บทที่ 176 ความน่ากลัวของเสี่ยวไป๋

Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子]

ทะเลแห่งสกิลโถมคลื่นปกคลุมฟากฟ้า ทั้งศรธนู ลูกไฟหรือแม้กระทั่งศรน้ำแข็ง ทุกสิ่งอย่างต่างรวมกลุ่มกันเข้ามาโดยมีเป้าหมายคือเซียวเฟิงเพียงผู้เดียว

อย่างไรก็ตาม เซียวเฟิงไม่ได้ขยับไปไหนเลยในตอนนั้น ทว่ากลับแหงนหน้ามองกลุ่มสกิลเหล่านั้นด้วยความใจเย็น ทันใดนั้นเอง ชายหนุ่มก็ยกคทาแห่งการรักษาขึ้นไปบนฟ้า

“จงออกมา… เสี่ยวไป๋!”

ผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนต่างจ้องมองเซียวเฟิงเป็นตาเดียวกัน พวกเขาไม่กล้ากะพริบตาเพราะอยากรู้ว่าเซียวเฟิงจะทำอย่างไรต่อ ทำไมเขาถึงไม่คิดจะหลบหรือโต้ตอบอะไรเลย

ภายใต้หน้ากากกระโหลกนั้น ตาข้างหนึ่งที่มืดสนิทกับอีกข้างหนึ่งที่มีไฟสีเขียวลุกโชนขึ้นตลอดเวลา ไม่มีใครรู้ว่าเซียวเฟิงจะทำอะไร จนกระทั่งเห็นว่าเขายกคทาแห่งการรักษาขึ้น และดูเหมือนจะอัญเชิญอะไรซักอย่างลงมา

เสียงระฆังดังขึ้น

เสียงระฆังดังกังวาลราวกับมาจากสรวงสวรรค์ เข้าสั่นสะเทือนโสตประสาทของผู้เล่นทุกคนที่ห้อมล้อมหุบเขารอยแยกแห่งนี้เอาไว้ พวกเขารีบแหงนหน้ามองไปยังเหนือหัวของเซียวเฟิงอย่างพร้อมเพรียงกัน

ที่แห่งนั้นมีวงเวทสีขาวขนาดใหญ่ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมา มันค่อย ๆ ก่อตัวช้า ๆ ก็จริงแต่ความชัดเจนก็บ่งบอกได้ว่ามันเป็นเวทมนตร์แห่งแสงแน่ ๆ!

ทันใดนั้น ลำแสงศักดิ์สิทธิ์ก็ส่องลงมาจากท้องฟ้า! แสงสว่างที่ส่องประกายช่วยสลายการโจมตีต่าง ๆ ที่โถมเข้ามาให้หายไป ลำแสงนั้นมันพุ่งออกมาจากวงเวทที่กำลังก่อตัวดังกล่าว

“นั่นอะไรน่ะ? ทำไมถึงทรงพลังขนาดนี้? มันเป็นสกิลอะไรกันแน่? เจ้าแห่งฮีลเลอร์ยังซ่อนสกิลเด็ด ๆ ไว้อีกเหรอ?”

“มันดูไม่เหมือนสกิลเลยนะ! วงเวทนั่น ดูเหมือนมิติแยกที่เอาไว้เชื่อมต่อกับมิติสัตว์เลี้ยงมากกว่า”

“นายกำลังจะบอกว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์กำลังอัญเชิญสัตว์เลี้ยงเหรอ? แต่ถ้าแค่อัญเชิญสัตว์เลี้ยงแล้วพลังนั่นคืออะไรกัน?”

“เขากำลังอัญเชิญสัตว์เลี้ยงจริง ๆ ! ดูนั่น! มีอะไรกำลังออกมาจากวงแหวนเวทมนตร์ด้วย!”

