บทที่ 393 สำคัญอย่างยิ่ง + บทที่ 394 เป็นของของเขา

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 393 สำคัญอย่างยิ่ง

ยิ่งเซียวจื่อเซวียนขบคิดเรื่องนี้มากเท่าใด นางยิ่งรู้สึกว่าเซียวอี้หลินได้ความคิดเช่นนั้นมาจากหนิงเมิ่งเหยา หากไม่ใช่เพราะหนิงเมิ่งเหยา เขาก็คงจะไม่ลงมือสืบเรื่องนี้เองแน่นอน

ต้องเป็นหนิงเมิ่งเหยาแน่ที่บอกเซียวอี้หลิน

ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ สีหน้าของเซียวจื่อเซวียนพลันโหดเหี้ยมขึ้นเรื่อยๆ “อย่าบอกเรื่องนี้กับผู้ใดเด็ดขาด”

“ขอรับ ชายาซื่อจื่อ”

ขณะที่เซียวจื่อเซวียนกำลังวุ่นกับเรื่องนี้ หลิงหลัวกลับสงสัยว่าเหตุใดเซียวจื่อเซวียนจึงกลับมาจากจวนตระกูลเซียวมาในสภาพนั้น

เซียวจื่อเซวียนนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งขณะมองตนเองในกระจก ใบหน้าอันงดงามของนางนั้นหายไปแล้ว มันถูกแทนที่ด้วยความโหดเหี้ยมและความน่ากลัว

นางสะบัดมือ กระจกร่วงหล่นลงแตกกระจายอยู่บนพื้น หนิงเมิ่งเหยา ครั้งนี้ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่

หนิงเมิ่งเหยาที่กำลังพักผ่อนอย่างสบายใจอยู่นั้นไม่รู้ตัวเลยว่าตนถูกเซียวจื่อเซวียนจ้องล้างแค้นเพราะเรื่องของเซียวอี้หลิน

ในตอนนี้จวนตระกูลเซียวตัดความสัมพันธ์กับนางทุกช่องทาง และนางต้องการจะแก้ไขเรื่องนี้ ดังนั้นเมื่อหลิงหลัวมาหา นางจึงเอ่ยถามขึ้นว่า “หลัว ป้ายที่ข้าให้ท่านอยู่ที่ใดหรือ”

หลิงหลัวขมวดคิ้ว เขาหันหน้าไปมองเซียวจื่อเซวียน “เจ้าถามถึงมันทำไมหรือ”

“ท่านพ่อโกรธมาก เมื่อพบว่าป้ายหายไป เขารู้กระทั่งว่าข้าเป็นผู้เอามันมา เขาโกรธมากตอนที่ข้าไปพบเขาวันนั้น หากท่านใช้มันเสร็จแล้วก็คืนมาให้ข้า ข้าจะเอามันกลับไปให้ท่านพ่อ” เซียวจื่อเซวียนไม่ได้ปิดบังอะไรมาก นางเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้หลิงหลัวฟังอย่างจริงจัง

สีหน้าของหลิงหลัวเปลี่ยนไปในทันทีเพราะคำพูดของเซียวจื่อเซวียน เขาจ้องมองนาง “เจ้าหมายความว่าอย่างไร เจ้าให้ข้าแล้วมิใช่หรือ แล้วทำไมตอนนี้จะเอาคืนเสียล่ะ”

เซียวจื่อเซวียนมองหลิงหลัวที่เริ่มไม่เป็นมิตรด้วยสายตาว่างเปล่า ตอนนั้นเขาไม่ได้หมายความเช่นนี้มิใช่หรือ เหตุใดมันจึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้

“ก่อนหน้านี้ท่านบอกเองมิใช่หรือว่าท่านจะคืนมันให้ข้าเมื่อท่านใช้เสร็จแล้ว” เซียวจื่อเซวียนเผลอพูดออกมา

ทว่าหลิงหลัวกลับมีท่าทีขบขัน เขามองเซียวจื่อเซวียน “ข้าบอกเช่นนั้นตั้งแต่เมื่อใด”

“ท่าน… ท่านโกหกข้าหรือ”

“โกหกเจ้ารึ ข้าจะโกหกเจ้าได้อย่างไร” หลิงหลัวมองเซียวจื่อเซวียน เขาไม่ได้รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย

