เวลานี้ ก่วนอวี้ดีใจมากที่ตนเองฟื้นขึ้นมา เพราะหลังจากที่ฟื้นขึ้นมาเขาก็ได้รับความรักที่เฝ้าฝันมานาน เธอบอกว่า อันที่จริงเธอรักเขา ความสุขเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
“ก่วนอวี้” มู่เฉิงซีพาเวินอี๋เดินเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย
“ก่วนอวี้ ดีใจที่นายฟื้นขึ้นมานะ” เวินอี๋ยิ้ม
ก่วนอวี้ยิ้มพร้อมกับพยักหน้าเพื่อเป็นการขอบคุณ
ถึงแม้ก่วนอวี้จะเป็นแค่คนของตระกูลหนานกง แต่เขาโตมาพร้อมกับหนานกงเยี่ย ผูกพันกับหนานกงเยี่ยมาก คุณชายทั้งสี่ของเมืองหลงต่างก็รู้ดีว่าหนานกงเยี่ยเห็นก่วนอวี้สำคัญเหมือนมือเหมือนเท้า ดังนั้นทุกคนจึงมองเขาสูงขึ้น
“ก่วนอวี้” หนานกงเยี่ยรีบเปิดประตูเข้ามา อีกมือหนึ่งจับมือเหลิ่งรั่วปิงแน่น โดยมีถังเฮ่าเดินตามหลังเข้ามา
เมื่อเห็นหนานกงเยี่ย ก่วนอวี้พยายามจะลุกขึ้น ”คุณชายเยี่ย”
“ไม่ต้องขยับ” หนานกงเยี่ยเดินสาวเท้าก้าวใหญ่ไปที่เตียงของก่วนอวี้ ”หมอว่ายังไงบ้าง”
ก่วนอวี้มองหนานกงเยี่ยด้วยความซาบซึ้ง ”พ้นระยะอันตรายแล้วครับ” เขาซาบซึ้งที่หนานกงเยี่ยยอมให้อภัยอวี้หลานซี
หนานกงเยี่ยโล่งอก ”แบบนั้นก็ดี รีบรักษาตัวให้หาย ฉันต้องการนายมาก” ไม่มีก่วนอวี้ เขารู้สึกเหมือนสูญเสียมือซ้ายและขวาไป
ก่วนอวี้พยักหน้า จากนั้นหันไปมองเหลิ่งรั่วปิง ”คุณผู้หญิง ผมขอบคุณแทนหลานซีด้วยนะครับ”
เหลิ่งรั่วปิงพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไร ที่ตอนนั้นเธอยอมยกโทษให้อวี้หลานซี ก็เพื่อหนานกงเยี่ย แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธออีกแล้ว
หนานกงเยี่ยไม่ยอมปล่อยมือเหลิ่งรั่วปิง กลัวว่าเธอจะหนีไปอยู่ตลอดเวลา
“พี่รั่วปิงคะ พวกเราไปคุยกันหน่อยดีไหมคะ” เวินอี๋ยิ้มแล้วพูดเสนอ หลังจากเหลิ่งรั่วปิงสูญเสียการมองเห็น พวกเธอไม่ได้นั่งพูดคุยด้วยกันมานานแล้ว
ไม่รอเหลิ่งรั่วปิงพูด หนานกงเยี่ยปฏิเสธเวินอี๋ทันควัน ”รั่วปิงไม่มีเวลา พวกเรายังมีธุระ เดี๋ยวก็จะกลับแล้ว”
เวินอี๋แปลกใจเล็กน้อย สำหรับเรื่องของเหลิ่งรั่วปิง น้อยครั้งที่หนานกงเยี่ยจะไม่มีเหตุผล วันนี้เขาดูแปลกไปเล็กน้อย
เหลิ่งรั่วปิงอึดอัด อยากจะสะบัดมือหนานกงเยี่ยทิ้งแรงๆ แต่มือของหนานกงเยี่ยเหมือนกับเหล็ก ล็อกเธอไว้แน่น ต่อหน้าคนมากมาย เธอทำอะไรมากไม่ได้ ด้วยเหตุนี้จึงมองค้อนไปที่หนานกงเยี่ย แต่หนานกงเยี่ยกลับไม่มีทีท่ายินยอมแม้แต่น้อย เขาส่งสายตาตักเตือนมาให้เธอ ความหมายจากแววตาคู่นั้นคือเขาจะตัวติดกับเธอตลอดเวลา อยากจะไป? ไม่มีทางเสียหรอก
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที หนานกงเยี่ยเบนสายตาไปทางอื่น พร้อมกับบอกทุกคน ”พวกฉันกลับก่อนนะ” จากนั้นพาตัวเหลิ่งรั่วปิงออกไป
มองประตูห้องปิดลง มู่เฉิงซีอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเป็นปม เหลือบมองถังเฮ่าที่อยู่ข้างๆ ”พวกเขาสองคนดูแปลกๆ?”
