บทที่ 98 เคารพนับถือ

The king of War

จากนั้นตามด้วยเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของฉินเฟยที่ดังสนั่นไปทั่วคฤหาสน์ตระกูลฉิน

“เสี่ยวเฟย!”

นายท่านฉินตะโกนด้วยความโกรธ และหลินเสว่เหลียนก็ตะโกนอย่างเสียงดังแล้ววิ่งเข้ามาหาฉินเฟยโดยไม่สนอะไรอีก

“ไปให้พ้น!”

หม่าชาวตบหลินเสว่เหลียนจนกระเด็นออกไปและสลบคาที่ทันที

เขายืนอยู่ข้างหยางเฉินด้วยความน่าเกรงขาม และคนของตระกูลฉินก็ไม่กล้าขยับไปไหนอีก

สำหรับ นายท่านฉินแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องโกรธมากขนาดนี้ เพราะเด็กคนหนึ่งที่ถูกเขาไล่ออกจากบ้านและยังเป็นเด็กรุ่นลูกรุ่นหลานของเขา แต่กลับเหยียบขาฉินเฟยหักต่อหน้าเขา

“หยางเฉิน นายทำแบบนี้นายไม่กลัวคนของตระกูลกวนใช่ไหม?” นายท่านฉินกัดฟันพูด

หยางเฉินหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วมองไปที่ฉินเฟยที่กำลังคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดอยู่ “เห็นมั้ย? นี่ก็คือคุณปู่ของคุณ เขาเห็นแก่ศักดิ์ศรีของตนมากกว่า แม้ว่าผมจะฆ่าคุณตอนนี้ แต่เขาก็ไม่ยอมขอร้องเพื่อให้ผมหยุดทำร้ายคุณหรอก”

“หยาง หยางเฉิน ผม ผมขอร้อง ปล่อย ปล่อยผมไปเถอะ”

ฉินเฟยเจ็บจนปากสั่นตัวสั่นและเริ่มพูดไม่ชัดเจนแล้ว

หยางเฉินเห็นถึงความกลัวในแววตาของเขาแล้ว เขาไม่มีทางกล้าต่อกรกับหยางเฉินต่อหน้าอีก แต่ว่า หยางเฉินจะปล่อยเขาไปแบบนี้ได้อย่างไร?

“ถ้าปู่คุณยอมทิ้งศักดิ์ศรีของตนแล้วมาขอร้องผมให้หยุด บางทีผมอาจจะปล่อยคุณไปก็ได้นะ”

มุมปากของหยางเฉินยกขึ้นและเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มอันน่ากลัวดั่งปีศาจร้ายของเขา เขาแค่อยากรู้ว่านายท่านฉินนั้นมีจิตใจที่แข็งกระด้างมากแค่ไหน

“คุณปู่ครับ คุณปู่รีบขอร้องเขาสิครับ ให้เขาปล่อยผมไป ไม่อย่างนั้นผมคงต้องนอนอยู่บนเตียงทั้งชีวิตแน่เลยครับ คุณปู่ รีบขอร้องเขาสิ!”

ฉินเฟยเจ็บปวดจนเหงื่อท่วมตัวราวกับว่าเพิ่งถูกน้ำสาดใส่

นายท่านฉินเคร่งเครียดและมองไปที่หยางเฉินอย่างไม่กะพริบตา “หยางเฉิน นายอย่ามากเกินไปนะ นายคิดว่านายเป็นใครกันแน่? ทำไมคนอย่างข้าต้องขอร้องนายด้วย?”

“ดูเหมือนว่าในใจของไอ้หมาแก่ คุณไม่มีความสำคัญเท่ากับศักดิ์ศรีของเขาเลยสินะ คุณจะโทษผมไม่ปล่อยคุณไปไม่ได้นะ คุณต้องโทษไอ้หมาแก่ที่ไม่ยอมช่วยคุณมากกว่า”

หยางเฉินพูดอย่างเย้ยหยัน และหลังจากที่เขาพูดจบก็ยกเท้าขึ้นและเหยียบไปที่เข่าอีกข้างของฉินเฟย

“คุณปู่ครับ คุณปู่ช่วย……อ๊าก……”

ฉินเฟยยังไม่ทันพูดจบ ความเจ็บปวดของเข่าอีกข้างที่ถูกเหยียบจนแตกหักก็กลับมาอีกครั้ง และเขาก็ได้แต่ตะโกนอย่างบ้าคลั่ง

ณ ขณะนี้เข่าทั้งสองข้างของเขาก็แตกละเอียดไปเรียบร้อย ต่อให้เทวดามาก็ไม่อาจรักษาเขาได้อีก

นับจากวันนี้เป็นต้นไป ฉินเฟยก็จะกลายเป็นคนพิการอย่างแท้จริง

ซึ่งคราวนี้ฉินเฟยไม่สามารถทนต่อความเจ็บปวดที่รุนแรงนี้ได้อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงหมดสติไปในที่สุด

“หยางเฉิน!”

