บทที่ 792 ฆาตกรโรคจิตในร่างเด็กสาว โดย Ink Stone_Fantasy
“ย๊ากกก!”
เด็กสาวพุ่งตัวออกมาจากกำแพงแตกร้าว พร้อมเสียงตะโกนแหลมๆ
เพราะเหตุการณ์ฉุกละหุก หลิงม่อจึงเห็นรูปร่างหน้าตาของเธอไม่ชัดเจน แต่เขากลับอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้
“ดูจากวิธีการเปิดตัว คงจะเป็นพวกชอบความรุนแรงแน่นอน แต่เสียงตะโกนนี่มันแปลกๆ นะ…หรือว่านี่จะเป็นร่างมายาที่แข็งแกร่งที่สุดของเขากัน?”
ในชั่วเสี้ยววินาที หลิงม่อตัดสินใจด้วยความมั่นใจ
เด็กสาวคนนี้…คือมือสังหารโรคจิตที่ฆ่าคนมานับไม่ถ้วน!
“ศพหญิงสาวที่ถูกปลุกตื่น พยาบาลสาวผู้แปลงร่าง ต่อมาก็ฆาตกรสาวโรคจิตงั้นหรอ…รับมือยากขึ้นเรื่อยๆ เลยนะ…”
หลิงม่อในตอนนี้ยังคงอยู่ในระหว่างวิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง เขาอยู่ไม่ห่างจากสวี่ซูหานมากแล้ว
“แต่ถึงอย่างไร เขาก็ยังใช้พลังจู่โจมทางจิตอยู่สินะ? ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ก็ลองตาต่อตา ฟันต่อฟันซักตั้งแล้วกัน!”
อีกฝ่ายอาจดูเหมือนมีวิธีการโจมตีใหม่ๆ มาไม่หยุด แต่ขอเพียงจับจุดให้ถูก ก็รับมือได้ไม่ยาก
หลิงม่อวิ่งต่อไปโดยไม่ลดความเร็วลง ในขณะเดียวกันหนวดสัมผัสถูกยิ่งออกไปดัง “สวบ สวบ” โดยมีเป้าหมายคือเด็กสาวที่เท้ายังไม่ถึงพื้น
ความคิดของเขาในตอนนี้ก็ค่อนข้างรุนแรงเช่นกัน…ใช้หนวดสัมผัสกำจัดพลังจิตบางส่วนของอีกฝ่ายก่อน จากนั้นค่อยใช้ดวงแสงแห่งจิตของตัวเองปะทะกับอีกฝ่ายโดยตรง
หากวัดกันเรื่องความแกร่งของพลังจิต หลิงม่อมั่นใจว่าตัวเองไม่ด้อยกว่า และแม้อีกฝ่ายจะแกร่งอีกแค่ไหน แต่เขาก็เพิ่งผ่านการเผาผลาญพลังจิตมหาศาลไปเมื่อกี้
ไม่เพียงเท่านี้ พลังจิตของเขายังกระจายไปทั่วโลกมายา ดังนั้นส่วนที่สามารถนำมาใช้ได้ย่อมมีไม่มาก
เมื่อเป็นอย่างนี้ ถึงหลิงม่อจะปะทะด้วยดวงแสงแห่งจิตโดยตรงก็ไม่มีปัญหาแน่นอน!
“หลีกไปให้พ้น!”
เมื่อเสียงคำรามของหลิงม่อดังลั่น เสียงตะโกนแหลมๆ ของเด็กสาวก็ชะงักลง เธอหันหน้ามาขณะที่ยังลอยอยู่กลางอากาศ แล้วอ้าปากเรียก “พี่…”
“ฝันไปเถอะ! คิดว่าเปลี่ยนหน้าเป็นเด็กสาวแล้วฉันจะหลงกลงั้นหรอ?”
หลิงม่อแผ่รังสีอำมหิต พร้อมกับแผ่หนวดสัมผัสทางจิตพุ่งตรงเข้าไปหาเด็กสาวซึ่งๆ หน้า “หายไปซะเถอะ!”
