บทที่ 191 คุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงถึงก็มีส่วนร่วมแล้ว!

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

คำสั่งของคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงถูกส่งต่อมาให้ชายสวมแว่นกรอบทอง ชายสวมแว่นกรอบทองคนนี้อาจจะมีใครหลายคนที่ไม่รู้จัก แต่โอวหยางเฟยอวิ๋นกลับคุ้นเคยดี ชายสวมแว่นกรอบทองคนนี้เป็นที่ปรึกษาของคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิง มีฉายาว่าโหมวซู และหากจะพูดถึงตระกูลและอำนาจเบื้องหลัง โหมวซูย่อมเทียบไม่ได้กับโอวหยางเฟยอวิ๋นและเซวียนเยวี๋ยนเถิง แต่เขาเป็นคนสำคัญของคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิง การที่เขาได้อยู่ในตำแหน่งสำคัญเช่นนี้เป็นเรื่องที่สามารถจินตนาการได้ มิเช่นนั้นเขาก็คงไม่กล้าพูดเช่นนี้กับโอวหยางเฟยอวิ๋น

เดิมที ชายฉกรรจ์ในชุดเสื้อกล้ามสีดำกำลังต่อสู้ถึงขั้นเป็นตายกับหูหลง ความโกรธเกรี้ยวในใจมหาศาล เขาเป็นยอดฝีมือที่ผ่านการต่อสู้มานับร้อย เคยมีชื่อเสียงเลื่องลือมาก่อน วันนี้กลับไม่สามารถกำจัดเด็กรุ่นหลังอายุน้อยคนหนึ่งได้ นี่ทำให้ชายฉกรรจ์ในชุดเสื้อกล้ามสีดำหงุดหงิดมาก มองไปยังหูหลงที่เริ่มยืนหยัดต่อไปไม่ไหวขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อมีข้อบกพร่องปรากฏออกมาก็จะสามารถฆ่าเขาได้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าชายสวมแว่นกรอบทองจะนำคำสั่งของคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงมา ต้องการให้โอวหยางเฟยอวิ๋นหยุดมือ นี่ทำให้เขาไม่พอใจบ้าง

“แกพูดอะไร?” สีหน้าของโอวหยางเฟยอวิ๋นมืดครึ้มลงในพริบตา จ้องมองไปยังชายสวมแว่นกรอบทองตรงหน้าแล้วเอ่ยถาม

จะอย่างไรโอวหยางเฟยอวิ๋นก็คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะพูดแบบนี้ ตนเองนั้นให้ความเคารพยำเกรงคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยมาหลายปี และเขาก็ยังเป็นผู้นำของฝั่งคุณชายด้วย แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะหวาดกลัวคุณชายใหญ่ และไม่ได้หมายความว่าลูกน้องของคุณชายใหญ่จะสามารถพูดกับเขาเช่นนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นไม่ได้หมายความว่าลูกน้องของคุณชายใหญ่จะสามารถตะโกนใส่เขาจนทำให้เขาต้องอับอายได้

จนถึงตอนนี้ โอวหยางเฟยอวิ๋นยังไม่เห็นว่า การแสร้งทำเป็นเคร่งขรึมของตน การวางตัวสูงส่งของตน และท่าทางที่สามารถตัดสินความเป็นความตายของคนอื่นได้ สิ่งเหล่านี้ในสายตาของคนอื่นเป็นการเสแสร้งแกล้งทำ ไม่นับเป็นอะไรได้ นอกจากอำนาจของตระกูลโอวหยางแล้วตัวเขาโอวหยางเฟยอวิ๋นก็ไม่มีอะไรเลย ไม่มีความแตกต่างอะไรกับเซวียนเยวี๋ยนเถิง เพียงแต่เสแสร้งยิ่งกว่านิดหน่อยเท่านั้น

“ผมพูดว่าถ้าคุณคิดจะเทียบกับเย่เทียนเฉิน คุณยังไม่คู่ควร คุณชายใหญ่กล่าวว่า คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เทียนเฉิน อย่าทำให้ขายหน้าเลยนะครับ” ชายสวมแว่นกรอบทองมองไปยังโอวหยางเฟยอวิ๋นแล้วพูดเสียงเย็น