ถังเฮ่าพยักหน้า ”สองคนนั้นมีปัญหากัน ตอนที่ฉันไปถึงคฤหาสน์หนานกง เห็นเหลิ่งรั่วปิงเอาปืนจ่อหัวหนานกง”
อวี้ไป่หันที่นั่งอยู่ข้างมู่เฉิงซีตกใจ หันไปมองถังเฮ่าทันที ”รุนแรงถึงขั้นนี้?”
ถังเฮ่าพยักหน้า ”ตอนนั้น สีหน้าของทั้งสองคนดูไม่ดีเท่าไหร่ เหลิ่งรั่วปิงยังบอกอีกว่าจะหายตัวไปตลอดกาล”
อวี้ไป่หันครุ่นคิด ”ฉันคิดว่าครั้งนี้เกิดเรื่องใหญ่แล้ว แกเห็นสีหน้าเป็นกังวลของหนานกงไหม เหมือนกลัวว่าเหลิ่งรั่วปิงจะหนีไปอยู่ตลอดเวลา” หันหน้าไปมองมู่เฉิงซี ”จะเกี่ยวกับที่เมื่อวานเหลิ่งรั่วปิงถูกลอบทำร้ายหรือเปล่า”
ถังเฮ่า ”มีความเป็นไปได้ คนที่ลอบทำร้ายเหลิ่งรั่วปิงเมื่อวานคือองค์กรที่อยู่เบื้องหลังเธอ”
มู่เฉินซีส่ายหน้า ”ฉันคิดว่าไม่เกี่ยว ต่อให้องค์กรที่อยู่เบื้องหลังเหลิ่งรั่วปิงคิดจะทำร้ายเธอ หนานกงมีแต่รักและปกป้องเธอ จะทะเลาะกับเธอได้ยังไง ต้องเป็นเพราะสาเหตุอื่นอย่างแน่นอน”
ถังเฮ่า ”จริงด้วย ฉันเพิ่งไปคฤหาสน์หนานกงมา ได้ยินพวกสาวใช้พูดกันว่า วันนี้ตอนเช้า เหลิ่งรั่วปิงกับพ่อบ้านมีปัญหากัน เธอถึงขั้นตัดเส้นเอ็นที่เท้าของพ่อบ้านจนขาด”
“โหดขนาดนี้?” อวี้ไป่หันตกใจ ”หรือเป็นเพราะหนานกงต่อว่ารั่วปิง”
ถังเฮ่าส่ายหน้า ”ไม่ หนานกงไม่เพียงแต่ไม่ว่าอะไรรั่วปิง ในทางตรงกันข้ามเขากลับโมโหพ่อบ้าน และบิดมือทั้งสองข้างของพ่อบ้านจนหัก แล้วยังส่งพ่อบ้านกลับไปอยู่กับพ่อของหนานกง”
อวี้ไป่หัน ”ถ้าอย่างนั้นก็แปลกน่ะสิ หนานกงตามใจภรรยาเท่าชีวิต แล้วจะทำให้เหลิ่งรั่วปิงโมโหได้ยังไง ทั้งยังถึงขั้นใช้ปืนจ่อหัว?”
