ตอนที่ 371 ฉันจะทำให้ดีที่สุด / ตอนที่ 372 วันเกิดครบรอบปีที่แปดสิบแปด

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 371 ฉันจะทำให้ดีที่สุด

ร่างของเธอถูกกดลงบนเตียง เฉินเชียนโหรวพยายามจูบเขาอย่างเอาใจ

ซูเหิงเองก็จูบตอบเธอกลับไปอย่างบุ่มบ่าม ทว่าตอนที่หญิงสาวขานเรียกเขาที่ข้างใบหูด้วยความอดทนน้อยนิด “พี่เหิง” ร่างของเขาก็พลันแข็งทื่อ มือที่รัดรอบเอวของเธออยู่ค่อยๆ คลายออก ก่อนจะถอนตัวออกมา

“ฉันยังมีหลายอย่างที่ยังไม่จัดการ เธอ…นอนไปก่อนเถอะ”

ซูเหิงพูดจบก็เตรียมจะเดินจากไป หัวใจของเฉินเชียนโหรวรู้สึกกระวนกระวาย เธอรีบกระโดดลงจากเตียงแล้วเข้าสวมกอดเขาจากด้านหลังเอาไว้แนบแน่น

“พี่เหิง พี่หายโกรธฉันได้ไหม เรื่องเมื่อคืนฉันไม่ได้จะทำร้ายพี่สาวจริงๆ นะ…ฉันยอมรับว่าฉันไม่ชอบเธอ ฉันเห็นว่าเธอคือพี่สาวฉัน แต่หลายปีมานี้ เธอไม่เคยคิดว่าฉันเป็นน้องสาวของเธอเลย เธอผลักไสฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ต่อให้หัวใจของฉันจะเข้มแข็งสักแค่ไหน มันก็ถูกเธอทำลายจนกลายเป็นผุยผงไปหมดแล้ว แต่ที่ฉันรักพี่ ฉันแย่งพี่มาจากเธอ มันคือสิ่งที่ฉันจะติดค้างเธอไปตลอดชีวิต”

“ฉันดูย้อนแย้งจริงๆ พี่เหิง…แต่ฉันไม่มีวันทำร้ายพี่สาวเด็ดขาด…พี่เหิง พี่จะเข้าใจฉันไหม พี่จะเชื่อใจฉันไหม พี่รู้รึเปล่าว่าฉันเสียใจมาก เสียใจมากจริงๆ…พี่ไม่รู้หรอกว่าวันนี้ฉันต้องเจอกับอะไรบ้าง…”

จะเชื่อใจเธอไหม…

ซูเหิงข่มตาลงแน่น ขมับของเขาปวดหนึบอย่างรุนแรง

หากปีนั้นเขาเชื่อมั่นในตัวเฉินฝานซิงอีกสักนิด บางที…

พวกเขาคงไม่ต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้!

เมื่อคิดว่าความไม่เชื่อใจของเขาเคยทำให้เฉินฝานซิงต้องเจ็บปวด ภายในใจของเขาก็พลันปวดร้าวและไร้เรี่ยวแรง

เชื่อใจ…

“เชียนโหรว ความเชื่อใจที่ฉันมีให้เธอมันยังไม่มากพอเหรอ”

เฉินเชียนโหรวสะอื้นพลางกอดอีกฝ่ายแน่นกว่าเดิม “พอค่ะ พอ เพราะงั้นพี่เหิง ได้โปรดเชื่อใจฉันต่อไปด้วยเถอะนะ…ฉันกลัวจริงๆ ขอร้องละ พี่อย่าเย็นชากับฉันแบบนี้อีกเลย…อย่าทิ้งฉันไป…”

ซูเหิงเหนื่อยล้าทั้งกายใจ เสียงร้องปานจะแตกสลายของเฉินเชียนโหรวทำหัวใจของเขาขยายตัวจนปวดหนึบ ท้ายที่สุดเขาก็ไม่ทนอีกต่อไป เขาค่อยๆ หมุนตัวมาก่อนจะพบว่าตอนนี้อีกฝ่ายร้องไห้จนใบหน้าเปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาแล้ว

ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เขาต้องแบกรับแรงกดดันมากมายเพียงไหน แต่ว่า…

ซูเหิงหยิบผ้าห่มบนเตียงขึ้นคลุมร่างของเธอไว้ ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ ราวกับกำลังตัดสินใจเรื่องสำคัญ

“เชียนโหรว ออกจากวงการบันเทิงเถอะนะ”