เมื่อได้ยินคำพูดของชายสวมแว่นกรอบทอง โอวหยางเฟยอวิ๋นก็พลันโมโหขึ้นมา ยื่นมือไปคว้าเน็คไทร์ของชายสวมแว่นกรอบทอง แล้วเอ่ยปากพูดอย่างดุดันว่า “แกก็เป็นแค่สุนัขตัวหนึ่งของคุณชายใหญ่เท่านั้น กล้ามาพูดกับฉันแบบนี้เหรอ? ต่อให้คุณชายใหญ่มาเอง เขาก็ไม่กล้าพูดแบบนี้กับฉัน แกนับเป็นตัวอะไรได้ อยากตายหรือไง?”

ชายสวมแว่นกรอบทองเห็นโอวหยางเฟยอวิ๋นโมโห จึงได้ดึงเน็คไทร์ของตนกลับมามือของจากโอวหยางเฟยอวิ๋น มองไปยังโอวหยางเฟยอวิ๋นอย่างไม่พอใจแล้วกล่าวว่า “ผมไม่นับเป็นตัวอะไรได้จริงๆ ครับ คำพูดของคุณชายใหญ่คุณจะไม่ฟังก็ได้ แต่มีบางอย่างที่ผมต้องบอกต่อคุณ…”

“อะไร?” โอวหยางเฟยอวิ๋นเลยถามด้วยท่าทีขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

“รับผิดชอบเอง!” ชายสวมแว่นกรอบทองพูดอย่างเย็นชา

โอวหยางเฟยอวิ๋นได้ยินเขากล่าวเช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง ถึงแม้ว่าเขาจะโกรธมาก และไม่พอใจเป็นอย่างมาก ตนเองมีฐานะเป็นถึงคุณชายสองแห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิง หากพูดถึงความเฉลียวฉลาดและอำนาจของตระกูล ย่อมอยู่เหนือเซวียนเยวี๋ยนเถิงอย่างแน่นอน ต่อให้เทียบกับคุณชายใหญ่ก็ต่างกันไม่มาก อาศัยอะไรตนเองถึงได้เป็นแค่คุณชายสอง อาศัยอะไรถึงต้องฟังคำสั่งของคุณชายใหญ่? ความจริงแล้วเขาไม่อาจกล้ำกลืนฝืนทนสิ่งเหล่านี้ได้ อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนสีหน้า อยากจะกำจัดโหมวซูตรงหน้าเพื่อระบายความโกรธเกลียดของตน

ไม่พอใจก็ส่วนไม่พอใจ ความจริงแล้วโอวหยางเฟยอวิ๋นฉลาดกว่าเซวียนเยวี๋ยนเถิงอยู่บ้างจริงๆ เขารู้ว่าครั้งนี้คุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงส่งโหมวซูมาหยุดยั้งตนเอง จะต้องมีแผนการใหญ่อย่างแน่นอน ถ้าเขาไม่ฟังคำสั่ง จะต้องทำให้เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นแน่ ต่อให้เขาไม่กลัวผิดใจกับคุณชายใหญ่ แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่สู้ปล่อยให้คุณชายใหญ่เก็บกวาดเย่เทียนเฉิน ส่วนตนเองก็นั่งดูยังจะดีเสียกว่า

“ได้ ฉันจะไว้หน้าคุณชายใหญ่ แต่ว่าฉันต้องการเจอเขา!” โอวหยางเฟยอวิ๋นมองชายสวมแว่นกรอบทอง ในที่สุดก็พูดออกมาอย่างยอมถอย

“คุณชายใหญ่ยุ่งมาก เขาบอกว่า ถ้ามีเวลาเขาจะเรียกคุณไปพบเอง พวกคุณไปกันเถอะ เรื่องต่อจากนี้ผมจะจัดการเอง!” ชายสวมแว่นกรอบทองยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม

โอวหยางเฟยอวิ๋นจ้องมองชายสวมแว่นกรอบทองอย่างดุดัน แต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้ ในสถานการณ์เช่นตอนนี้ บอดี้การ์ดในชุดเสื้อกล้ามสีดำที่อยู่ข้างกายของตน ไม่แน่ว่าจะสามารถฆ่าเย่เทียนเฉินได้ หากตกอยู่ในจุดจบเช่นเดียวกับเซวียนเยวี๋ยนเถิง เช่นนั้นก็จะเป็นการขายหน้าผู้อื่นครั้งใหญ่ ไม่สู้อดกลั้นเอาไว้ก่อน จากนั้นค่อยส่งยอดฝีมือของตระกูลโอวหยางมา จะต้องกำจัดเย่เทียนเฉินได้อย่างแน่นอน

“พวกเราไป!” โอวหยางเฟยอวิ๋นพูดกับชายฉกรรจ์สวมเสื้อกล้ามสีดำ

เมื่อเห็นโอวหยางเฟยอวิ๋นพาชายฉกรรจ์ในชุดเสื้อกล้ามสีดำจากไป หูหลงก็กลับมาอยู่ข้างกายของเย่เทียนเฉิน ยืนอยู่ด้านซ้ายอย่างเคารพ ไม่พูดจาอะไรให้มากความ มีท่าทางของลูกน้องที่เคร่งครัดกฎเกณฑ์เป็นอย่างมาก เย่เทียนเฉินมองหูหลงครั้งหนึ่ง คนคนนี้ถูกชายฉกรรจ์สวมชุดเสื้อกล้ามสีดำอัดจนเป็นหมีแพนด้า มุมปากก็มีรอยเลือด เมื่อครู่นี้เขาทำการต่อสู้กับชายฉกรรจ์สวมเสื้อกล้ามสีดำ เย่เทียนเฉินล้วนเห็นอยู่ในสายตา เขากำลังคิดว่าจะฝึกฝนให้หูหลงอย่างไรดี ถึงจะสามารถเพิ่มประสบการณ์ในการต่อสู้จึงให้เขาได้

“ไม่เป็นไรใช่ไหม?” เย่เทียนเฉินถามเรื่องรอยยิ้ม

“ไม่เป็นไรครับ!” หูหลงเช็ดเลือดที่มุมปาก ตอบออกไปอย่างเด็ดเดี่ยว

“ไม่ต้องใส่ใจหรอก ฝึกฝนให้มาก ไม่นานฝีมือของนายก็จะแซงชายฉกรรจ์สวมเสื้อกล้ามสีดำคนนั้นได้ นายยังอายุน้อย!” เย่เทียนเฉินพูดแล้วจึงพยักหน้า

“พี่ใหญ่ ผมจะพยายามครับ!”

เย่เทียนเฉินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วไม่ได้กล่าวอะไรอีก เนื่องจากชายสวมแว่นกรอบทองเดินมาทางพวกเขาแล้ว เกี่ยวกับคนคนนี้เขายังคงให้ความสำคัญอยู่มาก พูดจาไม่กี่ประโยคก็สามารถทำให้โอวหยางเฟยอวิ๋นยอมถอยไปได้ อย่างน้อยคงมีฐานะไม่ธรรมดา ดูแล้วเรื่องราวจะสนุกมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

ไม่ใช่เพียงแค่เย่เทียนเฉินเท่านั้น เหล่านักศึกษาของมหาวิทยาลัยหลงเถิงที่ล้อมดูเรื่องสนุกจำนวนมากต่างมองจนปากอ้าตาค้าง เกิดเรื่องต่างๆ ขึ้นติดต่อกันมากมาย ทำให้พวกเขารู้สึกตื่นตะลึง แทบจะทำให้พวกเขารู้สึกรับไม่ทัน เริ่มจากเย่เทียนเฉินอัดเซวียนเยวี๋ยนเถิง ไม่ไว้หน้าโอวหยางเฟยอวิ๋น จากนั้นก็เป็นวรยุทธที่มีอยู่แต่ในจินตนาการของทุกคนถูกลำเลียงเข้ามาในความเป็นจริง ทำลายความรู้และวิทยาศาสตร์ในโลกปัจจุบันจนย่อยยับ ตอนนี้ก็มีชายสวมแว่นกรอบทองโผล่มาอีกคนหนึ่ง พูดไม่กี่ประโยคก็สามารถทำให้โอวหยางเฟยอวิ๋นที่เป็นทายาทตระกูลใหญ่ยอมจากไปด้วยความโกรธ เรื่องราวชักจะซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ ชักจะมีสีสันขึ้นเรื่อยๆ แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนเป็นเพราะการปรากฏตัวของเย่เทียนเฉิน