ทว่าในตอนนั้นเอง เส้นผมที่บดบังใบหน้าเด็กสาวอยู่ก็ถูกปัดเป่าไปอยู่หลังหูเธอ
ใต้แสงสลัว ใบหน้าที่ทั้งตกตะลึงและยินดีก็ได้ปรากฏเด่นชัดขึ้น
“เอ๋…หน้าคุ้นๆ นะ…”
หลิงม่อเพิ่งจะมีความคิดนี้ผุดขึ้นมา แต่หนวดสัมผัสกลับปะทะเข้าไปอย่างจังแล้ว
ผลปรากฏว่า สิ่งที่เกิดขึ้นแตกต่างไปจาที่เขาคาดไว้เล็กน้อย~~~
เด็กสาวร้อง “โอ๊ย” แล้วร่างกายของเธอก็ร่วงตกลงมาจากกลางอากาศ
“อ้าวเฮ้ย ไม่ใช่ร่างมายานี่!”
ในขณะเดียวกัน ร่างกายของหลิงม่อก็กำลังพุ่งเข้าไปทางเธอ…
“โครม!”
เมื่อเสียงดังสนั่น พื้นที่บริเวณนี้ก็ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นละอองที่ลอยตลบอบอวล
ถึงจะเป็นโลกมายา แต่เมื่อฝุ่นที่จับตัวกันอยู่บนพื้นลอยคลุ้งกลางอากาศ กลับมีบางสิ่งที่สอดคล้องกับโลกแห่งความจริงปรากฏขึ้น
หลิงม่อยกมือปิดจมูก เขาเริ่มจะเข้าใจอะไรรางๆ แล้ว
“อีกฝ่ายเริ่มลดระดับผลกระทบของโลกมายาลงแล้ว?” เขามองไปรอบๆ ด้วยความสงสัย พร้อมกับใช้ฝ่ามือยันผนัง และพยุงร่างให้ยืนขึ้น
ในเสี้ยววินาทีก่อนที่จะพุ่งกระแทกกัน หลิงม่ออาศัยหนวดสัมผัสบิดร่างกายตัวเองออกมาอย่างรวดเร็ว เขาจึงหลีกเลี่ยงการพุ่งชนโดยตรงได้อย่างเฉียดฉิว
แต่ความจริงที่อีกฝ่ายเป็นมนุษย์จริงๆ เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายมาก ถึงแม้หลิงม่อจะพยายามเปลี่ยนทิศทางจนสำเร็จ แต่เขาก็เกือบพุ่งชนกำแพงอีกทางอย่างแรง
แต่ถึงอย่างไร ‘เกือบ’ ก็ยังดีกว่าพุ่งชนเต็มๆ ทว่าฝ่ายเด็กสาวกลับไม่ได้โชคดีอย่างนั้น
หลังจากถูกพลังโจมตีทางจิตของหลิงม่อเข้าจังๆ หนึ่งครั้ง สมองของเธอก็ขาวโพลนไปชั่วขณะ
จนกระทั่งเมื่อร่วงกระแทกพื้นดัง “พลั่ก” เด็กสาวจึงเพิ่งจะส่งเสียงครวญครางเจ็บปวด
“นี่…” หลิงม่อเดินไปข้างหน้าสองก้าว เขาจ้องพิจารณาเด็กสาว พลางส่งเสียงเรียก
เด็กสาวพยายามพยุงร่างกายตัวเอง แล้วพูดอย่างมึนๆ เบลอๆ ว่า “ฉัน…ทำไมพี่…พี่จะตีฉันอีกหรอ…”
“ดูเหมือนจะเป็นคนรู้จักจริงๆ ด้วยแฮะ”
หลิงม่อประหลาดใจ ตามหลักแล้ว เขาไม่น่าจะมีคนรู้จักอยู่ในนิพพานนี่นา…
“ถ้าหากเป็นร่างมายา การแปลงกายเป็นคนรู้จักของฉันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก…”
เขาเดินเข้าไปใกล้อีกนิด แล้วถามว่า “เธอเป็นใคร?”
“นี่พี่…พี่จำฉันไม่ได้แล้วงั้นหรอ…” เด็กสาวสะบัดหัวแรงๆ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น แล้วโวยวายเสียงสูง “พี่ทำเกินไปแล้วนะ!”
หลิงม่อชะงักไปทันที ชั่วขณะนั้น ทั้งสองได้มองหน้ากันตรงๆ…
หลายวินาทีผ่านไป…
“หวังหลิ่น?” หลิงม่อถามหยั่งเชิง
เด็กสาวกระพริบตาปริบๆ จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้ “ทำไมถึงต้องเรียกชื่อเชิงถามด้วยเล่า!”
