หลิงเหยาโดนศิษย์พี่ของตัวเองชมแบบนี้ จึงหน้าแดงเล็กน้อย “ศิษย์พี่เยียนหราน ชมเกินไปแล้ว”

เยียนหรานยิ้มแล้วพูดว่า “เกินที่ไหนกันล่ะ ศิษย์น้องได้รับฉายาอัจฉริยะอันดับหนึ่งของคณะสงบใจ กลัวว่าผ่านไปอีกสักระยะ ขนาดศิษย์พี่อย่างฉันคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอแล้ว”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ดวงตาเยียนหราน ฉายแววประหลาด แต่หลิงเหยาที่ก้มหน้าอย่างเขินอาย กลับมองไม่เห็น

ทั้งสองเพิ่งนั่งลง พวกหนุ่มๆ เข้ามาล้อมทันที

“แม่นางหลิงเหยา ผมชื่อเฝิงคั่วแห่งคณะกำแหง ขอชวนคุณทานข้าวสักมื้อได้ไหม ผมเลี้ยงเอง อยากกินอะไร ได้หมดเลย”

“แม่นางหลิงเหยา ผมชื่อเหอตงแห่งคณะฟ้าร้อง ไม่ทราบว่าพอมีโอกาสชวนคุณ ไปชมวิวด้วยกันได้ไหม”

“แม่นางหลิงเหยา ผมชื่อกู่หลิงแห่งคณะศิงขร……”

“แม่นางหลิงเหยา……”

กลุ่มคนล้อมหลิงเหยากับเยียนหรานเอาไว้แล้ว

เยียนหรานเบิกตาโต แล้วพูดว่า “พวกนายทำอะไร หลีกไปเลย นี่เป็นสถานที่ฟังเพลง ไม่ใช่สถานที่ที่ให้พวกนายมาวุ่นวาย ถ้ากล้ารบกวนศิษย์น้องฉัน ระวังฉันจะไม่เกรงใจพวกนาย”

กลุ่มคนรีบเงียบเสียง หานเฟิงพูดเบาๆ ว่า “ผู้หญิงคนนี้ก้าวร้าวจัง เสียงใหญ่ นิสัยเกรี้ยวกราด ใครแต่งด้วยคงซวย”

เยียนหรานจับมือหลิงเหยา แล้วพูดเบาๆ ว่า “หลิงเหยา ไปกันเถอะ ไปกินข้าวกับพี่ ไม่ต้องสนใจคนพวกนี้”

หลิงเหยาหน้าแดงเล็กน้อย “ค่ะศิษย์พี่”

ขณะนั้น ผู้ชายที่นั่งติดประตูพูดว่า “คุณหลิงเหยา ผมขอเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อได้ไหม”

ทุกคนหันไปมอง เฝิงคั่วแห่งคณะกำแหงที่พูดออกมาเมื่อครู่ ก่นด่าออกมา “นายเป็นใคร นายพูดว่าเลี้ยง……”

เขาไม่ได้พูดต่อ เพราะเขารู้ว่าคนที่พูดเป็นใคร

เฝิงคั่วพูดเบาๆ ว่า “ศิษย์พี่เหลิ่งหานนี่เอง”

เหลิ่งหานลุกขึ้นยืน “ฉันเอง พวกนายมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”

นักเรียนคนอื่นเงียบลงทันที ลู่ฝานถามหานเฟิงที่อยู่ข้างๆ ด้วยเสียงเบา “เหลิ่งหานคือใครเหรอ”

หานเฟิงกัดฟันพูดว่า “ไอ้เลวคณะหยินหยาง ศิษย์น้องลู่ฝาน จำเอาไว้ พวกหน้าละอ่อนคณะหยินหยาง ล้วนเป็นคนเลว”

เหลิ่งหานเดินเข้าไปหาหลิงเหยา ใบหน้าเนียน เครื่องหน้าหล่อเหลา บวกกับชุดบู๊สีขาวเงินทั้งตัว เหลิ่งหานดูสูงส่งและสง่างาม มีกระบี่ยาวสีเงินอยู่ตรงเอว ไม่มีฝักกระบี่ ผมดำสยาย ดูมั่นคงและเป็นอิสระ

เมื่อเดินมาถึงหน้าหลิงเหยา เหลิ่งหานยิ้มงดงาม “คุณหลิงเหยา ฉันพอมีโอกาสนั้นไหม”

พูดพลาง เหลิ่งหานเหลือบมองเยียนหรานข้างๆ ประกายที่ออกจากตา ทำให้เยียนหรานตัวสั่นไปหนึ่งที

มันเล็กน้อยมาก แต่ลู่ฝานยังมองเห็น

เหมือนมีอะไรบางอย่าง

ต่อมา เยียนหรานจับมือหลิงเหยา แล้วพูดว่า “ศิษย์น้องหลิงเหยา ศิษย์พี่เหลิ่งหาน เป็นคนโดดเด่นของคณะหยินหยาง เป็นอัจฉริยะเหมือนเธอ หรือเธอจะ……”

เหลิ่งหานพูดต่อ “แม่นางหลิงเหยา แค่กินข้าวมื้อเดียวเท่านั้น ฉันรู้เรื่องดนตรีนิดหน่อย พอแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันได้”

หลิงเหยามองเยียนหราน แล้วมองเหลิ่งหาน กำปลายเสื้อแล้วพูดว่า “ก็ได้”

เหลิ่งหานรอยยิ้มเต็มหน้า ผายมือขวา แล้วพูดว่า “งั้นเชิญแม่นางหลิงเหยา”

หลิงเหยาลุกขึ้นยืน เดินตามเหลิ่งหานออกไป

ตอนนี้ หานเฟิงที่ยืนข้างลู่ฝาน ทนไม่ไหว พูดกับลู่ฝานว่า “ให้ตายเถอะ ฉันทนดูไม่ไหวแล้ว เหลิ่งหาน นายจะทำชั่วใส่ผู้หญิงดีๆ อีกแล้วใช่ไหม”

หานเฟิงเดินออกมา แล้วแผดเสียงดัง

เหลิ่งหานอึ้งไปก่อน จากนั้นสีหน้าเย็นชาทันที