นายท่านฉินกัดฟันแน่นๆ จนฟันเกือบหัก

ส่วนคนอื่นๆ ก็เหมือนได้รู้จักหยางเฉินใหม่อีกครั้ง นัยน์ตาของทุกคนก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

หลายๆ คนรู้สึกโชคดีมากที่ยืนอยู่ด้านหลังฉินเฟย ไม่อย่างนั้นคนที่ต้องขาหักทั้งสองข้างอาจจะเป็นพวกเขาเองก็ได้

“ถ้าคุณยอมฟังผมแต่แรก แขนขาของฉินเฟยคงไม่ต้องหักหรอก เพราะผมไม่ได้คิดจะทำแบบนี้เหมือนกัน แต่คุณไม่ยอมฟังผมเอง ช่วยไม่ได้ เอาสิ ตอนนี้เข่าทั้งสองข้างของฉินเฟยใช้การไม่ได้อีกแล้ว เขาไม่มีวันได้ลุกขึ้นยืนอีก”

หยางเฉินพูดขึ้นอย่างกะทันหัน “ตอนนี้ ผมจะให้โอกาสคุณครั้งสุดท้าย ขอเพียงคุณยอมทิ้งศักดิ์ศรีของคุณ แล้วขอร้องให้ผมปล่อยฉินเฟยไป ผมอาจจะใจดีแล้วเก็บแขนทั้งสองข้างของเขาไว้”

“เรื่องอะไรที่ข้าจะต้องร้องขอไอ้กระจอกที่ถูกข้าไล่ออกจากตระกูลอย่างนาย? ต่อให้นายฆ่าเสี่ยวเฟยข้าก็ไม่มีวันก้มหัวให้นายหรอก แต่จำไว้ด้วยละกัน นายทำอะไรกับเสี่ยวเฟย เดี๋ยวคนของตระกูลกวนก็จะทำเช่นนั้นกับนายเช่นกัน”

นายท่านฉินไม่ได้ปกปิดความเกลียดชังที่มีต่อหยางเฉินอีก

หยางเฉินส่ายหัว “คนอย่างคุณไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ คุณคิดว่าคนที่เหลือของตระกูลกวนจะกล้ายุ่งกับผมงั้นหรือ?”

“นายหมายความว่าไง?” นายท่านฉินถาม

“ผมล่ะสงสัยจริงๆ ว่าตระกูลฉินที่อยู่ภายใต้คุณอยู่รอดมาถึงทุกวันนี้ได้ยังไง”

หยางเฉินส่ายหัวแล้วพูดต่อ “เมื่อคืนผมจัดการฉินเฟยที่กวนเจิ้งซาน ผมไม่ได้ยกเว้นแม้แต่ทายาทผู้สืบทอดของตระกูลกวน คุณจะไม่ลองคิดดูบ้างเหรอว่าคนของตระกูลกวนปล่อยผมออกมาได้ไง?”

“ตระกูลกวนก็แค่ยังไม่ได้ทำอะไรก็แค่นั้น บางทีพวกเขาอาจจะเตรียมเล่นงานนายภายหลังก็ได้” นายท่านฉินพูดอย่างเย็นชา

“คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด! คำนี้คงหมายถึงคุณสินะ? ด้วยสถานะครอบครัวอย่างตระกูลกวน แล้วถูกคนนอกเข้าไปก่อความวุ่นวายในงานเลี้ยงของพวกเขา แล้วคุณคิดว่าพวกเขาจะปล่อยไปง่ายๆ งั้นเหรอ?”

หยางเฉินพูดอย่างเหลือทน เขาเคยเห็นคนที่โง่เขลามามากมาย แต่ไม่เคยเห็นคนที่โง่เขลาเท่านายท่านฉินแบบนี้มาก่อน

เสียดายที่นายท่านฉินไม่ได้เห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตระกูลกวนในเมื่อคืนนี้

“ถ้านายตายในงานเลี้ยงของตระกูลกวน มันก็จะเป็นภาระของพวกเขาไม่ใช่เหรอ?” นายท่านฉินยังไม่ได้ตระหนักถึงความโง่เขลาของเขา

ในขณะนี้ รถไมบัคสีดำคันหนึ่งขับเข้ามาจอดอยู่ที่หน้าประตูตระกูลฉิน จากนั้นชายวัยกลางคนในชุดสูทก็ลงจากรถและรีบวิ่งเข้ามา

“ฮ่า ๆ ประธานสวี่จากตระกูลกวนมาแล้ว นายรอเจอกับคนของตระกูลกวนได้เลย!”

เมื่อเห็นชายวัยกลางคนวิ่งเข้ามา นายท่านฉินก็หัวเราะอย่างกะทันหันแล้ววิ่งเหยาะๆ ออกไปเพื่อต้อนรับเขา “ประธานสวี่ครับ ประธานสวี่ให้คนอื่นมาก็พอแล้ว ทำไมต้องมาเองครับ?”

