บทที่ 210 แรงกดดัน[รีไรท์]

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 210 แรงกดดัน[รีไรท์]

เมื่อจักรพรรดิอ๋าวฮวงเห็นฉู่ชวิ๋น ก็รู้ทันทีว่าชายหนุ่มมาหาเขาเพราะได้รับบาดเจ็บอีกแล้ว

“แกนี่มันเป็นตัวปัญหาจริง ๆ” ชายชราหยอกเย้า

ฉู่ชวิ๋นยิ้มตอบกลับไปว่า “ผมไม่มีทางเลือกแล้ว จะไม่มาหาคุณก็คงไม่ได้” จักรพรรดิอ๋าวฮวง ก็ไม่ได้แสดงท่าทีรำคาญใจแต่อย่างใด

“นั่งพักก่อนสิ” ฉู่ชวิ๋นไม่พูดอะไร ทรุดนั่งลงและปรับระดับลมหายใจ

ตลอดระยะเวลาสามปี ที่ฉู่ชวิ๋นฟื้นขึ้นมาจากความตาย ร่างกายของชายหนุ่มมีความสมบูรณ์แข็งแรงอย่างเปี่ยมล้น

แต่โชคร้ายที่อาการบาดเจ็บทำให้พลังลมปราณของเขาลดน้อยลงไปมากตอนนี้ ชายหนุ่มมีพลังเทียบเท่ากับจอมยุทธ์ระดับพื้นฐานเท่านั้นเอง

พันธนาการแห่งท้องฟ้า เฮงซวยเอ๊ย!!! ฉู่ชวิ๋นอดบ่นด่าอีกครั้งไม่ได้

“ขอผมเถอะครับ” ฉู่ชวิ๋นยื่นมือไปทางจักรพรรดิอ๋าวฮวง จักรพรรดิอ๋าวฮวงเข้าใจดีว่าฉู่ชวิ๋นอยากได้หินคริสตัลที่จารึกวิชาลมปราณจำแลงเอาไว้

“ตอนนี้ยังไม่ได้” จักรพรรดิอ๋าวฮวงตอบทันที ฉู่ชวิ๋นมองชายชราด้วยความประหลาดใจ

“ลมปราณจำแลงจะใช้กระดูกเป็นโคจรพลังลมปราณ ตอนนี้กระดูกของแกยังไม่แข็งแกร่งมากพอ” ฉู่ชวิ๋นไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เขาฝึกตนจนมีร่างกายของมังกรกระดูกแข็งแกร่งราวกับหยก แต่กลับยังแข็งแกร่งไม่มากพออีกเหรอ ?

“ไม่มีใครเคยฝึกวิชาลมปราณจำแลงมานานแล้ว ข้าจึงไม่รู้เลยว่ามันจะอันตรายมากแค่ไหน ถ้ากระดูกของแกทนรับไม่ไหว รากฐานการฝึกฝนที่แกเสียเวลามานานนับพันปีก็จะสูญเปล่าไปในพริบตาและอาจจะเกิดผลที่พวกเราคิดไม่ถึงตามมาก็ได้” จักรพรรดิอ๋าวฮวงอธิบาย

ฉู่ชวิ๋นมองหน้าชายชราและถามว่า “คุณมีแผนการอะไรบ้างไหม ?” จักรพรรดิอ๋าวฮวงพยักหน้า สีหน้าของเขาดูแปลกประหลาดเล็กน้อยตอนที่พูดว่า “ข้าอยากให้แกเปลี่ยนกระดูก”

“เปลี่ยนกระดูกเนี่ยนะ ?” ฉู่ชวิ๋นถาม

ชายหนุ่มคิดว่ามันเป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดี เขาฝึกวิชามาเป็นเวลากว่าสามพันปี แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคำว่า เปลี่ยนกระดูก จักรพรรดิอ๋าวฮวงเงียบไปครึ่งค่อนวัน ในที่สุดก็หันมามองหน้าฉู่ชวิ๋น ดวงตาของเขาเป็นประกายแจ่มใส แต่ไม่สามารถอ่านความรู้สึกที่อยู่ในดวงตาของชายชราได้เลย

