ตอนที่ 246 กตัญญูต่อแม่ยาย

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 246 กตัญญูต่อแม่ยาย

บรรรดาแม่บ้านกลุ่มนี้ได้ทำบ๊ะจ่างทั้งสองรสชาตินี้เป็นจำนวนมาก โดยแยกรสหวานกับรสเค็มใส่ตะกร้าใบใหญ่คนละใบ

พวกหล่อนมาที่นี่ประมาณ 8 โมงเช้า และยุ่งอยู่กับการทำงาน จนกระทั่ง 11 โมงจึงเสร็จเรียบร้อย

เมื่อทุกคนกลับไปก็ล้วนมีหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ในมือยังมีบ๊ะจ่างอยู่ 8 ห่อ

ถ้าอยากได้รสหวานก็เลือกบ๊ะจ่างหวาน หากอยากได้รสเค็มก็เลือกบ๊ะจ่างเค็ม หรือจะแบ่งอย่างละครึ่งก็ได้ ซึ่งซูตานหงให้พวกหล่อนเลือกเอง

หลังเลือกหยิบกันเสร็จแล้วยังเหลือบ๊ะจ่างอีกมาก

ซูตานหงจึงเอามาให้คุณป้าหยางที่อยู่บ้านติดกัน เนื่องจากนางชอบกินบ๊ะจ่างรสหวาน ซูตานหงจึงหยิบมาให้ 4 ห่อ

“จี้อวี้หลานเอามาที่นี่เหรอคะ?” ซูตานหงยิ้มเมื่อเห็นบ๊ะจ่างรสหวาน 2 ห่อบนโต๊ะ

“ใช่แล้ว ตอนแรกจะให้ 4 ห่อ แต่ฉันเอามาชิมแค่ 2 ห่อ ที่เหลือให้หล่อนเอากลับไป” คุณป้าหยางพูดด้วยรอยยิ้ม

การแต่งงานของจี้อวี้หลาน นางก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นตอนที่จี้อวี้หลานกลับมาวันนี้ จึงมาเยี่ยมนางเป็นพิเศษ

“ฉันเอา 4 ห่อนี้มาให้คุณป้ากับคุณลุงกินค่ะ” ซูตานหงวางบ๊ะจ่างรสหวาน 4 ห่อลงบนโต๊ะ รวมแล้วเป็น 6 ห่อด้วยกัน

“วันนี้มีมะเขือเทศสด เธอเอากลับไปให้เหรินเหรินกับฉีฉีกินสิ พวกเขาสองคนชอบกินมะเขือเทศนี่” คุณป้าหยางหยิบมะเขือเทศสีแดงในชามใบเล็กแล้วพูด

ซูตานหงไม่เกรงใจนาง รับมาด้วยรอยยิ้ม “เจ้าเด็ก 2 คนนั้นโวยวายว่าจะมาเก็บมันด้วยค่ะ”

“ให้พวกเขามาเถอะ” คุณป้าหยางก็ชอบพวกเขาสองพี่น้องเหมือนกัน

เมื่อซูตานหงกลับมา เหรินเหริน ฉีฉีและเยียนเอ๋อร์ก็ลงมาเช่นกัน พวกเขาได้ข่าวว่าบ๊ะจ่างห่อเสร็จแล้ว จึงลงมากินบ๊ะจ่าง

“อยากได้รสเค็มหรือรสหวานกันจ๊ะ?” ซูตานหงถาม

“รสหวาน!” เยียนเอ๋อร์และน้องชายทั้งสองตอบตรงกัน

ซูตานหงแกะห่อบ๊ะจ่างให้พวกเขา 3 คน เมื่อทั้งสามกินจนพอใจแล้วก็กินมะเขือเทศต่อจากนั้น

“ของบ้านคุณย่าหยาง” เหรินเหรินกล่าว 

“อืม” ซูตานหงพยักหน้า

“คุณย่าหยางได้กินบ๊ะจ่างไหมครับ?” เหรินเหรินถามขึ้นอีกครั้ง

“เอาไปให้แล้วจ้ะ” ซูตานหงตอบขณะเลือกบ๊ะจ่างมาบางส่วน “พวกหนูเอาไปให้คุณปู่กับคุณย่าบนภูเขาด้วยนะ”

เด็กน้อย 3 คนขึ้นไปบนภูเขาด้วยกันอีกครั้ง เมื่อมอบหมายงานให้พวกเขาทำ พวกเขารู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง

จี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมาประมาณ 11 โมงครึ่ง ทันทีที่เข้ามาในบ้าน ก็เห็นต้าเฮยแทะบ๊ะจ่างรสเค็มที่ซูตานหงปั้นด้วยข้าวหลายชนิด เมื่อกัดก็ส่งกลิ่นหอมฟุ้ง

จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้ม “วันนี้ต้าเฮยกำลังฉลองเทศกาลอยู่สินะ”

เมื่อเห็นเจ้านาย ต้าเฮยก็กระดิกหางรับอย่างร่าเริงและกินบ๊ะจ่างของมันต่อไป

“ที่เหลืออยู่ในครัว คุณจะจัดการยังไงดีคะ” ซูตานหงมาจากสวนหลังบ้านและพูด

“มีหลายห่อเลย” จี้เจี้ยนอวิ๋นมองดูแล้วเห็นว่ามีเกือบ 3 ตะกร้า

ซูตานหงรายงานถึงวันนี้ คนที่มาที่นี่ไม่ต้องให้เพิ่มอีกแล้ว ส่วนคนอื่น ๆ เช่นซูอันปัง ลุงสวี่ที่เฝ้าอ่างเก็บน้ำที่ต้องแจกจ่ายให้ ยังมีฝั่งจี้เจี้ยนเหอ ที่ซูเจวียนไม่ได้มาแต่ก็ต้องให้ด้วย

“เดี๋ยวผมไปส่งให้ครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูด

“กินก่อนสัก 2 ห่อสิคะ” ซูตานหงกล่าว

จี้เจี้ยนอวิ๋นกินบ๊ะจ่างรสเค็ม 2 ห่อ เมื่อเทียบกับบ๊ะจ่างรสหวานแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาชอบรสเค็มมากกว่า และบอกว่ามีกลิ่นหอมกว่า

หลังจากกินเสร็จเขาก็ขับรถสามล้อไปส่งบ๊ะจ่าง แต่ละบ้านที่ยังไม่ได้บ๊ะจ่างก็ได้แบ่งกันไปบ้านละ 8 ห่อ รวมถึงคนชราในหมู่บ้านก็เช่นกัน แม้แต่จี้เฟิง จี้เจี้ยนอวิ๋นก็แบ่งให้ 8 ห่อ

ท้ายที่สุดแล้วยังอีกมากกว่า 50 ห่อ จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงเหลือเก็บไว้กินที่บ้าน 30 ห่อ ส่วนอีกกว่า 20 ห่อที่เหลือส่งไปให้บ้านแม่ยาย

เพราะเขาคาดว่าน่าจะมีเหลืออยู่บ้าง ส่วนของซูจิ้นจวินพี่ชายภรรยาจึงเหลือเอาไว้และนำมารวมกัน

“อากาศร้อนออกแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องเอามาให้ก็ได้” คุณแม่ซูรู้สึกสงสารลูกเขยจึงพูดกับเขา

“ไม่เป็นไรหรอกครับแค่นี้เอง อยู่บนรถก็ไม่ร้อนแล้ว คุณแม่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะครับ ผมจะพาคุณแม่ไปอยู่ด้วยสัก 2 ถึง 3 วัน เหรินเหรินกับฉีฉีอยากเจอคุณยายแล้วครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นมาเพื่อรับตัวแม่ยายของเขา

คุณแม่ซูได้ยินก็ยิ้มกว้าง “ตอนนี้ทางนั้นกําลังยุ่งอยู่ แม่ควรไปช่วยจริง ๆ เธอกลับไปก่อนเถอะ ตอนเย็นแม่จะไปกับรถจิ้นตั๋ง”

“ได้ครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นเห็นด้วย

หากรับแม่ยายไปฉลองเทศกาลด้วย ภรรยาของเขาจะต้องมีความสุขมากแน่

หลังจากจี้เจี้ยนอวิ๋นขับรถกลับไป สะใภ้ใหญ่ซูก็พูดขึ้น “ครั้งนี้คุณแม่จะไปอยู่ที่นั่นกี่วันคะ?”

“พักสัก 2 ถึง 3 วันก็กลับมา” คุณแม่ซูพูด “เรื่องที่บ้านไม่ต้องให้ฉันอธิบายแล้วใช่ไหม?”

