แล้วถามต่อ “คุณเป็นคนเมืองเอชหรือเปล่า เคยไปที่เมืองอื่นมาก่อนไหม”

 

 

คำถามนี้เกิดขึ้นเพราะเขาสืบประวัติของเธอไม่ได้เลย

 

 

เป็นไปได้มากว่าก่อนหน้านี้เธอไม่ใช่คนที่นี่

 

 

ขอเพียงเธอบอกว่าไม่ใช่ อย่างนั้นความเป็นไปได้ที่เธอคือลิ่วลิ่วก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น!

 

 

“…”

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ชำเลืองมองเขาครั้งหนึ่ง แม้จะไม่อยากคุยเรื่องนี้ แต่พอนึกได้ว่าเขาเพิ่งช่วยชีวิตเธอไว้ เธอก็พูดด้วยความอดทน “ฉันไม่รู้ ความจริงน่ะ สำหรับหลายๆ เรื่อง…”

 

 

เธอยังพูดไม่ทันจบ เงาร่างสูงส่งพลันปรากฏที่ทางเข้าร้านกาแฟแล้ว

 

 

เงาร่างนั้นเหมือนกับมีแรงดึงดูดของสนามแม่เหล็ก

 

 

ตั้งแต่วินาทีที่อวี๋เยว่หานปรากฏตัวขึ้น เธอก็รู้สึกได้

 

 

อวี๋เยว่หานที่ยืนอยู่ตรงทางเข้า ก็ล็อกตำแหน่งของเธอได้ในแวบแรกเช่นกัน จึงสาวเท้าเข้ามาหาเธอ

 

 

ในสายตาของเขามีเพียงเธอเท่านั้น

 

 

เขาซ่อนความเป็นห่วงไว้ในสายตา ก่อนจะยื่นมือไปประคองเธอยืนขึ้นจากเข้าอี้ แล้วตรวจสอบร่างกายของเธอตั้งแต่หัวจรดเท้ารอบหนึ่ง

 

 

หลังจากแน่ใจแล้วว่าเธอไม่เป็นอะไร เขาก็กอดเธอในทันที!

 

 

กอดเธอแน่นมากทีเดียวเชียว!

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ซุกอยู่ในอกของชายหนุ่ม เธอรู้สึกได้ถึงความไม่สบายใจของเขา จึงพึมพำเสียงเบา “ฉันส่งข้อความบอกคุณว่าไม่เป็นไรแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมคุณมาถึงเร็วขนาดนี้…”

 

 

แขนแกร่งของอวี๋เยว่หานรัดเธอแน่นยิ่งขึ้น ก่อนจะชำเลืองมองฟ่านอวี่ที่อยู่ตรงข้ามเธอ พร้อมกับเอ่ยปากอย่างเฉยชา “ทำไมไม่รับโทรศัพท์”