เซียวจื่อเซวียนชี้นิ้วใส่หลิงหลัว ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ “หลิงหลัว นั่นไม่ใช่สิ่งที่ท่านพูดก่อนหน้านี้ ท่านเคยบอกว่าจะคืนมันให้ข้าเมื่อใช้เสร็จแล้ว ท่านไม่รู้หรือว่าตอนนี้ท่านพ่อหัวเสียเอามากๆ”

“ข้ารู้” หลิงหลัวพยักหน้า

“ถ้ารู้แล้ว เช่นนั้นเหตุใดจึงไม่ยอมคืนมันให้ข้าเล่า”

“ตอนนี้ข้ายังต้องใช้มันอยู่ หากข้าใช้มันเสร็จเมื่อใด ข้าจะคืนให้เจ้าแน่” ป้ายแผ่นนั้นจะไร้ประโยชน์ไปทันทีเมื่อพวกเขาพบขุมพลังแห่งนั้น เขาจะคืนให้นางก็ได้ แต่เมื่อถึงเวลานั้นสิ่งที่อยู่ในมือของนางก็จะมีเพียงแค่แผ่นป้ายไร้ประโยชน์แผ่นเดียวเท่านั้น

เซียวจื่อเซวียนมองหลิงหลัวที่ยืนอยู่ตรงหน้านางอย่างไม่เชื่อสายตา

“หลัว ท่านคืนมันให้ท่านพ่อตอนนี้ไม่ได้หรือ”

สีหน้าของหลิงหลัวพลันเปลี่ยนไปเมื่อเห็นเซียวจื่อเซวียนแสดงท่าทีเช่นนั้นออกมา เขาพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า “ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากคืน แต่ตอนนี้ป้ายแผ่นนั้นมันสำคัญกับข้ามากจริงๆ รอสักหน่อยเถิด แล้วข้าจะคืนให้เจ้า ตกลงไหม”

เซียวจื่อเซวียนมองหลิงหลัวอย่างเคลือบแคลงใจ นางไม่แน่ใจว่าเขากำลังพูดความจริงอยู่หรือเปล่า แต่เมื่อเห็นความอ่อนโยนบนใบหน้าของเขา นางก็เผลอหลงเชื่อเข้าจนได้

“เช่นนั้นก็เร่งมือเสีย”

“เข้าใจแล้ว”

หลิงหลัวรู้สึกโล่งอกหลังจากเห็นว่าเซียวจื่อเซวียนไม่ได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก เขากังวลเหลือเกินว่าเซียวจื่อเซวียนจะทำให้แผนการรั่วออกไป หากเป็นเช่นนั้นพวกเขาคงต้องตายก่อนได้ทันลงมือเป็นแน่

หลังจากปลอบให้เซียวจื่อเซวียนสงบลงได้ หลิงหลัวรู้สึกว่าสาเหตุที่วันนั้นเซียวจื่อเซวียนถูกเรียกตัวกลับไปยังจวนตระกูลเซียวไม่ได้มีแค่เรื่องนี้เพียงเรื่องเดียว มันจะต้องมีเรื่องอื่นด้วยแน่นอน

หลังจากกลับมาที่ห้องหนังสือของตน หลิงหลัวจึงรีบส่งคนออกไปสืบว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นกับเซียวจื่อเซวียนที่จวนตระกูลเซียวกันแน่

ในเวลานั้น เซียวจื่อเซวียนรู้สึกได้ว่าหลิงหลัวเปลี่ยนไปเล็กน้อย ยิ่งโดยเฉพาะเวลาที่พวกเขาออกไปข้างนอกด้วยกัน นางบังเอิญเห็นสายตาของหลิงหลัวตอนที่เขามองหนิงเมิ่งเหยาโดยไม่ตั้งใจ ในสายตานั้นมีทั้งความหลงใหลและความเกลียดชังอยู่ภายใน เป็นความเกลียดชังชนิดที่อยากจะฉีกเฉียวเทียนช่างให้เป็นชิ้นๆ

บทที่ 394 เป็นของของเขา

สมองของเซียวจื่อเซวียนว่างเปล่าหลังจากเห็นสีหน้าของหลิงหลัว นางรู้สึกว่าตัวเองถูกหลอก