“แม่วางใจเถอะค่ะ แม่ไปตั้งหลายครั้งแล้ว ฉันเคยทำให้แม่ผิดหวังเหรอคะ?” สะใภ้ใหญ่ซูรีบพูด

ครั้งนี้แม่สามีของหล่อนได้ออกจากบ้านไป รอจนนางกลับมา แตงโมลูกใหญ่ลูกนั้นคงหนีไม่พ้นหรอก 8 ถึง 9 ส่วนใน 10 ส่วนจะต้องได้ไก่กลับมาเพื่อให้แม่สามีใช้บำรุงร่างกาย หล่อนกับลูกสาวและลูกชายย่อมมีความสุขตามไปด้วยไม่ใช่เหรอ? นอกจากนี้ยังมีบ๊ะจ่างให้ครอบครัวหล่อนกินอีกด้วย

คุณแม่ซูไหนเลยจะไม่รู้แผนการเล็กน้อยของสะใภ้ใหญ่ ขอเพียงแค่ไม่เกินควร นางก็ไม่สนใจมากนัก

หลายปีมานี้เนื่องจากฐานะทางบ้านดีขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นคุณแม่ซูจึงไม่ชอบถือสาเรื่องเล็ก ๆ เหล่านั้น ตราบใดที่หล่อนไม่ทำผิดพลาดไปทั่ว

ในตอนเย็นเมื่อซูจิ้นตั๋งมา คุณแม่ซูก็นั่งรถของเขาไป

“คุณยาย!” เหรินเหรินร้องขึ้นด้วยความดีใจ

“คุณยาย!” ฉีฉีเห็นว่าพี่ชายของเขามีความสุขก็ดีใจตามไปด้วย สำหรับคุณยายแล้วเขาไม่มีความคิดเห็นเกี่ยวกับพี่ชายของเขา

“หลานสุดที่รักทั้ง 2 คนของยาย” คุณแม่ซูยิ้มกว้าง อุ้มฉีฉีขึ้นมาอย่างแข็งแรง แล้วจูงเหรินเหรินเข้ามา

ซูตานหงรีบลุกขึ้นไปรับฉีฉี แม้ว่าฉีฉีจะผอมเหมือนลูกลิง แต่น้ำหนักของเขาก็ไม่เบา

“ไม่เป็นไร แม่อยากอุ้มหลานสักหน่อย” คุณแม่ซูพูด

“จูงมือก็พอแล้วค่ะ” ซูตานหงยังคงวางฉีฉีลง ปีนี้แม่ของเธอก็อายุไม่น้อยแล้ว หากเกิดเอวเคล็ดขึ้นมา ย่อมไม่ใช่เรื่องตลก

วันนี้ตอนเที่ยงหลังจากจี้เจี้ยนอวิ๋นไปส่งบ๊ะจ่างกลับมา เขาก็บอกเธอแล้วว่าเขาจะเชิญแม่มาพักด้วยสัก 2 ถึง 3 วัน

ซูตานหงยิ้มให้เขา จะไม่รู้เชียวหรือว่าเขาหมายถึงอะไร นี่เพราะต้องการให้เธอได้คุยกับแม่ในหลาย ๆ ด้าน

แม้ว่าทั้งสองหมู่บ้านจะอยู่ไม่ไกล แต่เนื่องจากแต่งงานแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แม้ว่าระยะห่างระหว่างกันจะไม่มากนัก แต่เธอก็ไม่ได้เจอแม่มาพักหนึ่งแล้ว เขาจึงไปเชิญคนมา   

“เจี้ยนอวิ๋นไปที่อ่างเก็บน้ำเพื่อจับปลากับกุ้ง คืนนี้ฉันจะให้แม่ชิมของอร่อยนะคะ” ซูตานหงยิ้ม   

“ไม่ต้องหรอก ไม่จำเป็นต้องเอาของพวกนี้มาเลย” คุณแม่ซูพูด

“ลูกเขยของแม่เป็นยังไงยังไม่รู้อีกเหรอคะ กลัวว่าฉันจะปฏิบัติต่อแม่ยายของเขาอย่างไม่เป็นธรรม เลยไปจองหมูสามชั้นไว้ให้แล้ว พรุ่งนี้เช้าจะไปเอามาให้หนูทำหมูตุ๋นให้แม่กิน” ซูตานหงหัวเราะ

คุณแม่ซูก็ยิ้มกว้างเช่นกัน “ไม่ใช่คนอื่นคนไกลเลยจริง ๆ”

ลูกเขยคนนี้แสดงความกตัญญูและปฏิบัติตัวกับนางไม่ด้อยไปกว่าแม่ของเขาเองเลย นางจะไม่มีความสุขได้อย่างไร? ต้องมีความสุขอยู่แล้ว

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

บ๊ะจ่างที่ผู้แปลเคยกินมีแต่รสเค็ม ยังไม่เคยกินบ๊ะจ่างหวานเหมือนกันค่ะ ใครเคยกินบ๊ะจ่างหวานแล้วบ้างคะ รสชาติเป็นอย่างไรบ้าง

ไหหม่า(海馬)