“ตามข้ามาสิ” ฉู่ชวิ๋นติดตามจักรพรรดิอ๋าวฮวง เดินลงไปในหุบเขาลึก

จักรพรรดิอ๋าวฮวงมีพลังที่กล้าแข็งมาก พื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้ดูจะเล็กแคบไปถนัดตา

แม้แต่ภูเขาและแม่น้ำก็เหมือนกับจะอยู่ใกล้ ๆ ทั้งสองคนมาถึงจุดหมายในเพียงพริบตาเดียว

นี่คือหุบเขาศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิอ๋าวฮวง ฉู่ชวิ๋นไม่รู้ว่าตนเองมาที่นี่ทำไม แต่เขาไม่อยากลบหลู่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิอ๋าวฮวง จึงได้แต่เดินตามหลังไปเท่านั้น

จักรพรรดิอ๋าวฮวงยกมือขึ้นทำสัญลักษณ์บางอย่าง แล้วสองมือของเขาก็แยกออกจากกัน เหมือนกับกำลังแยกอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นอยู่ในอากาศ

ครืน!

หุบเขาสั่นสะเทือนขึ้นมาแล้ว

ฉู่ชวิ๋นเห็นว่าภูเขาสองลูกที่ตั้งอยู่ขวางหน้า ถูกแยกออกจากกันต่อหน้าต่อตา เผยให้เห็นหุบเขาอีกแห่งหนึ่งซึ่งซ่อนตัวอยู่ด้านหลัง

ในเวลาเดียวกันนี้เอง ลมสายหนึ่งก็พัดวูบมา ทำให้สีหน้าของฉู่ชวิ๋นแปรเปลี่ยนไปแล้ว

เขาสัมผัสได้ถึงพลังขั้นจักรพรรดิเซียน!!!

หรือจะมีผู้ฝึกตนขั้นจักรพรรดิเซียนอยู่ในหุบเขาแห่งนี้?

ฉู่ชวิ๋นไม่อยากเชื่อกับความคิดนั้น แต่แล้วเขาก็ต้องส่ายศีรษะ เป็นไปไม่ได้ ต่อให้แผ่นฟ้าถล่มแผ่นดินทลายเขาก็ไม่เชื่อ คนขั้นจักรพรรดิเซียนไม่น่าจะมาอยู่ที่นี่ ถึงแม้อ๋าวฮวงจะแข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิเซียนแต่เขาใช้พลังออกมาไม่ได้ก็เลยไม่น่าตกใจเท่าไร แต่นี่คือจักรพรรดิเซียนที่ไม่โดนพันธนาการแห่งท้องฟ้าและเป็นคนแรกที่เขาสัมผัสได้นับตั้งแต่ข้ามมาโลกนี้!

มันเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการถึงระดับพลังของจักรพรรดิเซียน เพียงแค่คนผู้นั้นยกมือขึ้นมาก็สามารถทำลายดวงดาวให้แหลกสลายเป็นผุยผง และแหลกสลายไปในพริบตาอย่างแน่นอน

ดวงตาของจักรพรรดิอ๋าวฮวงเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง ฉู่ชวิ๋นรู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้น

ในขณะนี้ จักรพรรดิอ๋าวฮวงเดินลงไปสู่ตัวหุบเขาด้านล่าง ด้วยลักษณะที่ดูโดดเดี่ยวอ้างว้างเป็นอย่างยิ่ง

ฉู่ชวิ๋นก้มหน้าก้มตาเดินตามลงไป ตลอดทางมีแต่ความเงียบ พวกเขาจมอยู่กับความคิดของตนเอง