เฉินเชียนโหรวนิ่งอึ้ง หน้าที่ร้องจนขึ้นสีแดงพลันเปลี่ยนไปเป็นสีขาวซีด

“วงการนั่นมันมีแต่คนคอยจ้องจะจับผิดเธออยู่ทุกวัน เพียงแค่จุดด่างพร้อยเล็กๆ น้อยๆ ก็บานปลายได้ไม่สิ้นสุด ข้อเสียมันมีมากเกินไป เธอมาอยู่ข้างๆ ฉันอย่างวางใจไม่ดีกว่าเหรอ วันนี้ทางสกุลป๋อแจ้งประกาศมาว่า การแข่งขันปรุงน้ำหอมอีกสามเดือนนับจากนี้ สกุลซูและจือชิ่นจะต้องลงแข่งขัน หากคว้าแชมป์มาได้เราก็จะเข้าไปวางตลาดในสกุลป๋อได้สำเร็จ เป็นแค่ Rosanna ดีไหม จะได้ไม่ต้องเหนื่อยขนาดนั้นด้วย…”

“พี่เหิง ไม่…จะเป็นไปได้ยังไง…ไม่ได้นะ ตอนนี้หลานอวิ้นจะขาดฉันไม่ได้ คุณย่าเองก็ไม่มีวันเห็นด้วยเด็ดขาด…อีกอย่างฉันเองก็ไม่อยากทำแบบนั้น ฉันยังไปไม่ถึงจุดสูงสุดเลยนะ ฉันจะไม่ยอมแพ้เพราะอุปสรรคครั้งนี้หรอก…พี่เหิง ฉันจะลงแข่งปรุงน้ำหอมแน่ และฉันจะต้องเป็นแชมป์ให้ได้ ส่วนเรื่องออกจากวงการบันเทิง มันกะทันหันเกินไป ให้เวลาฉันอีกซักหน่อยได้ไหมคะ พี่เหิง…ฉันขอล่ะ…”

ซูเหิงมองลึกลงไปในดวงตาของเธอ ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง

“ฉันจะไม่บังคับเธอ เธอใจเย็นๆ ก่อนเถอะ อาทิตย์หน้าไปจิงเฉิงกับฉันนะ ที่เคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ไง วันเกิดครบรอบปีที่แปดสิบแปดของนายใหญ่สกุลเผย”

เฉินเชียนโหรวพยักหน้ารับ “ฉันรู้ค่ะ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของสกุลซู ฉันจะทำตัวให้ดีที่สุดไม่ให้พี่ต้องขายหน้า…”

ซูเหิงมองเธออย่างลึกซึ้ง ก่อนจะลอบถอนหายใจออกมา “เธอพักผ่อนก่อนเถอะ ฉันยังมีงานอีกเยอะที่ยังไม่เสร็จ”

ท้ายที่สุดเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเย็นชา เฉินเชียนโหรวมองเขาเดินออกไปก่อนที่จะปิดประตู เธอยันตัวขึ้นนั่งบนเตียงช้าๆ ด้วยสีหน้าซีดขาว

ตอนที่ 372 วันเกิดครบรอบปีที่แปดสิบแปด

ณ เมืองจิงเฉิง

ในฐานะของตระกูลที่มั่งมีอันดับหนึ่งในเมืองจิงเฉิง ทว่าที่อยู่อันเก่าแก่ของสกุลเผยกลับเรียบง่ายสมถะ ไม่โอ่อ่า แต่ก็ไม่ได้ดูอึดอัด

นายใหญ่สกุลเผยไม่ชอบการจัดงานเลี้ยงในบ้าน ดังนั้นเพื่อความสะดวก งานเลี้ยงวันเกิดจึงเลือกจัดที่โรงแรมเจ็ดดาวแห่งหนึ่งในฟู่เฉิงซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของสกุลเผย

ทั้งยังเข้ากับความชอบของหนุ่มสาวสมัยนี้

แม้จะบอกว่าเป็นงานเลี้ยงวันเกิดของนายใหญ่สกุลเผย แต่โอกาสดีๆ เช่นนี้ ใครบ้างที่ไม่คิดจะถือโอกาสนี้ในการเชื่อมสัมพันธ์กับสกุลเผย

รถหรูราคาแพงทยอยเข้ามาจอดลงตรงหน้าประตู ทั้งพวกนายทุนที่อยู่ในชุดเสื้อผ้าสุดอลังการและดารามีชื่อเสียงต่างก็พากันเดินเข้าโรงแรมมาเป็นคู่ๆ อย่างไม่ขาดสาย

พวกนักข่าวที่หน้าประตูต่างก็ใช้กล้องถ่ายรูปในมือรัวเก็บรูปบรรดาไฮโซบางคนที่ชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่มีโอกาสได้เจอ

นายใหญ่สกุลเผยเคยผ่านศึกสงครามมาก่อน เป็นคนที่เคยจัดการพวกญี่ปุ่นที่เข้ามารุกรานประเทศ เป็นครอบครัวขุนนางทหารที่ต่อมาหันมาทำธุรกิจและมีสมาชิกในครอบครัวอยู่ในกองทหาร

เครือข่ายของสกุลเผยยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะทรงอิทธิพลในวงการตลาดมาตลอดหลายปีโดยที่ตำแหน่งไม่เคยสั่นคลอน