แววตามู่เฉิงซีฉายความฉลาดหลักแหลม ”ฉันคิดว่า ปัญหาต้องอยู่ที่พ่อของหนานกงแน่นอน”
เวินอี๋เป็นกังวลมาก ”เรื่องอะไรกันแน่คะ ถึงส่งผลต่อความสัมพันธ์ของคุณหนานกงกับพี่รั่วปิง”
“ฉันรู้” อวี้หลานซีเดินออกมาจากห้องอาหารพร้อมกับยกน้ำมาด้วย ”ฉันรู้ว่าเป็นเพราอะไร”
ก่วนอวี้ขมวดคิ้ว ”หลานซี คุณรู้?”
“ค่ะ” อวี้หลานซียื่นแก้วน้ำให้กับก่วนอวี้ ทอดถอนหายใจ ”พ่อบุญธรรมไม่ชอบรั่วปิง ไม่ยอมรับในตัวเธอ ถึงขั้นอยากให้เธอตาย ก่อนหน้านี้ที่ฉันพยายามฆ่าเหลิ่งรั่วปิงถึงสองครั้ง ล้วนเป็นเพราะได้รับอนุญาตจากพ่อบุญธรรม ฉันคิดว่า วันนี้พ่อบ้านกับรั่วปิงมีปัญหากัน เป็นเพราะต้องการชีวิตรั่วปิงแน่ๆ ดังนั้นรั่วปิงถึงได้ทำให้เส้นเอ็นที่เท้าของพ่อบ้านขาด”
ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนพากันนิ่งเงียบ พวกเขารู้มานานแล้ว หนานกงจวิ้นไม่มีวันอนุญาตให้หนานกงเยี่ยแต่งงานกับเหลิ่งรั่วปิงง่ายๆ ตอนนี้หนานกงเยี่ยแต่งงานกับเหลิ่งรั่วปิงตามอำเภอใจ หนานกงจวิ้นต้องโมโหมากแน่ๆ ด้วยนิสัยเอาแต่ใจและเหี้ยมโหด การที่ต้องการเอาชีวิตเหลิ่งรั่วปิงไม่ใช่เรื่องแปลก เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าหนานกงจวิ้นจะทำอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้ ไม่สนใจความสัมพันธ์ของพ่อลูก
มู่เฉิงซีเป็นตำรวจ วิเคราะห์สถานการณ์ด้วยความนิ่งสงบ ”ถ้าเป็นเพราะเรื่องแค่นี้ ไม่มีวันทำให้เหลิ่งรั่วปิงไร้เยื่อใยแบบนี้หรอก ด้วยนิสัยของเธอ ในเมื่อเลือกหนานกงแล้ว ไม่มีวันจะเลิกกับหนานกงเพราะเรื่องพวกนี้หรอก รั่วปิงมีแต่จะร่วมทุกข์ร่วมสุขสู้ไปพร้อมกับหนานกงเยี่ย ต้องมีเหตุผลอื่นแน่ๆ”
อวี้หลานซีครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นอีกครั้ง ”ฉันคิดว่า ฉันรู้ว่าเป็นเพราะอะไร…ครั้งนี้ เกรงว่ารั่วปิงกับเยี่ยคงจะเจอปัญหาใหญ่แล้ว”
มองดูท่าทีจริงจังของอวี้หลานซี ก่วนอวี้ร้อนใจขึ้นมา ”หลานซี มันเป็นเพราะเรื่องอะไรกันแน่ครับ คุณรีบพูดเร็วเข้า” เขาตั้งหน้าตั้งตาให้หนานกงเยี่ยและเหลิ่งรั่วปิงรักกัน จนผมเกือบจะหงอกหมดแล้ว ตอนนี้ได้ฟังคำพูดของอวี้หลานซี หัวใจบีบรัดขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
ทุกสายตาจับจ้องไปยังอวี้หลานซี ทำเอาเธอรู้สึกประหม่า อวี้หลานซีคิดอยู่ครู่หนึ่ง พูดด้วยความลังเล ”ฉันเองก็ไม่แน่ใจ แต่มีครั้งหนึ่งฉันได้ยินพ่อบ้านคุยโทรศัพท์กับพ่อบุญธรรม พวกเขาพูดถึงเรื่องในอดีต เหมือนว่าตอนนั้นพ่อบุญธรรมเป็นคนสนับสนุนลั่วเฮิ่งในการทำร้ายเจ้าของบริษัทรับเหมาที่ชื่อเจียงเฉิงอะไรนี่แหละ และดูเหมือนเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับเหลิ่งรั่วปิงด้วย…”
“อะไรนะ” เวินอี๋ลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ ”คุณบอกว่าหัวหน้าตระกูลหนานกงเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังลั่วเฮิ่ง?”