เมื่อเดินลงไปได้ประมาณห้าสิบเมตร แรงกดอากาศก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เลือดลมในร่างกายของฉู่ชวิ๋นสูบฉีด สองขาของเขารู้สึกหนักอึ้งมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ฉู่ชวิ๋น ในหุบเขามีอันตรายซ่อนอยู่” จิ่วโยวพูดกับเขาผ่านทางพลังจิต เสียงเล็ก ๆ ของมันเต็มไปด้วยความวิตกกังวล

“ไม่ต้องห่วง มีจักรพรรดิมังกรอ๋าวฮวงอยู่ข้างผมไม่มีอันตรายอะไรหรอก” ฉู่ชวิ๋นพูดอย่างมั่นใจ

เมื่อลงมาได้ร้อยเมตร หน้าผากของฉู่ชวิ๋นก็เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เขาหายใจด้วยความยากลำบากมากขึ้น แรงกดอากาศเพิ่มสูงขึ้น ไม่ใช่แค่ส่งผลกับระดับวิญญาณของเขาเท่านั้น แต่มันยังส่งผลต่อใบหน้าและร่างกายของเขาอีกด้วย

ขาของฉู่ชวิ๋นก้าวเดินไปอย่างยากลำบาก ในตอนนี้เขาจึงเดินตามจักรพรรดิอ๋าวฮวงแทบไม่ทันแล้ว

เคล้ง!

ทันใดนั้นเอง จิ่วโยวที่อยู่ในสภาพกำไลข้อมือก็หล่นลงไปจากข้อมือของฉู่ชวิ๋น และตกกระแทกลงบนพื้นดินจนเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ ฉู่ชวิ๋นถึงกับตกตะลึงทีเดียว

“ฉู่ชวิ๋น ข้ารับพลังไม่ไหว ข้ารู้สึกเหมือนตัว ข้ากำลังจะระเบิดแล้ว” จิ่วโยวกล่าวเบา ๆ อย่างทรมาน

ฉู่ชวิ๋นไม่อยากจะเชื่อว่ากันตามหลักความเป็นจริง ตอนนี้จิ่วโยวมีพลังแข็งแกร่งมากกว่าเขา ถึงแม้ว่าฉู่ชวิ๋นจะรู้สึกว่า เริ่มเดินด้วยความเหนื่อยล้า แต่เขาก็ยังคงทนไหวอยู่

“สิ่งที่ซ่อนอยู่ในหุบเขานี้ไม่ใช่มนุษย์แน่นอน ข้ารู้สึกได้ถึงแรงกดดันจากในสายเลือด มันเป็นพลังที่ข้าไม่อาจรับไหว” จิ่วโยวพูดด้วยน้ำเสียงวิตกกังวลสุดขีด

ตอนนี้เอง จักรพรรดิอ๋าวฮวงก็หยุดเดิน แล้วหันมามองที่จิ่วโยว

“เจ้าหนูน้อย เจ้ารออยู่ที่นี่ดีกว่านะ”

จักรพรรดิอ๋าวฮวงกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ซึ่งมีแค่ฉู่ชวิ๋นกับจิ่วโยวเท่านั้นที่จะได้ยิน

“ในหุบเขามีอะไรอยู่กันแน่ ?” ฉู่ชวิ๋นถาม

“เดินเข้าไปดู เดี๋ยวก็รู้” จักรพรรดิอ๋าวฮวงหันกลับไปเริ่มต้นออกเดินอีกครั้ง พร้อมกันนั้นก็พูดออกมาว่า

“งูนรกเจ็ดโลกันต์ เจ้ารออยู่ที่นี่แหละดีแล้ว อย่าเข้าไปเลย” ฉู่ชวิ๋นไม่มีทางเลือกนอกจากปล่อยจิ่วโยวทิ้งเอาไว้ที่นี่ และเดินตามจักรพรรดิอ๋าวฮวงไปอย่างยากลำบาก