“หลบไปให้พ้น!”

ประธานสวี่ผลักนายท่านฉินออกไปและตรงเข้าไปหาหยางเฉิน จากนั้นโค้งคำนับแล้วพูดด้วยความตื่นตระหนก “คุณหยางครับ ผมได้ข่าวว่าตระกูลฉินทำไม่ดีไม่ร้ายกับคุณ ผมจึงยกเลิกสัญญาของการร่วมมือกับตระกูลฉินไปหมดแล้วครับ”

คำพูดของเขาเหมือนฟ้าที่ผ่าลงกลางใจของคนในตระกูลฉินทุกคน

นายท่านฉินก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจและพูดอย่างไม่คาดคิดว่า “ประธานสวี่ครับ ประธานสวี่เข้าใจผิดใช่หรือเปล่าครับ? เมื่อคืนมันยังไปก่อเรื่องในงานเลี้ยงของเจ้าบ้านกวนของคุณนะครับ อีกอย่างที่ผมติดต่อคุณก็เพราะจะให้คุณมาฆ่ามันนะครับ ทำไมคุณถึงให้เกียรติมันขนาดนี้ครับ?”

“ไอ้ชาติหมา! มึงไปให้พ้นเลยนะ! มึงไม่มีสิทธิ์รู้จักคนอย่างคุณหยางหรอก”

ประธานสวี่ตกใจกับคำพูดของนายท่านฉินมาก เขากล้ายุ่งกับหยางเฉินได้อย่างไร? แถมยังคิดจะฆ่าหยางเฉินด้วย เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในตระกูลกวนเมื่อคืนนี้ประธานสวี่ก็ได้เห็นกับตาแล้ว

โดยเพราะฉากที่กลุ่มชายฉกรรจ์นับร้อยคนเข้ามาจับทายาททั้งหมดที่อยู่ในกวนเจิ้งซานออกไป ซึ่งก็ทำให้ทุกคนในงานรู้สึกกลัวมาก

ประธานสวี่เป็นผู้จัดการทั่วไปของกิจการหนึ่งที่อยู่ภายใต้บริษัทของตระกูลกวน ชื่อจริงเขาเรียกว่าสวี่เทียน ซึ่งสวี่เทียนก็ถือว่าเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งในตระกูลกวนด้วย

และในขณะนี้ รถไมบัคสีดำอีกคันก็ขับเข้ามาจอดอยู่ที่หน้าประตูบ้านตระกูลฉิน และเลขป้ายทะเบียนรถคันดังกล่าวก็แตกต่างกับป้ายทะเบียนของสวี่เทียนเพียงแค่หลักเดียวเท่านั้น

ซึ่งเห็นได้ชัดว่ารถไมบัคทั้งสองคันนี้ซื้อพร้อมกันอย่างแน่นอน

จากนั้นผู้จัดการทั่วไปของอีกบริษัทหนึ่งที่อยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลกวนก็ลงจากรถและวิ่งเหยาะๆ เข้ามา

“ประธานสือ คุณมาได้ไงครับ?”

นายท่านฉินรีบเดินเข้าไปต้อนรับและถามด้วยความประหลาดใจ

“ไปให้พ้น!”

ประธานสือผลักนายท่านฉินแล้วตรงเข้าไปหาหยางเฉิน จากนั้นก้มศีรษะลงแล้วพูดด้วยความเคารพ “คุณหยางครับ ผมชื่อสือเหว่ยครับ ผมเป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัทเสว่เฟิงกรุ๊ปที่อยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลกวนครับ เมื่อครู่นี้ผมได้ข่าวว่าคุณอยู่ที่นี่ ผมจึงตั้งใจเข้ามาเยี่ยมคุณครับ!”

ถ้าหากจะบอกว่าสวี่เทียนจำคนผิด แล้วประธานสือล่ะ? หรือว่าประธานสือก็จำคนผิดเหมือนกัน?

จู่ ๆ คำพูดก่อนหน้านี้ของหยางเฉินก็ผุดขึ้นในหัวของนายท่านฉินและทำให้เขารู้สึกไม่คาดคิด

“เป็นไปไม่ได้! ไม่มีทางหรอก! ประธานสวี่กับประธานสือต้องเข้าใจผิดแน่เลย” นายท่านฉินยังคงไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น

แต่ในขณะนี้ รถไมบัคอีกหลายๆ คันก็ขับเข้ามาจอดอยู่ที่หน้าประตูบ้านตระกูลฉิน

นายท่านฉินได้แต่ยืนมองเหล่าผู้จัดการที่รับผิดชอบกิจการของตระกูลกวนวิ่งเหยาะๆ เข้ามากล่าวทักทายกับหยางเฉิน

ดูเหมือนว่าหยางเฉินเป็นเจ้าของตัวจริงของตระกูลกวนไปแล้ว ถึงเป็นที่เคารพนับถือของตระกูลกวนแบบนี้