“คุณคือเย่เทียนเฉิน?” โหมวซูเดินไปเบื้องหน้าเย่เทียนเฉิน มุมปากประดับไปด้วยรอยยิ้มเย็นชา

“ทั้งๆ ที่รู้แต่ก็ยังถามอีก มีอะไรก็รีบพูดมาเถอะ ฉันยุ่งมาก หรือว่านายไม่เห็น?” เย่เทียนเฉินทำท่าทางทนไม่ไหวออกมา และเป็นท่าทางที่โอหังเป็นอย่างมาก เขารู้ว่าชายสวมแว่นกรอบทองคนนี้ไม่ใช่คนดีอะไร อยากจะมาสร้างความวุ่นวายและยังเสแสร้งมากอีกด้วย เย่เทียนเฉินขี้เกียจจะเปลืองน้ำลาย

โหมวซูชะงักไปครู่หนึ่ง เขาคิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะเป็นเหมือนกับผลจากการตรวจสอบ คนคนนี้เป็นคนที่ไม่สามารถใช้เหตุผลตามปกติมาตัดสินได้ เป็นคนที่มีเอกลักษณ์อย่างมาก แล้วยังเป็นคนที่คาดเดาไม่ได้

“ผมเป็นที่ปรึกษาของคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิง ชื่อว่าโหมวซู คุณชายใหญ่มีคำพูดที่จะให้ผมมาบอกต่อคุณ!” โหมวซูดันแว่นของตนเองขึ้นแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม

“คุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิง? ไม่เคยได้ยินมาก่อน มีอะไรก็ให้มาบอกฉันด้วยตัวเอง อย่ามาทำเป็นเสแสร้ง!” เย่เทียนเฉินยักไหล่ พูดด้วยท่าทางสบายๆ

เสียงที่เย่เทียนเฉินใช้พูดไม่ดัง แต่เป็นเพราะตอนนี้ทุกคนต่างตกตะลึงกับสถานการณ์ตรงหน้าจึงเงียบเสียงลง ทำให้ทุกคนได้ยินคำพูดของเขา หลายคนรู้สึกหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ รู้สึกจิตใจแทบจะพังทลาย

สามสุดยอดคุณชายแห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิง มีอำนาจชื่อเสียง ไม่กล่าวไม่ได้ว่ามีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อสังคม อย่างน้อยก็ต่อมหาวิทยาลัยทุกแห่ง อย่างน้อยสำหรับเมืองหลวงแล้วล้วนเป็นคนที่มีชื่อเสียงมาก เป็นบุคคลที่คนธรรมดาทั่วไปต้องเงยหน้ามอง แต่วันนี้ ในเวลาเพียงหนึ่งวัน เย่เทียนเฉินล่วงเกินคุณชายทั้งสามท่านแห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงต่อๆ กัน ไม่ไว้หน้าใครแม้แต่คนเดียว ทำลายความสูงส่งของสามคุณชาย ทำให้ผู้คนต้องสั่นสะท้านอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

หากเป็นยามปกติ ล่วงเกินคุณชายคนใดคนหนึ่ง ก็จะต้องตายอย่างศพไม่สวยแล้ว แต่เย่เทียนเฉินล่วงเกินไปแล้วสามคนในเวลาชั่วพริบตา ไม่ต้องพูดถึงว่าคุณชายทั้งสามท่านร้ายกาจขนาดไหน เพียงแค่สามตระกูลที่อยู่เบื้องหลังของพวกเขาลงมือมั่วๆ ตามใจ ก็สามารถบดขยี้เย่เทียนเฉินให้ตายได้แล้ว และมากพอที่จะทำให้ตระกูลเย่ถูกฆ่าล้าง

“ฮ่าๆ มีความกล้าดีนะครับ คุณชายใหญ่บอกว่าคุณเย่เทียนเฉินนับว่าเป็นคนพิเศษคนหนึ่ง หากสนใจจะสวามิภักดิ์ต่อเขา เขาก็จะพิจารณารับคุณเป็นลูกน้อง” โหมวซูพูดด้วยรอยยิ้ม