อวี้หลานซีมองเวินอี๋ด้วยความไม่เข้าใจ เธอไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเหลิ่งรั่วปิง ดังนั้นจึงไม่เข้าใจว่าทำไมเวินอี๋ถึงต้องตกใจมากขนาดนี้
ไม่เพียงแต่เวินอี๋ คนอื่นๆ ที่เหลือก็ล้วนตกใจจนหน้าถอดสี ก่วนอวี้ตกใจจนแผลฉีกขาด ปวดหน้าอกขึ้นมาทันที
อวี้ไป่หันถอนหายใจอย่างหมดแรง ”จบแล้ว ครั้งนี้จบแล้วจริงๆ”
มู่เฉิงซีและถังเฮ่าขมวดคิ้วเป็นปม อับจนหนทาง
ก่วนอวี้ทุบเตียงสองครั้งด้วยความจนปัญญา เม้มกัดฟันแล้วถอนหายใจ ”เรื่องทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง คุณชายเยี่ยเพิ่งพาคุณเหลิ่งกลับมา หรือว่าจะต้องเสียคุณเหลิ่งไปแบบนี้”
“พี่รั่วปิง!” เวินอี๋เสียใจจนน้ำตาไหลพราก ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด มู่เฉิงซีขมวดคิ้วเป็นปมโอบกอดเวินอี๋เอาไว้แล้วปลอบโยนเธอ
ห้องพักผู้ป่วยเข้าสู่ความเงียบ ทุกคนพากันถอนหายใจ
อวี้หลานซีมองก่วนอวี้ด้วยความไม่เข้าใจ ”ก่วนอวี้ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่คะ”
ก่วนอวี้ถอนหายใจ ”คุณเหลิ่งเป็นลูกสาวของคุณเจียงเฉิง”
“อะไรนะ” อวี้หลานซีตกใจมาก ”หมายความว่า พ่อบุญธรรมเป็นคนฆ่าพ่อของเหลิ่งรั่วปิง?”
ก่วนอวี้ส่ายหน้าอย่างหมดเรี่ยวแรง อวี้หลานซีล้มตัวลงนั่งบนเก้าอี้ ถอนหายใจด้วยความเจ็บปวด เธอรู้สึกเสียใจแทนเหลิ่งรั่วปิงจริงๆ นับตั้งแต่กระสุนที่เธอยิงเจาะเข้าหน้าอกก่วนอวี้ เธอก็ละทิ้งทุกความดึงดันจนหมด และการที่เหลิ่งรั่วปิงยกโทษให้เธอ ทำให้เธอรู้สึกซาบซึ้งใจมาก เธออวยพรให้เหลิ่งรั่วปิงและหนานกงเยี่ยรักกันจากใจจริง
หลังจากเงียบอยู่นาน อวี้หลานซีพูดขึ้นอีกครั้ง ”แล้วจะทำยังไงคะ”
ก่วนอวี้นิ่งเงียบขมวดคิ้วเป็นปม อวี้ไป่หันสายหน้าถอนหายใจ ”ทำอะไรไม่ได้ ด้วยนิสัยของเหลิ่งรั่วปิง ต่อให้เธอจะรักหนานกงเยี่ยมากแค่ไหน ก็ไม่มีวันคบกับเขาต่อไปได้” หยุดชะงักไปสองวินาที ”ฉันไม่เข้าใจ เจียงเฉิงและหนานกงไม่ข้องเกี่ยวกัน ทำไมหัวหน้าตระกูลหนานกงถึงต้องทำร้ายเขาด้วย”
ถังเฮ่า ”จริงด้วย ฉันเองก็ไม่เข้าใจ ถึงแม้จะขัดแย้งกันเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจ แต่ก็ไม่ถึงขั้นสั่งให้ลั่วเฮิ่งเอาชีวิต อีกทั้งยังวางแผนมานานหลายปีแบบนี้”