ในชั่วขณะที่ทุกคนกำลังถกเถียงกันด้วยความงุนงง พวกเขาก็ได้เห็นร่างสีขาวร่างหนึ่งค่อย ๆ ลอยออกมาจากวงเวทสีขาวนั้นและลงมาสู่ภาคพื้นด้านล่าง

ร่างที่ออกมาจากวงเวทสีขาวมันกลายเป็นเป้าสายตาของทุกคนไปในทันที

แม้จะไม่ได้มีรูปลักษณ์ใหญ่โต แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นเด็กสาวตัวเล็กที่สวมชุดเกราะสีเงินอยู่ และชุดเกราะนั้นก็ดูจะเป็นเหล็กกล้าเสียด้วย ส่วนหัวของเธอมีเกราะหัวสีเงิน อันที่จริงทั่วทั้งตัวก็มีแต่ชิ้นส่วนเกราะสีเงินประดับไว้เต็มไปหมดไม่ว่าจะเป็นหัวไหล่ ลำตัว หน้าท้อง สะโพก แขน มือ ขา รวมไปถึงรองเท้าบูทเองก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของชุดเกราะเลย

ในส่วนที่ชุดเกราะปกปิดไม่หมด พวกเขาจะสามารถเห็นได้ว่าเธอคนนี้มีผมสั้นสีเงิน ในขณะเดียวกันชุดที่สวมอยู่ข้างในก็ขาวสะอาดไร้การแต้มสีด้วย

แต่สิ่งที่น่าจะสะกดทุกสายตามากที่สุดน่าจะเป็นปีกทั้ง 4 ที่ขาวสะอาดและกว้างใหญ่บนหลังของเธอนั่นแหละ!

“นั่น…นั่นมันนางฟ้า! นางฟ้า 4 ปีก!”

“สัตว์เลี้ยงอันดับหนึ่งในอันดับสัตว์เลี้ยง! นางฟ้า 4 ปีก! เด็กคนนี้เป็นสัตว์เลี้ยงระดับเทพ!”

“นางฟ้า 4 ปีกนี่เป็นสัตว์เลี้ยงของเจ้าแห่งฮีลเลอร์จริง ๆ ด้วย! ฉันคิดมาตลอดเลยว่าผู้เล่นที่ปิดชื่อตัวเองไว้ต้องเป็นเขาแน่ ๆ !”

“ไอ้โง่เอ้ย! นอกจากเจ้าแห่งฮีลเลอร์แล้วจะยังมีใครที่มีพลังมากพอที่จะเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงเทพกับอาร์ติแฟคท์ได้อีก?”

“พระเจ้า! นางฟ้า 4 ปีกในอันดับสัตว์เลี้ยงเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ งั้นเหรอ? นี่มัน…จะน่าอิจฉาเกินไปแล้วโว้ยยยย!!”

“ไอ้เด็กตัวเล็ก ๆ ที่นายว่าอาจจะฆ่านายได้ด้วยสกิลเดียวก็ได้นะ”

“ใช่ อย่าลืมสิว่ายังไงซะเธอก็เป็นสัตว์เลี้ยงระดับเทพเลยนะ ยังไงซะพลังของนางก็น่าจะต้องน่ากลัวอยู่แล้ว!”

“ไม่นะ! ยิ่งฉันมองเธอมากเท่าไหร่ ความน่ารักของเธอก็ยิ่งฝังอยู่ในจิตของฉันมากขึ้นเรื่อย ๆ ! ถ้าหากฉันจะต้องตายหลังจากได้สัมผัสเธอล่ะก็ จะตายอีกกี่ชาติก็ยอม!”

“เจ้าแห่งฮีลเลอร์ถึงขนาดอัญเชิญสัตว์เลี้ยงของตัวเองออกมาเลยงั้นเหรอเนี่ย เขาจะทำอะไรต่อนะ?”

“นี่แสดงว่าตลอดชั่วโมงหนึ่งที่ต่อสู้กันมา เจ้าแห่งฮีลเลอร์ยังงัดของออกมาโชว์ไม่หมดอีกเหรอเนี่ย!?”

“นี่นายคิดว่าเขาใช้ทุกอย่างแล้วทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวเพิ่งจะเรียกสัตว์เลี้ยงออกมางั้นเหรอ? ทุก ๆ คนก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าสัตว์เลี้ยงน่ะเป็นกำลังเสริมที่แข็งแกร่งให้กับผู้เล่น นอกจากนี้เธอคนนี้ยังเป็นสัตว์เลี้ยงระดับเทพเลยนะ! เจ้าแห่งฮีลเลอร์เป็นนักบวช เลยทำให้มีสกิลโจมตีเพียงนิดหน่อยแต่นายอย่าดูถูกสัตว์เลี้ยงเขาเชียว ฉันเชื่อว่าในเมื่อเธอเป็นระดับเทพ เธอจะต้องสร้างความเสียหายได้มหาศาลแน่ ๆ !”

“แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ ต่อให้เป็นสัตว์เลี้ยงระดับเทพ การที่ต้องมาเจอกับผู้เล่นนับหมื่นของกิลด์กลอรี่ เธอจะไม่แย่เอาเหรอ?”

“หรือบางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่เจ้าแห่งฮีลเลอร์ไม่เรียกเธอออกมาจนกระทั่งตอนนี้ก็ได้นะ เขาอาจจะจนมุมจริง ๆ จนต้องเรียกเธอออกมา…”

สิ่งที่พวกเขาพูดมันก็มีส่วนถูกนั่นแหละ เพราะยังไงเสียเหตุผลที่เซียวเฟิงจำเป็นต้องเรียกเสี่ยวไป๋ออกมาก็เพราะว่าถูกต้อนจนจนมุม ชายหนุ่มจึงจำเป็นต้องใช้พลังในการต่อสู้จากเสี่ยวไป๋จริง ๆ!

ในตอนนี้จะให้มาเฝ้าระวังกฏที่วิหารแห่งแสงตั้งไว้ก็คงจะไม่ใช่เรื่อง

เสี่ยวไป๋นั้นล่องลอยอยู่บนอากาศด้วยการกระพือปีกขนาดใหญ่ของเธอช้า ๆ เธอสามารถบินไปไหนก็ได้ตามที่ใจต้องการแล้วในตอนนี้เพราะเธอถูกอัญเชิญออกมาจากวงเวทสีขาวกลางอากาศนั่น เสี่ยวไป๋จัดว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่สามารถบินได้ ในขณะที่สัตว์เลี้ยงทั่ว ๆ ไปจะอยู่แค่บนดินเท่านั้น

หลังจากที่เสี่ยวไป๋ปรากฏตัวออกมา เธอก็มองเซียวเฟิงด้วยความประหลาดใจราวกับว่าโลกที่เธอปรากฏตัวออกมานี้มันแปลกมากจนเธอรู้สึกไม่สบายใจ ชุดเกราะสีเงินนี้เป็นสิ่งที่เซียวเฟิงไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เพราะเขาเคยอ่านสกิลของเสี่ยวไป๋ ถึงได้รู้ว่าชุดเกราะนี้คือ ‘เกราะแห่งพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์’ ซึ่งด้วยสกิลนี้จะสามารถทำให้พลังป้องกันของเสี่ยวไป๋สูงขึ้นเป็นอย่างมากในเวลา 20 นาที แถมยังเพิ่มความแม่นยำและความเร็วในการหลบมากถึง 120% ดังนั้นในตอนนี้ พลังป้องกันของเสี่ยวไป๋จึงมีมากกว่า 300 หน่วยไปแล้ว! มากกว่าเซียวเฟิงถึง 2 เท่า!

“เสี่ยวไป๋ หลบเร็ว!”

เซียวเฟิงตะโกนเสียงดังเมื่อเห็นว่าการโจมตีอันมากมายนั้นเปลี่ยนเป้าหมายไปยังเสี่ยวไป๋แทน ปริมาณของสกิลและปลายศรมหาศาลกำลังจะกลืนกินเธอ ซึ่งเซียวเฟิงไม่คาดคิดเลยจริง ๆ ว่าวงเวทที่ใช้อัญเชิญเสี่ยวไป๋นั้นจะมาปรากฏใต้เขตการโจมตีเช่นนี้

ถึงแม้ว่าเลือดของเสี่ยวไป๋จะสูงถึง 6,000 หน่วยก็จริง แต่เธอไม่มีกระโหลกมังกรที่ใช้ในการทำให้การโจมตีไม่สามารถสร้างความเสียหายได้ และต่อให้เธอมีความเร็วในการหลบหลีกสูงขนาดไหน เธอก็ไม่น่าจะสามารถหลบการโจมตีอันมหาศาลนี้ได้แน่ ๆ !

