บทที่ 873+ 874 โดย Ink Stone_Romance
บทที่ 873 เรียกปะป๊าให้ฟังหน่อยสิ
หลงซีน้อยก็รีบทาบมือลงมาทันที แปะมือกับมือน้อยๆ ของเธอผ่านโลงแก้วผลึก เอ่ยออกมาดั่งสัตย์สาบาน “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอไปตกอยู่ในสภาพที่น่าสังเชแบบนั้นเด็ดขาด! ฉันจะช่วยเธอ จะให้เธอได้รับชีวิตที่ดีที่สุด…”
ภาพตัดไปอีกครั้ง เธอถูกคนอุ้มออกมาจากโลงแก้วผลึก เป็นครั้งแรกที่เธอได้ออกมานอกโลงแก้วนี้ ดูเหมือนะตื่นตระหนกอยู่บ้าง จับชายที่อุ้มเธอออกมาคนนั้นไว้แน่นตลอด
นักวิยาศาสตร์สติเฟื่องคนนั้นเปลี่ยนชุดที่ดูดีให้เธอ ยิ้มบางๆ แวบหนึ่ง “หนูน้อย ติดฉันขนาดนี้เชียวหรือ? เรียกปะป๊าให้ฟังหน่อยสิ”
เธอมองเขาตาแป๋ว ในที่สุดก็เปิดปากพูดประโยคแรก “เรียกปะป๊าให้ฟังหน่อยสิ”
นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องคนนั้นนิ่งงัน
เธอถูกอุ้มไปวางบนเตียงหลังเดียวกับเด็กอีกคนหนึ่ง จากนั้นเธอก็พบว่าเด็กคนนั้นหน้าตาเหมือนเธอทุกประการ สิ่งที่ไม่เหมือนคือลำคอของเด็กคนนั้นมีหยกสีแดงชิ้นหนึ่งห้อยอยู่
เธอยื่นมือไปคว้า ถูกนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องคนนั้นตีลงบนมือน้อยๆ เพียะหนึ่ง ตีเจ็บมาก แต่ปากเล็กๆ ของเธอกลับเม้มแน่นไม่คิดจะร้องไห้
ข้างเตียงเล็กมีชายหญิงคู่หนึ่งอยู่ กำลังมองดูพวกเธอเช่นกัน “เหมือนกันทุกอย่างจริงๆ!”
ชายหญิงคู่นั้นมองเธอด้วยสายตาที่ใช้มองสินค้าอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็ออกไปกับนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องคนนั้น
ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง หลงซีน้อยก็วิ่งเข้ามา เขาคว่ำตัวลงข้างเตียงมองเด็กน้อยที่เหมือนกันทุกประการ
เด็กน้อยทั้งสองคลานวุ่นวายอยู่บนเตียง สวมชุดแบบเดียวกัน จุดต่างเพียงอย่างเดียวคือคนหนึ่งมีหยกประดับ ส่วนอีกคนไม่มี
หลงซีน้อยมองอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง แล้วหาเรื่องให้คนงานที่คอยเฝ้าเด็กอยู่ข้างๆ ออกไป จากนั้นก็สลับหยกประดับบนคอเด็กน้อยอย่างว่องไว…
เธอดีใจมาก รู้สึกว่านี่สุดก็มีหยกประดับนี้แล้ว นั่งกุมหยกประดับเล่นอยู่ตรงนั้น หลงซีน้อยเขย่งขึ้นลูบศีรษะเธอ “ฉันเคยบอกแล้ว ว่าจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้เธอ ให้เธอได้รับชีวิตที่ดีที่สุด…’
จากนั้นหลงซีน้อยก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ วิ่งฉิวออกไป
ผ่านไปอีกพักหนึ่ง นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องคนนั้นกลับมาก่อน เขายืนอยู่ข้างเตียงมองเด็กน้อยทั้งสองครู่หนึ่ง ทันใดนั้นมุมปากก็ยกยิ้มแวบหนึ่ง ยื่นมือข้างหนึ่งมาถอดหยกประดับชิ้นนั้นออกจากคอเธอ สวมกลับไปบนคอเด็กที่อยู่ตรงกันข้ามคนนั้น แล้วก้มลงมาลูบหัวเล็กๆ ของกู้ซีจิ่ว เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “หนูน้อย เธอเป็นผลงานที่สมบูรณ์แบบที่สุดของฉัน ควรจะมีอนาคตที่ดียิ่งกว่านี้ จะป็นคุณหนูไฮโซคนหนึ่งไปทำไมกัน? เธอจะเป็นยอดอัจฉริยะ…เจ้าโง่อาซีคนนี้ เกือบจะทำลายให้แผนการฉันแล้ว…”
เธอยังเด็กอยู่จึงฟังไม่เข้าใจ ทำได้เพียงมองดูเขา จากนั้นสามีภรรยาตระกูลเย่ก็เข้ามา อุ้มลูกของตนออกไป…
ส่วนตัวเธอที่ยังเล็กนั่งอยู่ตรงนั้น มองสามีภรรยาตระกูลเย่ที่จากไปตาแป๋ว
….