สายตาที่หลิงหลัวใช้มองนางนั้นแตกต่างกับตอนที่เขามองหนิงเมิ่งเหยาลิบลับ เมื่อไม่มีผู้ใดให้เปรียบเทียบ นางจึงหลงคิดไปว่าหลิงหลัวหลงรักนางจริงๆ

แต่เมื่อนางเห็นหลิงหลัวมองหนิงเมิ่งเหยา เซียวจื่อเซวียนก็รู้สึกว่าความรู้สึกที่หลิงหลัวมีให้นางนั้นไม่มีค่าใด ๆ พอให้เอ่ยถึงเลยแม้แต่น้อย

เมื่อมีความคิดเช่นนั้นอยู่ในหัว ตัวนางที่เคียดแค้นหนิงเมิ่งเหยาอยู่แล้วก็ยิ่งรู้สึกเกลียดชังนางมากขึ้นจนแทบอยากจะฆ่านางให้ตาย

เซียวจื่อเซวียนเดินตามเฉียวเทียนช่างและหนิงเมิ่งเหยา นางระวังตัวไม่ให้ถูกพบได้พลางมองดูท่าทางมีความสุขของทั้งสอง หัวใจของนางก็ค่อยๆ บิดเบี้ยวขึ้น

หากนางไม่มีความสุข แล้วเหตุใดหญิงแพศยาเช่นหนิงเมิ่งเหยาจึงมีความสุขได้

ตอนนี้นางไม่เหลืออะไรแล้ว แม้แต่บิดาของนางก็ไม่ต้องการนางอีกต่อไป ทว่าหนิงเมิ่งเหยากลับได้พบบิดาของตน และยิ่งกว่านั้นบิดาของนางยังมีฐานะสูงส่งอีกด้วย

หนิงเมิ่งเหยาเดินไปข้างหน้าแล้วก็พลันหยุดฝีเท้าลงกะทันหัน  นางหันไปมองด้านหลังตามสัญชาตญาณ แต่นางก็ไม่พบอะไรผิดปกติ

เฉียวเทียนช่างที่ออกมาเดินเล่นข้างนอกกับนางรู้สึกว่านางทำตัวแปลกๆ “มีอะไรหรือ”

“เปล่า ข้าเพียงแค่รู้สึกว่ามีคนกำลังจับตามองพวกเราอยู่” หนิงเมิ่งเหยากระซิบ

เมื่อได้ยินดังนั้น เฉียวเทียนช่างจึงหรี่ตาลง แม้หนิงเมิ่งเหยาจะลืมเรื่องนั้นไปอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ยังคงเพ่งความสนใจไปทางด้านหลังของตนอยู่

เฉียวเทียนช่างสังเกตเห็นเซียวจื่อเซวียนที่สะกดรอยตามพวกเขาอยู่ได้ในทันที ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความมุ่งร้ายและเกลียดชัง ความรู้สึกเหล่านั้นรุนแรงเสียจนเหมือนว่านางพร้อมจะฆ่าพวกเขาได้ทุกเมื่อ

สายตาเช่นนั้นดึงความสนใจของเฉียวเทียนช่างได้ชะงักนัก เขามองหนิงเมิ่งเหยาแล้วพยายามข่มกลั้นความกังวลในใจก่อนจะพาหนิงเมิ่งเหยาให้ออกห่างจากการสะกดรอยของเซียวจื่อเซวียนอย่างเงียบๆ

เซียวจื่อเซวียนสะกดรอยตามพวกเขามาร่วมสองสามช่วงถนน และรู้สึกทนไม่ไหวอีกต่อไป ทว่าตอนที่นางกำลังจะพุ่งเข้าไปหาพวกเขา พวกเขากลับอันตรธานหายไปเสียเฉยๆ สิ่งที่เกิดขึ้นทำเอาเซียวจื่อเซวียนรู้สึกโกรธเคืองยิ่งนัก

นางมองไปรอบๆ แต่ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของหนิงเมิ่งเหยา นางจึงกระทืบเท้าอย่างหัวเสียโดยทันที