“งั้นเหรอ? งั้นนายก็กลับไปบอกคุณชายใหญ่ของนายด้วยว่า ฉันเย่เทียนเฉินไม่สนใจ ในเมื่อเขามองฉันในแง่ดีขนาดนั้น ฉันก็คิดว่าจะให้เขามาขัดรองเท้าให้ฉันสักหน่อย นับว่าเป็นการตบรางวัลให้เขาก็แล้วกัน!” เย่เทียนเฉินพูดออกมาอย่างเรียบเฉย

“คุณ…ดี มีความกล้าดี คุณชายใหญ่ยังมีคำพูดบางคำที่ต้องการบอกต่อสหายเย่ อย่างแรกก็คือ หากอยู่ในมหาวิทยาลัยหลงเถิงทางที่ดีก็ทำตามกฎจะดีกว่า นี่เป็นถิ่นของคุณชายใหญ่ ระวังตายโดยไม่รู้ตัว อย่างที่สองก็คือ ในตอนที่คุณไปพบคุณชายใหญ่ คุณก็จะได้เป็นแค่คนตายเท่านั้น!” โหมวซูรู้สึกโกรธอยู่บ้าง แต่ยังคงอดกลั้นเอาไว้เราพูดออกมา

“พูดจบหรือยัง? บอกชื่อคุณชายใหญ่ของพวกแกมาสิ ฉันเย่เทียนเฉินไม่สู้กับคนไร้ชื่อเสียงหรอก!” เย่เทียนเฉินโบกมือแล้วพูดขึ้น

“ชื่อของคุณชายใหญ่ของพวกเราไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะรู้ได้ ในเมื่อคุณต้องการต่อต้านคุณชายใหญ่ ถ้างั้นก็รักษาชีวิตที่จะเหลืออีกไม่กี่วันของคุณเอาไว้ให้ดีเถอะ…”

โหมวซูพูดประโยคนี้จบก็หันกายเดินจากไป เย่เทียนเฉินไม่ได้สร้างความลำบากให้โหมวซู และไม่จำเป็นต้องทำ ในสายตาของเขา ต่อให้คุณเป็นคุณชายใหญ่อะไรนั่น หรือจะคุณชายสองคุณชายสาม ขอเพียงแค่คุณมาหาเรื่อง ขอเพียงแค่คุณไร้เหตุผล ก็อย่ามาตำหนิที่ผมไม่เกรงใจ สำหรับพวกทายาทตระกูลใหญ่ที่เสแสร้งแบบนี้ เย่เทียนเฉินมีเพียงประโยคเดียวจะมอบให้ “เหยียบให้เละ!”

 เย่เทียนเฉินบิดขี้เกียจครั้งหนึ่ง หาวออกมาครั้งหนึ่ง เสียเวลาอยู่ที่ประตูมหาวิทยาลัยหลงเถิงนานมากแล้ว เมื่อดูโทรศัพท์มือถือก็พบว่าเป็นเวลาเกือบจะบ่ายสามแล้ว ใกล้จะได้เวลาเรียนแล้ว จึงเดินไปหาหลิงอวี่สวิ๋นและเสี้ยวหยา คนสวยทั้งสองคนนี้มองเย่เทียนเฉินเหมือนกับมองตัวประหลาด เนื่องจากเย่เทียนเฉินทำให้พวกเธอต้องตกตะลึงมากเหลือเกิน บ่อนทำลายสิ่งที่พวกเธอเคยรู้จักเกี่ยวกับเย่เทียนเฉินโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะหลิงอวี่สวิ๋น แม้ในความฝันเธอก็คิดไม่ถึงว่า เย่เทียนเฉินที่ฉี่รดที่นอนในตอนเด็ก จะกลายเป็นคนที่ยอดเยี่ยมถึงขนาดนี้

“ทั้งสองคน รู้สึกว่าฉันหล่อขึ้นเรื่อยๆ เลยใช่ไหม? อดใจไม่ได้ที่จะหอมสักครั้ง?” เย่เทียนเฉินหัวเราะฮี่ๆ อย่างเจ้าเล่ห์แล้วพูดกับหลิงอวี่สวิ๋นและเสี้ยวหยา

……………………………