กู้ซีจิ่วสะดุ้งตื่นจากความฝันทันที เธอลุกขึ้นนั่ง เอนกายพิงหัวเตียง
ความฝันครั้งนี้ไม่เหมือนความฝันสับสนวุ่นวายเช่นที่ผ่านมา ชัดเจนยิ่งนัก ต่อให้เธอตื่นขึ้นมาก้ไม่หลงลืมไปเหมือนในอดีต
ขมับเธอมีหยาดเหงื่อเยียบเย็น ไม่ว่าอย่างไรก็คาดไม่ถึงว่าจะฝันเช่นนี้
เธอหวนรำลึกถึงความฝันนี้อย่างละเอียด สุดท้ายก็สรุปผลออกมา
ความฝันนี้นาจะเป็นเรื่องจริง เป็นเรื่องที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ในความทรงจำของเธอ เพียงแต่ตอนนั้นยังเด็กเกินไป พอโตขึ้นก็ลืมเลือนช่วงเวลานั้น ยามนี้กลับปรากฏขึ้นมาในรูปแบบของความฝัน
เธอคือมนุษย์โคลนนิ่งคนนั้นจริงๆ!
ดูเหมือนทุกอย่างที่หลงซีพูดเป็นความจริง และทุกอย่างที่หยกนภาพูดก็เป็นความจริงเหมือนกัน
หลงซีนึกว่าสลับตัวเด็กสองคนนั้นแล้ว ความจริงคือถูกนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องคนนั้นจับได้นานแล้ว จากนั้นก็ทำให้เด็กทั้งสองกลับสู่ฐานะใครฐานะมันอย่างเงียบๆ
หลงซีไม่ทราบสภาพการณ์ภายในเรื่องนี้เลย นึกว่าเธอคือเย่หงเฟิงตัวจริง
ความจริงแล้วเธอไม่ใช่ เธอก็คือเด็กที่ถูกนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องคนนั้นโคลนนิ่งขึ้นมา
————————————————————————————-
บทที่ 874 เจ้าไปไหนข้าไปด้วย
แถมความคิดของนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องคนนั้นยังซับซ้อนจนน่ากลัวจริงๆ เขาใช้ประโยชน์จากความรู้สึกผิดของหลงซีล่อให้เขาเข้าไปเป็นครูฝึกในค่ายฝึกนักฆ่า ให้มาปกป้องผลงานชิ้นที่สมบูรณ์แบบที่สุดอย่างเธอ หลายปีต่อมาก็กลายเป็นปรมาจารย์กู่เพื่อถ่ายทอดวิชากู่ให้เธอ…
เธอนั่งอยู่ครู่หนึ่ง อดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะ
ไม่ว่ายังไงก็ตาม ล้วนผ่านพ้นไปหมดแล้ว!
ไม่ว่าเธอจะใช่เด็กโคลนนิ่งคนนั้นหรือไม่ อย่างน้อยตอนนี้ก็ไม่ใช่แล้ว ตอนนี้เธอคือกู้ซีจิ่ว!
เธอลุกขึ้นมาเรื่องแรกที่ทำก็คือไปหาเชียนหลิงอวี่กับหลานไว่หู บอกพวกเขาว่าตนคิดจะย้ายห้องเรียน
เธอเคยใคร่ครวญแล้ว ด้วยคุณสมบัติของเธอในตอนนี้ฝกฝนวิชาเหินหาวนั้นกินแรงมากจริงๆ มิใช่สิ่งที่มานะทุ่มทแล้วจะสามารถทำได้ และเธอก็ไม่ต้องการ ‘การดูแลเป็นพิเศษ’ ของเขาผู้นั้นอีก ดังนั้นการย้ายห้องคือวิธีที่ดีที่สุดแล้ว
หลานไว่หูแทบจะไม่คิดสักนิดเลย “ซีจิ่ว เจ้าย้ายข้าก็ย้าย! เจ้าไปไหนข้าไปด้วย!”
เชียนหลิงอวี่ก็ไม่คิดเลยเช่นกัน “ข้าก็ย้ายด้วย!”
กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “จิ้งจอกน้อยย้ายไปกับข้าได้ หลิงอวี่ เจ้าไม่ควรย้าย” ยามต่อสู้หลานไว่หูต้องได้รับการชี้นำจากเธอ ถ้านางติดตามผู้อื่นเป็นไปได้ว่าจะแสดงศักยภาพออกมาเช่นที่ควรไม่ได้ แต่เชียนหลิงอวี่มีพลังวิญญาณขั้นแปดแล้ว อยู่ในชั้นเมฆาม่วงห้องหนึ่งดั่งมัจฉาได้วารี เขาไม่จำเป็นต้องย้ายห้องไปด้วยเลย
กู้ซีจิ่วกล่าวกับเชียนหลิงอวี่อย่างเฉียบขาด เชียนหลิงอวี่ส่ายหัวเหมือนกลองป๋องแป๋ง “ไม่ได้! จะย้ายก็ต้องย้ายกันหมด! พวกเราสามคนผูกผันแน่นแฟ้น ผู้ใดก็อย่าได้หมายจะพรากพวกเราออกจากกัน!”