เหตุผลเดียวที่เซียวเฟิงสามารถรับการโจมตีที่มาจากบนฟ้าได้เรื่อย ๆ นั่นก็เพราะความสามารถของกระโหลกมังกรล้วน ๆ เลย

วงเวทสีขาวบนฟากฟ้าปิดไปแล้วขณะที่คลื่นการโจมตีกำลังมุ่งตรงไปยังเสี่ยวไป๋ ในจังหวะที่การโจมตีเหล่านั้นกำลังจะเข้าถึงปีกของเสี่ยวไป๋ที่ด้านหลัง แววตาของเธอก็เปลี่ยนไป

แต่เดิมที่แววตานั้นจะเปี่ยมไปด้วยความสดใสและไร้เดียงสา เป็นดวงตากลมโตสีเงินที่ดูน่ารักน่าเอ็นดู ในตอนนี้มันกลับกลายเป็นแววตาที่เยือกเย็นและน่าหวาดกลัว

โล่แห่งแสง 3 อันปรากฏขึ้นรอบตัวเธอ มันค่อย ๆ หมุนไปมาอย่างช้า ๆ ปีกใหญ่ ๆ นั้นกระพือและส่งเธอทะยานเข้าใส่คลื่นการโจมตีอย่างรวดเร็วและไร้ซึ่งความหวาดหวั่น!

เซียวเฟิงเผลอพ่นลมหายใจที่เต็มไปด้วยความตกใจครู่หนึ่ง แต่นั่นไม่ใช่เพราะการเคลื่อนไหวที่อันตรายของเสี่ยวไป๋หรอก แววตาของเธอต่างหาก

มันเป็นแววตาที่เยือกเย็นและแข็งทื่อเหมือนเครื่องจักร เซียวเฟิงค่อนข้างคุ้นเคยกับมัน เพราะงั้นเขาถึงได้ตกใจ

ภาพที่น่าตกตะลึงที่เกิดขึ้นบนอากาศนี้ทำเอาทุกคนหัวใจเต้นรัวราวกับจะระเบิดออก เสี่ยวไป๋พุ่งเข้าไปหาการโจมตีทั้งหลายโดยไม่ลดความเร็วลง ร่างเล็กของเธอกำลังถูกกลืนกินลงไปแล้ว!

ที่เหนือหัวของเสี่ยวไป๋ มีเพียงข้อความประเภทเดียวที่ปรากฏขึ้นมา

โจมตีไม่เข้า!

โจมตีไม่เข้า!

โจมตีไม่เข้า!

โจมตีไม่เข้า!

เซียวเฟิงช็อกไปอีกครั้งก่อนที่เขาจะได้ตระหนักถึงแววตาของเสี่ยวไป๋ที่เปลี่ยนไป

“นี่มัน…”

ถ้าหากเซียวเฟิงจำไม่ผิด สิ่งที่เสี่ยวไป๋ทำเมื่อครู่นี้คือการใช้สกิลโล่แห่งพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ที่จะสามารถสร้างโล่แห่งแสงขึ้นมาเพื่อปกป้องตัวเธอเอาไว้ได้ โล่แห่งแสงเหล่านี้สามารถป้องกันความเสียหายได้ทุกประเภท แต่จะหายไปหลังจากที่มันรับความเสียหายถึงในระดับที่กำหนดแล้ว ในตอนนี้สกิลโล่แห่งพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเสี่ยวไป๋อยู่ที่เลเวล 2 โล่แห่งแสงชิ้นแรกจะสามารถรับความเสียหายได้ 100% เช่นเดียวกับโล่ชิ้นที่ 2 จะมีก็แต่โล่ชิ้นที่ 3 ที่รับความเสียหายได้ 50% เท่านั้น

แต่เดิมการที่ต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีที่รุนแรงและน่ากลัวระดับนี้ โล่ทั้งสามควรจะหายไปตั้งแต่แรกโดยทันที ทว่าในครานี้เสี่ยวไป๋กลับสามารถรับการโจมตีนับพันได้โดยที่ยังไม่เป็นอะไรทั้งนั้น

“เดี๋ยวก่อนนะ…หรือว่า!?”