เมื่อเดินลงมาในหุบเขาลึกสองร้อยเมตร ดวงตาของฉู่ชวิ๋นก็กลายเป็นสีแดงก่ำ เสื้อผ้าของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ จักรพรรดิอ๋าวฮวงที่เดินนำหน้าหอบหายใจเพียงเล็กน้อยเหมือนกับไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ เลย ถ้าเลือกได้ ฉู่ชวิ๋นอยากจะบินหนีไปจากที่นี่ซะเดี๋ยวนี้

“ทำไมคุณถึงไม่เป็นอะไรเลยล่ะ ?” ฉู่ชวิ๋นถามออกไปด้วยความหงุดหงิด เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกภูเขาทั้งลูกทับลงมา รู้สึกเหมือนเป็นคนที่กำลังเดินอยู่ใต้น้ำ ในแต่ละก้าวที่เดินไป ช่างยากเย็นแสนสาหัส

จักรพรรดิอ๋าวฮวงไม่ตอบอะไร แต่เขากลับหยุดเท้าและจ้องมองไปข้างหน้า

วินาทีต่อมา เขาก็ยกมือข้างหนึ่งหมุนวนในอากาศบนท้องฟ้าด้านหนึ่งเกิดเป็นรอยแตกร้าวเหมือนกับกระจกแตก เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่เบื้องหลังกระจกบนท้องฟ้า ในวินาทีนั้นเอง รอยแตกร้าวก็จางหายไป ทั่วทั้งหุบเขาตกอยู่ภายใต้ลำแสงสีทอง

ฟู่!

แรงกดดันถาโถมเข้ามาเหมือนกับเกลียวคลื่น พริบตานั้นเอง สองขาของฉู่ชวิ๋นรู้สึกอ่อนล้า เขาไม่มีแรงปีนไต่ลงไปอีกแล้ว ลำตัวครึ่งหนึ่งของชายหนุ่มจมหายลงไปใต้พื้นดิน พื้นดินเกิดรอยแตกร้าวกินพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง โดยที่มีลำตัวของฉู่ชวิ๋นเป็นจุดศูนย์กลาง

ฉู่ชวิ๋นส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด รู้สึกเหมือนร่างกายกำลังจะระเบิดออก ดวงตาและใบหูมีเลือดไหลทะลักออกมา

ฉู่ชวิ๋นตกใจที่ตนเองมองอะไรไม่เห็น เขาจึงรีบรวบรวมกำลังปีนขึ้นมาจากหลุมบนดิน จักรพรรดิอ๋าวฮวงมองไปยังทิศทางที่ลำแสงทองคำส่องเข้ามา ดวงตาของเขาเป็นสีแดงก่ำแล้วน้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาของชายชรา

หลังจากนั้น จักรพรรดิอ๋าวฮวงก็คุกเข่าลงไป โขกหัวคำนับกับพื้นดิน

“ท่านพ่อ โปรดให้อภัยลูกด้วยที่เข้ามารบกวน”

โป๊ก! โป๊ก! โป๊ก!

เสียงโขกหัวคำนับดังขึ้นสามครั้ง ต่อมาจักรพรรดิอ๋าวฮวง ลุกขึ้นยืนด้วยดวงตาเป็นประกาย

“เจ้าได้ฝึกวิชาร่างกายมังกรมาหรือเปล่า ?” จักรพรรดิอ๋าวฮวงหันกลับมามองที่ฉู่ชวิ๋น

ฉู่ชวิ๋นรีบโคจรพลังร่างกายมังกรทันที หลังจากนั้น แรงกดดันที่ทับตัวเขาอยู่ก็จางหายไป

ฟู่!