กู้ซีจิ่วรู้สึกปวดหัวนัก “หลิงอวี่ ใต้หล้านี้ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา เจ้าอยู่ห้องหนึ่งจะมีพัฒนาการดีขึ้นกว่าเดิม อีกอย่างต่อให้ย้ายห้องแล้วพวกเก็ยังเล่นด้วยกันได้เหมือนเดิม”
เธอพูดจนปากแทบฉีก ทว่าจนใจที่เจ้าเด็กเหลือขอเชียนหลิงอวี่ผู้นี้ดื้อด้านไม่ยอมเปลี่ยนใจจะย้ายตามไปด้วยให้ได้
กู้ซีจิ่วจนปัญญา ทำได้เพียงพาเจ้าสองตัวนี้ไปหากู่ฉานโม่ด้วยกัน
กู่ฉานโม่ยาที่ได้ยินเธอยื่นความจำนงดวงตาก็เบิกถลนยิ่งกว่าไข่ไก่ “กู้ซีจิ่ว เหล่าศิษย์ในยามนี้ล้วนปรารถนาจะลับหัวสมองใหแหลมคมแล้วพุ่งทะลวงสู่ชั้นเมฆ่าม่วงห้องหนึ่งใจจะขาดกันทั้งนั้น พวกเจ้าคิดอะไรออกมา? ทำไมเล่า?”
กี้จิ่วใคร่ครวญเหตุผลไว้ล่วงหน้าแล้ว “อาจารย์ใหญ่ ซีจิ่วพลังวิญญาณต่ำต้อย เล่าเรียนอยู่ห้องหนึ่งเปลืองแรงยิ่งนัก มีหลายหลักสูตรทีเกี่ยวข้องกับระดับความเชี่ยวชาญและระดับสูงต่ำของพลังวิญญาณโดยตรง มิใช่สิ่งที่ซีจิ่วเพียรพยายามแล้วจะบรรลุได้ ซีจิ่วศึกษาหลักสูตรของชั้นเมฆาม่วงห้องสองดูแล้ว รู้สึกว่าบทเรียนของชั้นนั้นค่อนข้างเหมาะสมกับข้า มีเพียงบทเรียนที่เหมาะสมกับตนถึงจะได้ผลดีที่สุด ถึงจะแสดงความได้เปรียบออกมามากที่สุด ดังนั้นซีจิ่วใค่ครวญดูหลายตลบแล้ว ยังคงตัดสินใจจะย้ายห้อง ขออาจารย์ใหญ่โปรดอนุเคราะห์ด้วย”
ถ้อยคำที่กู้ซีจิ่วพูดมาทั้งหมดมีเหตุผลยิ่งนัก คนมิได้มีความสามารถรอบด้าน ย่อมมีสิ่งที่ถนัดเป็นพิเศษและไม่ถนัดเป็นพิเศษ ในการศึกษาเสริมจุดเด่นเลี่ยงจุดด้อยก็ถูกต้องจริงๆ
พลังวิญญาณของกู้ซีจิ่วต่ำต้อยเป็นความจริงที่แย้งไม่ได้ และไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ เด็กคนนี้เยี่ยมยอดมากแล้ว สร้างปาฏิหาริย์มามากมาย เด็กเช่นนี้สมควรได้รับการสั่งสอนที่เหมาะสมที่สุด ทำให้นางเติบใหญ่อย่างแท้จริง…
กู่ฉานโม่มิได้หูตึงมิรับรู้ข่าวสาร เขาคือตาเฒ่าที่ผ่านโลกมามากคนหนึ่ง มีสายตาที่เข้าใจเรื่องทางโลกอย่างลึกซึ้ง
สิ่งที่กู้ซีจิ่วประสบที่ชั้นเรียนเมฆาคล้อยห้องหนึ่งในหลายวันมานี้เขาก็ทราบอย่างคร่าวๆ เช่นกัน ทราบว่าในห้องหนึ่งนางได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เสมอภาคจากตี้ฝูอี ทราบว่างหลงซือเย่โปรดปรานนาง
ถึงแม้ในวันที่เผาที่หุ่นเชิดชุดม่วงตัวนั้นหลงซือเย่จะอธิบายแล้วว่าความรักหวานแหววของตี้ฝูอีกับกู้วีจิ่วในหลายวันที่ผ่านมาเป็นเพียงการเล่นละครเท่านั้น แต่ในใจเขากลับรับรู้ได้รางๆ ว่ามิใช่ง่ายดายปานนั้น หลังจากจบเรื่องเขาใคร่ครวญดูรู้สึกว่าของหลงซือเย่คือการแสดงจริงๆ แต่ระหว่างตี้ฝูอีและกู้ซีจิ่วกลับมิคล้ายว่าเป็นการแสดงไปเสียทั้งหมด ระหว่างสามคนนี้มิได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น!
————————————————————————————-