ก่วนอวี้ครุ่นคิด เงยหน้าขึ้นช้าๆ ”คนที่ทำให้หัวหน้าตระกูลคับแค้นใจมากขนาดนี้ได้ มีแค่คนเดียวเท่านั้น ซึ่งก็คือคุณหนูใหญ่ตระกูลเซียวที่เคยหมั้นหมายกับหัวหน้าตระกูล เซียวมู่อวี่”
“เซียวมู่อวี่?” เวินอี๋เงยหน้าขึ้น หันไปมองก่วนอวี้ ”ฉันเคยได้ยินพ่อพูดถึง ชื่อจริงของป้าเจียงคือเซียวมู่อวี่ บอกว่าเพราะต้องหลบซ่อนใครบางคน ดังนั้นจึงเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุลค่ะ”
ก่วนอวี้พยักหน้า ”ถ้าอย่างนั้นก็ถูกแล้ว หัวหน้าตระกูลแก้แค้นคุณเจียงเฉินที่แย่งภรรยาของตนไป” สูดลมหายใจเข้า ทอดถอนหายใจยาว ”โชคชะตากลั่นแกล้งจริงๆ ทำไมลูกสาวของคุณเจียงเฉิงต้องเป็นคุณเหลิ่งรั่วปิงด้วย”
ชั่วขณะหนึ่ง บรรยากาศในห้องผู้ป่วยโอบล้อมด้วยความเศร้า ทุกคนมองหน้ากัน ทอดถอนหายใจ เวินอี๋ร้องไห้โดยไม่มีเสียง
หนานกงเยี่ยพาเหลิ่งรั่วปิงออกมาจากโรงพยาบาล ไม่ว่าเธอจะขัดขืนยังไง เขาก็ไม่ยอมปล่อยมือ ”หยุดดื้อได้แล้ว พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ”
ตอนเที่ยงทั้งสองทะเลาะกัน ทำให้ไม่ได้กินมื้อเที่ยง ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว
“คุณหนานกงเยี่ย พวกเราควรจะจบกันได้แล้ว ทำไมคุณถึงดึงดันแบบนี้”
หนานกงเยี่ยเงียบ เขาใช้การกระทำบอกกับเหลิ่งรั่วปิง เขาไม่มีวันปล่อยเธอไป หนานกงเยี่ยลากเหลิ่งรั่วปิงขึ้นรถอย่างเผด็จการ รัดเข็มขัดนิรภัยให้เธอ จากนั้นขับรถไปยังร้านอาหารหรู รับประทานอาหารในห้องวีไอพี สั่งอาหารที่เธอชอบ
เหมือนอย่างที่ผ่านมา นั่งอยู่ข้างเหลิ่งรั่วปิง ตักอาหารให้เธอ
ใบหน้าเหลิ่งรั่วปิงไร้ความอารมณ์ เธอนั่งนิ่งไม่ขยับ เธอรักผู้ชายของศัตรูไม่ได้
หนานกงเยี่ยมีความอดทนสูงมาก เอาตะเกียบยัดใส่ในมือเหลิ่งรั่วปิง ”รีบกินเถอะครับ ไม่อย่างนั้นผมจะเป็นคนป้อนคุณเอง”
เหลิ่งรั่วปิงเบี่ยงหน้าไปทางอื่น ไม่อยากมองหน้าเขา และไม่อยากรับตะเกียบมาด้วย
มือของหนานกงเยี่ยที่ถือตะเกียบเอาไว้นิ่งค้างกลางอากาศ ไม่ได้รับการตอบกลับจากเธอ เขาเองก็ไม่ได้โมโห คีบอาหารแล้วป้อนให้เหลิ่งรั่วปิง
เหลิ่งรั่วปิงโมโห ผลักมือเขาทิ้ง อาหารที่คีบเอาไว้หล่นลง เปื้อนตัวหนานกงเยี่ย แต่เขาก็ไม่ได้โมโห คีบอาหารให้เธออีกครั้ง
หลายต่อหลายครั้ง เหลิ่งรั่วปิงแย่งตะเกียบมาจากมือหนานกงเยี่ยแล้วโยนทิ้ง สีหน้าของเธอมีแต่ความโมโห ”คุณหนานกงเยี่ย คุณต้องการอะไรกันแน่”