“จริงๆ ด้วย…แต่สภาพเธอตอนนี้ แค่ฉันจำได้ก็ถือว่ามีความสามารถในการแยกแยะที่ยอดเยี่ยมแล้วนะ…” หลิงม่อพูดอย่างเหนือความคาดหมาย ทว่าใบหน้าเขากลับเผยรอยยิ้มบางๆ อย่างไม่รู้ตัว
ถึงแม้ครั้งนี้เขาจะรู้สึกเหนือความคาดหมายมากจริงๆ แต่การได้มีโอกาสพบหวังหลิ่นอีกครั้ง ทำให้เขาดีใจมาก
“บุคลิกความเป็นมนุษย์ของซย่าน่าถูกปลุกตื่นแล้ว หากได้เจอหวังหลิ่นอีกครั้ง เธอน่าจะดีใจมากแน่ๆ…” หลิงม่อคิดอย่างนี้ ขณะเดียวกันเขาก็คิดจะสลับมุมมองสายตาไปยังซย่าน่าทันที ทว่าในขณะที่เขากำลังจะเพ่งสมาธิ จู่ๆ เขากลับชะงักไปทันที
ทำไมหวังหลิ่นถึงได้มาอยู่ที่นี่? เธอไปกับทีมตำรวจติดอาวุธพวกนั้นแล้วไม่ใช่หรอ?
ชั่วขณะหนึ่ง คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวของหลิงม่อ ดังนั้นความคิดที่จะสลับมุมมองสายตาจึงถูกพับเก็บไปก่อน
“ฉันเป็นยังไง…” เด็กสาวมองหน้าหลิงม่ออย่างสงสัย จากนั้นก็ยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองตามสายตาของหลิงม่อ
“กรี๊ดด!” เสียงกรีดร้องดังก้องไปทั่วทางเดินอีกครั้ง…
………..
เมื่อหลิงม่อจำหวังหลิ่นได้ โลกมายาในพื้นที่บริเวณนี้ก็สลายหายไป
นั่นแสดงว่าผู้มีความสามารถพิเศษที่เป็นผู้สร้างโลกมายาแห่งนี้กำลังเก็บความมุ่งมั่นของตัวเองกลับไป และกำลังทำให้พลังงานทางจิตเหล่านี้สลายไปอยู่
ทว่าถึงอย่างไรการเก็บความมุ่งมั่นกลับไปก็เป็นขั้นตอนที่ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ดังนั้นการล่มสลายของโลกมายาจึงไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วพริบตา
เมื่อเสียงกรีดร้องสะท้อนเป็นระลอก สิ่งที่เปลี่ยนแปลงเป็นอันดับแรก คือผิวกำแพงอาบเลือดที่เริ่มลอกออกและร่วงลงไป
หลังจากที่วัตถุเหี่ยวแห้งที่อยู่ชั้นนอกสุดหายไป เงาสีดำมากมายก็กระโจนออกมาจากในกำแพง
เงาสีดำเหล่านี้พุ่งไปยังสองฝั่งของทางเดินด้วยความเร็วสูง บางส่วนถึงขั้นเกือบพุ่งชนเข้ากับหลิงม่อ
ทว่าหลิงม่อเพียงควบคุมหนวดสัมผัสเส้นหนึ่งดึงร่างโฉบหลบไปหลบมา สุดท้ายก็กลับมายืนที่เดิมอย่างปลอดภัยไร้บาดแผล
ต่อมา วัตถุเหนียวหนืดใต้เท้าก็เริ่มละลาย จากวัตถุเหนียวหนืดสีดำก็ได้กลายเป็นของเหลวอย่างรวดเร็ว จากนั้นมันก็หายไปราวกับถูกพื้นอาคารดูดเข้าไป
“ฟุบ ฟุบ ฟุบ…”
เศษวัตถุสีดำมากมายร่วงตกลงมาจากเพดานข้างบนอย่างต่อเนื่อง ทว่าในเสี้ยววินาทีที่วัตถุเหล่านั้นใกล้กระทบพื้น พวกมันกลับหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
ส่วนบรรดาศพที่ห้อยอยู่กับเพดานนั้นเริ่มค่อยๆ ลืมตา พวกมันระเบิดร่างและหายตัวไปพร้อมกับเสียงกรีดร้อง…