สุดท้าย นางจึงทำได้เพียงหันหลังกลับไป

สิ่งที่เซียวจื่อเซวียนไม่ทันสังเกตเห็นนั้นคือตอนที่นางหันหลังกลับไป เฉียวเทียนช่างกอดหนิงเมิ่งเหยาและซ่อนตัวอยู่ในมุมมุมหนึ่ง บนใบหน้าของเฉียวเทียนช่างมีรอยยิ้มอันกระหายเลือดปรากฏอยู่ขณะมองร่างที่กำลังลับสายตาไปของเซียวจื่อเซวียน

หากหญิงผู้นี้กล้าทำให้เหยาเหยาเจ็บตัวอีกครั้ง เขาจะทำให้นางต้องรู้ซึ้งว่าการตายเสียยังดีกว่านั้นเป็นอย่างไร

“เทียนช่าง กลับกันเถอะ” หนิงเมิ่งเหยารู้สึกเหนื่อยล้าจากการเดินเป็นเวลานาน นางอยากกลับจวนแล้ว

แน่นอนว่าเฉียวเทียนช่างไม่คัดค้านความคิดของหนิงเมิ่งเหยา ดังนั้นพวกเขาจึงเดินกลับจวนพร้อมกัน

เฉียวเทียนช่างเห็นหลิงหลัวตอนขากลับ สายตาของหลิงหลัวค่อนข้างใกล้เคียงกับสายตาของเซียวจื่อเซวียน แต่ความรู้สึกเกลียดชังจนแทบอยากฆ่าให้ตายนั้นกลับพุ่งมาที่เขา หาใช่หนิงเมิ่งเหยาไม่

เขายิ้มให้หลิงหลัวขณะกอดนางแล้วหมุนตัวเดินจากไป เขาอยากจะเห็นนักว่าหลิงหลัวจะมีชีวิตอยู่ได้ถึงเมื่อไหร่

รอยยิ้มของเฉียวเทียนช่างนั้นราวกับกำลังยั่วโทสะของหลิงหลัวรอยยิ้มนั้นดูเหมือนคำประกาศอันแสนภาคภูมิใจว่าหญิงผู้นี้เป็นของเฉียวเทียนช่างแล้ว และบอกให้เขาเลิกฝันเสียที

หลิงหลัวจ้องมองร่างที่เดินจากไปของคนทั้งคู่ หัวใจที่บิดเบี้ยวเป็นทุนเดิมอยู่แล้วพลันอัปลักษณ์ยิ่งขึ้น

ความมืดมิดภายในหัวใจของเขาแผ่ขยายออกไป สิ่งที่เขาคิดอยู่ในหัวมีเพียงรอยยิ้มอันอ่อนโยนและท่าทางอันแสนมีความสุขของหนิงเมิ่งเหยาในอ้อมแขนของเฉียวเทียนช่าง

จากนั้นเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่านางเย็นชาและโหดร้ายกับเขามากเพียงใด ทันใดนั้นหลิงหลัวก็ตัดสินใจได้อย่างแน่วแน่ ถึงเขาจะต้องตาย แต่เขาก็จะไม่ยอมให้หนิงเมิ่งเหยาได้อยู่กับเฉียวเทียนช่างแน่ เพราะนางเป็นของเขา

หลิงหลัวมองไปยังทิศทางที่จวนแม่ทัพตั้งอยู่พลางจมลงสู่ภวังค์ความคิดของตน ในไม่ช้าบิดาของเขาจะต้องไปที่นั่นแน่ และเมื่อถึงเวลานั้นจวนแม่ทัพก็จะราบเป็นหน้ากลอง เขาอยากเห็นนักว่าหนิงเมิ่งเหยาจะใช้อะไรมาปฏิเสธความสัมพันธ์ระหว่างเขาและนางได้อีก

ทุกอย่างที่หลิงหลัวทำนั้นล้วนอยู่ในสายตาของคนกลุ่มหนึ่งซึ่งแฝงกายอยู่ในความมืด แต่หลิงหลัวกลับไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย

หลังจากกลับมาถึงจวนตระกูลหลิง หลิงหลัวรีบตรงไปหาผู้เป็นบิดาอย่างอดรนทนไม่ไหว “ท่านพ่อ พวกเราจะลงมือได้เมื่อใดขอรับ”