เขาหรี่ตาลงขณะที่เพ่งพินิจดูสถานการณ์อยู่ และในที่สุดเขาก็นึกอะไรบางอย่างออก

ในตอนที่โล่ชิ้นแรกของเสี่ยวไป๋โดนโจมตี มันจะหายไปตามที่สกิลระบุไว้ก็จริง แต่ช่วงระยะเวลาในการหายไปคือ 1 วินาที ดังนั้นใน 1 วินาทีนี้การโจมตีที่โถมเข้ามาจะถูกถือว่าเป็น โจมตีไม่เข้า! ทั้งหมด

โล่ชิ้นที่ 2 เองก็ใช้หลักการเดียวกัน ตลอดระยะเวลา 1 วินาทีขณะที่โล่กำลังจะหายไป ความเสียหายทั้งหมดจะไม่ถูกคำนวณแต่อย่างใด

หรือจะให้พูดง่าย ๆ ถึงแม้ว่าตัวสกิลโล่แห่งพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จะบอกไว้ว่ารับความเสียหายได้ตามความเสียหายที่กำหนดไว้ แต่แท้จริงแล้วมันสามารถกันได้ตลอดระยะเวลาที่มันยังแสดงผลอยู่ต่างหาก!

ภายใน 2 วินาที เสี่ยวไป๋ก็สามารถทะลวงคลื่นการโจมตีทั้งหลายและขึ้นไปผงาดอยู่บนฟากฟ้าเหนือหุบเขารอยแยกได้สำเร็จ

ตู้ม!

ไม่นานนัก คลื่นการโจมตีเหล่านั้นก็ตกลงมาใส่เซียวเฟิงแทน แต่ถึงมันจะเป็นคลื่นการโจมตีที่นับไม่ถ้วน เซียวเฟิงก็ไม่ได้รับความเสียหายใด ๆ ทั้งสิ้น

นั่นเพราะคลื่นการโจมตีระลอกนี้ ถูกเสี่ยวไป๋ทำลายแกนกลางเพื่อพุ่งขึ้นฟ้าไป และมันเป็นบริเวณเดียวกับที่เซียวเฟิงยืนอยู่พอดี เพราะงั้นแล้วเซียวเฟิงสามารถรอดมาได้เพราะการปกป้องของเสี่ยวไป๋โดยแท้จริง

แน่นอนว่าสถานการณ์ที่ดูน่าชื่นชมนี้ไม่ได้อยู่นานนัก เพราะกิลด์กลอรี่ไม่ได้หยุดโจมตี มันเลยทำให้พื้นที่ปลอดภัยตรงกลางนั้นถูกเติมเต็มด้วยการโจมตีระลอกใหม่อีกครั้งในทันที ซึ่งเวลานี้สกิลโล่แห่งพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเสี่ยวไป๋เข้าสู่ขั้นคูลดาวน์อยู่ เธอจึงไม่สามารถใช้มันได้อีกครั้งในเวลาต่อ ๆ กัน

หากแต่เสี่ยวไป๋ก็เริ่มทำอะไรบางอย่างอีกครั้งก่อนที่ผู้เล่นของกิลด์กลอรี่จะได้โจมตีอีก

หลังจากที่เธอทลายคลื่นการโจมตีและทะยานสู่ฟากฟ้าได้แล้ว เสี่ยวไป๋ก็ไม่ได้หยุดอยู่นิ่ง ๆ กลางอากาศ เธอกระพือปีกทั้ง 4 แล้วพุ่งเข้าใส่กำแพงมนุษย์ของกิลด์กลอรี่อย่างรวดเร็ว

มือเล็ก ๆ ของเด็กสาวประสานกันไว้ ทันทีทันใดก็เกิดแสงสว่างจ้าขึ้นมาจากฝ่ามือ แสงนั้นส่องสว่างมากขึ้นและแปรเปลี่ยนกลายเป็นดาบสีเงินเล่มใหญ่ตระการตา!

ดาบแห่งพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์!

ดาบเล่มนี้ใหญ่เกือบจะเป็น 2 เท่าของขนาดตัวเสี่ยวไป๋เลย! มันยาวกว่า 2 เมตรและกว้างกว่า 50 เซนติเมตร ในขณะที่ความหนาเองก็พอ ๆ กับขอบประตูบานหนึ่งได้ หากไม่ติดว่าขึ้นชื่อว่าดาบ สภาพของมันจะเหมือนแผ่นเหล็กสีเงินขนาดใหญ่เสียมากกว่า เสี่ยวไป๋เป็นเพียงผู้เดียวที่ยกมันได้ และเมื่อดาบนั้นถูกตวัดลงมา คลื่นการโจมตีที่รุนแรงและน่ากลัวก็ถูกปล่อยออกมาด้วย

ตู้ม!!!