“โลกมายานี้ช่างทำลายได้…ยุ่งยากจริงๆ” หลิงม่ออดคิดไม่ได้
หวังหลิ่นสะบัดเสียงเบาๆ แต่กลับไม่พูดอะไร
ตอนนี้ หลิงม่อพยุงเธอให้ลุกขึ้น และเมื่อโลกมายาล่มสลายลง ประตูเล็กๆ บานหนึ่งก็ปรากฏอยู่ด้านหลังผิวกำแพงอาบเลือดชั้นนั้น
ดูจากตำแหน่ง ประตูบานนี้อยู่ในตำแหน่งเดียวกับ “รอยแยกบนกำแพง” ที่หวังหลิ่นกระโจนออกมาพอดี
“ไม่คิดเลยว่าที่นี่จะมีห้องเก็บเสบียงด้วย…”
โครงสร้างของชั้นห้าต่างจากชั้นอื่นๆ อย่างที่คาดไว้จริงๆ หากไม่รู้มาก่อน หลิงม่อก็ยากที่จะตามหาห้องที่มีพื้นที่ไม่ใหญ่อย่างนี้เจอจริงๆ
และประตูบานนั้นก็กว้างพอแค่ให้คนหนึ่งคนผ่านได้เท่านั้น นอกเสียจากว่าหลิงม่อจะสำรวจดูทุกระเบียดนิ้ว ถ้าไม่อย่างนั้นก็เป็นไปได้มากว่าเขาจะพลาดที่นี่ไป
เวลานี้ ชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังสูบบุหรี่นั่งอยู่บนถังน้ำใบหนึ่งในห้องเก็บเสบียง ดวงตาที่ถูกขอบตาสีดำล้อมกรอบแสร้งมองหลิงม่อด้วยสายตาเยือกเย็นและสงบนิ่ง
ทว่าสีหน้าซีดขาวของเขา รวมถึงมือที่กำลังสั่นเทาคู่นั้น กลับเป็นสิ่งบ่งบอกเรื่องจริงที่ว่าเขาเผาผลาญพลังจิตมากเกินไปอย่างไม่สามารถปิดบังได้
ชายคนนี้ฝืนแสยะยิ้มบาง แล้วถาม “นายคือหลิงม่อสินะ? เมื่อก่อนตอนที่ได้ยินหวังหลิ่นพูดถึงนายบ่อยๆ ฉันไม่คิดว่านายจะเก่งกาจขนาดนั้น แต่นี่ทำฉันตะลึงมากจริงๆ…นายไม่เพียงเมินโลกมายาของฉัน แต่จนถึงวินาทีสุดท้าย นายก็ยังไม่สะทกสะท้านอะไรซักนิด…”
“อีกคนล่ะ?” หลิงม่อตัดบทเขาตรงๆ
“ฟู่ว…” ชายหนุ่มพ่นควันบุหรี่ยาวๆ แล้วบอกว่า “ผู้หญิงคนนั้นน่ะหรอ? ฉันหยุดสร้างผลกระทบแล้ว แค่ขังเธอไว้ที่นั้นเฉยๆ พวกนายมาด้วยกันสินะ? วางใจได้ ฉันยังไม่ได้เผชิญหน้ากับเธอโดยตรง และไม่ได้ใช้โลกมายาทำร้ายเธอ…”
พูดไป ชายหนุ่มก็ใช้คางพยักพเยิดไปทางหวังหลิ่นที่ยังเบลอๆ อยู่ “เธอได้ยินผู้หญิงคนนั้นเรียกชื่อนาย ก็เลยล่อเข้ามาในนี้ ตอนแรกตั้งใจว่าจะจับตัวเธอ แต่เธอเร็วมาก จึงทำได้เพียงใช้โลกมายาขังเธอไว้…”
“ขังไว้แล้วค่อยจับ?” หลิงม่อขมวดคิ้วถาม
“ไม่ แค่อยากให้เธอเป็นคนพูดอะไรบางอย่างออกมาเอง” คราวนี้ หวังหลิ่นกลับเป็นคนชิงตอบคำถาม
เธอพิงกำแพงด้วยท่าทางอ่อนแรง แล้วถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ทำไม พี่ไม่อยากเจอฉันหรอ?”
“เธอคงคิดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นศัตรูฉันล่ะสิ?” หลิงม่อถามอีก “ไม่อย่างนั้น วิธีแรกที่เธอควรลองคือการเจรจาไม่ใช่หรอ?”
หวังหลิ่นหมายจะพยักหน้าตามสัญชาตญาณ ทว่าพอถูกหลิงม่อจ้องอยู่ สุดท้ายเธอกลับทำแค่เม้มปาก แล้วหลบสายตาเขา พูดเสียงเบาว่า “ก็ฉันไม่รู้จักเธอ…”
—————————————————————————–