ทันทีที่ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย ฉู่ชวิ๋นกลับกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ แต่มันก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสบายตัวมากยิ่งขึ้น

ฉู่ชวิ๋นทั้งโกรธและโล่งอกในเวลาเดียวกัน เห็นได้ชัดว่า จักรพรรดิอ๋าวฮวงตั้งใจกลั่นแกล้งเขา ในตอนนี้ ชายหนุ่มจึงย้ำเตือนตัวเองว่าอย่าไว้ใจชายชราผู้นี้อีกเด็ดขาด

แต่ในตอนที่ฉู่ชวิ๋นกำลังจะเปิดปากพูดอะไรบางอย่างดวงตาของเขาก็เบิกโต สีหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อและความตกตะลึง

ห่างออกไปประมาณสิบเมตร มังกรสีทองตัวหนึ่งลอยอยู่บนฟ้า ตัวของมันมีแสงสว่างแผดจ้า พร้อมกับแรงกดดันที่เป็นมวลพลังมหาศาล

ฉู่ชวิ๋นเดินเข้าไปหามันด้วยความไม่รู้ตัว เมื่อมองดูให้ดีจึงรู้ว่านี่ไม่ใช่มังกรทองคำ แต่มันเป็นโครงกระดูกมังกร

มังกรตัวนี้มีขนาดความยาวเพียงสามฟุต ว่าไปแล้วตัวเล็กยิ่งกว่าจิ่วโยวเสียอีก แต่เพียงแค่มันสะบัดหาง ก็คงฆ่าเขาตายได้ไม่ยาก

ฉู่ชวิ๋นแน่ใจแล้วว่าตอนที่มังกรตัวนี้ยังมีชีวิตอยู่ มันต้องมีพลังระดับจักรพรรดิเซียนไม่สิอาจสูงกว่านั้นอีกแต่ทำไมถึงมาอยู่ในสภาพนี้ได้ ? ช่างน่าอนาถใจเหลือเกิน

ฉู่ชวิ๋นยืนตัวแข็งทื่อ เมื่อคิดว่าผู้ที่จักรพรรดิอ๋าวฮวงคุกเข่าลงโขกหัวคำนับ และเรียกว่าพ่อเมื่อสักครู่นี้อาจจะเป็นมังกรตัวนี้ก็ได้

ฉู่ชวิ๋นแทบจะบ้าตายแล้ว สมองของเขาขบคิดไม่ทันอีกต่อไป ตลอดระยะเวลากว่าสามพันปี ชายหนุ่มไม่เคยตกตะลึงขนาดนี้มาก่อน

ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ นี่คือมังกรโบราณตัวแรกที่เขาได้พบ ที่สำคัญก็คือ จักรพรรดิอ๋าวฮวงบอกว่าเขาจำเป็นต้องเปลี่ยนกระดูก

ฉู่ชวิ๋นอดมองไปยังโครงกระดูกมังกรทองคำที่ลอยตัวอยู่ในอากาศอย่างช่วยไม่ได้แล้ว ในทันใดนั้นเอง ดวงตาของเขาก็เหลือกค้าง ริมฝีปากบิดเบี้ยว แล้วตัวคนก็ล้มตึงลงไป

หมายเหตุเนื่องจาก ฉู่ชวิ๋น ตะบี้ตะบันฝึกวิชาตลอดสามพันปีอย่างบ้าคลั่ง ทำให้เขาไม่ได้มีประสบการ์ณอะไรมากนัก แถมตอนที่เข้าสู่ขั้นจักรพรรดิเซียนไม่นานเขาก็ย้อนเวลามาชาติก่อนทันที ทำให้ความรู้ระดับสูงของขอบเขตจักรพรรดิเซียนขึ้นไป สำหรับเขาแล้วนั้นน้อยมากหรืออาจไม่มีเลย! (ปกติแล้วฝึกหมื่นปีถึงเป็นจักรพรรดิเซียนได้ในรอบหมื่นปี จะมีแค่ไม่กี่คนที่เข้าสู่ขั้นนี้ได้พระเอกถือเป็นยอดอัจฉริยะแห่งยุคในแดนเซียน