เสี่ยวไป๋ตวัดดาบใส่เหล่ากำแพงมนุษย์ของกิลด์กลอรี่ที่อยู่เบื้องล่างด้วยความเร็วที่เหนือกว่าการมองเห็นด้วยสายตาของมนุษย์ เสียงระเบิดจากคลื่นการโจมตีสีเงินนั้นดังสนั่นไปทั่ว มันกระจายออกไปโดยมีเสี่ยวไป๋เป็นจุดศูนย์กลาง มีผู้เล่นไม่ต่ำกว่าร้อยคนของกิลด์กลอรี่ที่โดนท่านี้โจมตีเข้าใส่ในครั้งเดียว!

-660!

-660!

-660!

-660!

-660!

ค่าความเสียหายปรากฏขึ้นบนหัวของผู้เล่นที่โดนการโจมตีไป มันเหมือนกลุ่มควันสีแดงที่ลอยขึ้นมาในทุก ๆ ที่ที่คลื่นการโจมตีสีเงินนี้พุ่งผ่าน ผู้คนมากมายล้มตาย ณ จุดที่พวกเขายังยืนอยู่โดยไม่ทันได้หนีไปไหน

“อะไรวะนั่น!? เป็นไปได้ยังไงกัน!!”

“นี่ฉันตาฝาดหรือเปล่า? แค่การโจมตีครั้งเดียว เด็กคนนั้นฆ่าผู้เล่นไปเป็นร้อย ๆ คนเลยเหรอ!?”

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? การโจมตีนั่นมันคืออะไร? การโจมตีที่กินพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง แถมยังทรงพลังระดับฆ่าคนได้ในพริบตาอีก!”

“พระเจ้า! สมแล้วที่เป็นพลังของสัตว์เลี้ยงระดับเทพ! น่ากลัวจริง ๆ!”

“อุปกรณ์ระดับเทพเจ้าจะช่วยทำให้อันดับของผู้เล่นขึ้นไปอยู่อันดับต้น ๆ แต่ดูเหมือนว่าสัตว์เลี้ยงระดับเทพนี่จะเป็นตัวช่วยที่น่ากลัวกว่าอีกสินะ!”

ในตอนนั้น ผู้เล่นทุกคนก็ตระหนักได้ถึงความน่ากลัวของการโจมตีที่เสี่ยวไป๋เพิ่งจะปลดปล่อยออกมา ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นที่ดูการถ่ายทอดสด ผู้เล่นที่ดูการต่อสู้จริง ๆ อยู่บนผารวมไปถึงผู้เล่นของกิลด์กลอรี่ที่อยู่หลังกำแพงมนุษย์พวกนั้นด้วย

แม้แต่เซียวเฟิงเองก็ไม่คาดคิดว่าการโจมตีของเธอจะแข็งแกร่งขนาดนี้ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เมื่อได้มองไปยังตัวเลขที่บอกค่าความเสียหายที่เท่าเทียมกันหมด มันก็ยิ่งทำให้เขาต้องตกใจ สิ่งนี้มันหมายความว่าเสี่ยวไป๋สามารถโจมตีโดยตรงแบบไม่ต้องคำนวณค่าพลังป้องกันได้เลย พลังโจมตีของเธอคือจำนวนความเสียหายที่อีกฝ่ายจะได้รับไปเต็ม ๆ!

แต่ถึงอย่างนั้น นี่ก็ไม่ใช่ความสามารถของเสี่ยวไป๋โดยตรง สิ่งเดียวที่น่าจะอธิบายถึงสถานการณ์ตอนนี้ได้ ก็น่าจะเป็นดาบขนาดใหญ่ในมือของเธอนั่นแหละ ดาบสีเงินเล่มใหญ่ที่มองยังไงมันก็ยังใหญ่กว่าตัวของเธอเสียอีก!

นอกจากพลังโจมตีที่สูงแล้ว สกิลการโจมตีระยะไกลนั่นก็น่าจะเป็นผลมาจากดาบเล่มนี้ด้วยเช่นกัน!