นักธุรกิจต่างก็มารวมตัวกันในงานเลี้ยงแห่งนี้ เห็นได้ชัดว่านี่เป็นภาพที่ดูคึกคักและยิ่งใหญ่เป็นประวัติการณ์

หลานชายคนรองของนายใหญ่สกุลเผย เผยอันจือ เมื่อปีก่อนเขาเป็นข่าวให้สื่อเอาไปลงพาดหัวข่าวเป็นว่าเล่น สร้างความเจ็บปวดให้กับหลานสะใภ้จนทำให้นายใหญ่สกุลเผยเป็นกังวล เขาถึงได้เกลียดพวกนักข่าวจนเข้าไส้

ดังนั้นตอนนี้นักข่าวพวกนั้นจึงทำได้เพียงนั่งแกร่วทำตาปริบๆ อยู่หน้าโรงแรม เพื่อคอยหาโอกาสเจอข่าวอะไรใหม่ๆ

เฉินฝานซิงและป๋อจิ่งชวนมาถึงที่นี่ก่อนแล้วหนึ่งวัน พวกเขาเข้าพักในโรงแรมกันตั้งแต่เมื่อวาน

จวนจะได้เวลาเริ่มงาน เฉินฝานซิง ป๋อจิ่งชวน สวี่ชิงจือ และอินรุ่ยเจวี๋ยที่ไม่ได้มีธุระแต่ก็อยากจะมาเที่ยวกับเขาให้ได้ต่างพากันออกมาจากห้องพักเตรียมจะเข้าไปในงาน แต่เดินไปได้ไม่นานพวกเขาก็บังเอิญพบกับเผยอันจือและเย่ซู่ซู่ผู้เป็นภรรยาบนชั้นเดียวกัน

แม้จะพูดว่าทั้งคู่มีลูกกันแล้วสองคน อายุก็ไล่เลี่ยกันกับพวกเขา แต่ทว่าเสน่ห์ของพวกเขาทั้งคู่ไม่ได้ลดน้อยลงเลย

ร่างสูงได้รูปของเผยอันจือสวมสูทราคาแพงตลอดทั้งตัว คิ้วเรียงตัวสวยดูเย็นชาและห่างเหินอย่างเคยตัว แขนของเขาโอบร่างหญิงงามในชุดราตรีสีแชมเปญเรียบง่ายคนหนึ่งที่เกล้าผมยาวเอาไว้ ใบหูประดับด้วยต่างหูไข่มุกเม็ดเล็กๆ คู่สวยวิจิตร สง่าและโดดเด่น เป็นความงดงามในแบบฉบับของสาวตะวันออก

“ประธานเผย คุณนายเผย”

นัยน์ตาของเฉินฝานซิงเป็นประกาย เธอก้าวเข้าไปเป็นฝ่ายทักทายเผยอันจือและเย่ซู่ซู่ก่อน

เย่ซู่ซู่มองเฉินฝานซิง ส่งยิ้มพลางพยักหน้าให้เล็กน้อย

เผยอันจือกลับไม่มีท่าทีใดๆ

“มาแล้วเหรอ”

ในสายตาของเผยอันจือ ต่อให้คุณคือฟ้า พื้นดิน หรือเทพเทวดา จะมีก็แต่ภรรยาของเขาเท่านั้นที่เขาจะยอมทำดีด้วย

“ที่เกิดเรื่องแบบนั้นไปก่อนหน้านี้ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ฉันควรจะมาให้เร็วกว่านี้…”

“ไม่เห็นเป็นไรเลย ยิ่งกว่านักข่าวพวกนั้นฉันก็เคยเจอมาแล้ว ชินซะแล้วละ”

ได้ยินเช่นนั้น ความอึดอัดเพียงน้อยนิดที่ยากจะสังเกตเห็นก็ถูกฉาบขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาของเผยอันจือที่ยืนอยู่ไม่ห่าง

ป๋อจิ่งชวนเลิกคิ้วสูง สายตาทอดมองเผยอันจือ “พอดีเลย ระหว่างเราก็มีบัญชีที่จะต้องสะสางอยู่เหมือนกัน”

เย่ซู่ซู่หันมองป๋อจิ่งชวนและเผยอันจือวูบหนึ่ง ก่อนจะกระตุกยิ้ม “งั้นพวกคุณก็ค่อยๆ สะสางกันไปแล้วกัน พวกเราจะลงกันไปก่อน”

เผยอันจือขยับปากเตรียมจะรั้งภรรยาไว้ แต่ก็ถูกเย่ซู่ซู่ทิ้งเขาเอาไว้อย่าง ‘ใจร้าย’ ปล่อยให้เขาอยู่กับเด็กที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงอย่างเจ้าป๋อจิ่งชวน

ภายในงานเต็มไปด้วยหนุ่มหล่อสาวสวย กระโปรงของพวกเธอลากยาวถึงพื้น ใบหน้างดงามดั่งภาพวาด

แต่คืนนี้การแต่งตัวของเฉินฝานซิงกลับไม่ได้ดูโดดเด่นอะไรนัก