ภาคที่ 2 บทที่ 227 สร้างบารมี

มู่หนานจือ

“พูดจาเหลวไหล!” ฮูหยินฝางตวาดด่าเด็กรับใช้ว่า “มีคนถูกฆ่าไปมากมายอะไรกัน? แค่โจรขโมยไม่กี่คนเท่านั้น คนอื่นพูดอย่างไรเจ้าก็อย่าพูดตามไปด้วย พวกข่าวลือก็เผยแพร่ออกไปแบบนี้แหละ”

เด็กรับใช้หวังดีกลับถูกสั่งสอน สีหน้าจึงเปลี่ยนไปอย่างมาก และก้มหน้ายอมรับผิดอย่างหวาดกลัวจนตัวสั่นงันงก

สีหน้าของฮูหยินฝางถึงคลายความโกรธลงเล็กน้อย

เจียงเซี่ยนออกเรือนเป็นเรื่องมงคล หากแปดเปื้อนการสังหารหมู่ ก็ไม่มงคลแล้ว…

ฮูหยินฝางสั่งสอนเด็กรับใช้คนนั้นสองสามคำ ถึงปล่อยเขาไป

ทว่าอย่างไรเรื่องนี้ก็ทิ้งร่องรอยไว้ในใจของฮูหยินฝางแล้ว

นางจึงแอบเรียกเจียงลวี่มาถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ “ตระกูลหลี่คงจะไม่ได้สังหารผู้คนจริงๆ ใช่หรือไม่?”

“จะเป็นไปได้อย่างไร!” เจียงลวี่แลดูแตกต่างไปจากแต่ก่อนที่พอเอ่ยถึงหลี่เชียนก็จะถลึงตาและดูโหดเหี้ยม เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านแม่ ข่าวลือนี้มันอะไรกัน? คนอื่นไม่รู้ ท่านก็ไม่รู้ด้วยหรือ? งานเทศกาลโคมไฟปีนั้น ท่านพ่อเจออาสะใภ้สิบหกระหว่างทาง จึงให้ผู้ติดตามไปส่งอาสะใภ้สิบหกช่วงหนึ่ง ปรากฏว่าไม่กี่วันในเมืองหลวงก็มีข่าวออกมาว่าท่านพ่อเลี้ยงอนุภรรยาไว้ข้างนอก ผ่านไปอีกสองสามวันก็ว่ากันว่าท่านพ่อมีลูกนอกสมรสอยู่ข้างนอกคนหนึ่ง…สินสอดก้อนใหญ่ขนาดนั้น ไม่เพียงแต่ซานซี แม้แต่ทางการกับกลุ่มอิทธิพลมืดของเหอหนานกับส่านซีที่อยู่ข้างเคียงก็เคลื่อนไหว คนที่หมายตาเงินก้อนนี้ก็มากขึ้นแล้ว ตระกูลหลี่จะต้องเชือดไก่ให้ลิงดูอย่างแน่นอน จัดการคนที่ไม่ระวังเพียงไม่กี่คน ก็ถูกคนลือเป็นฆ่าคนจำนวนมาก ท่านลองคิดดู เมืองชายแดนทางเหนือที่สำคัญทั้งเก้าแห่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์มาโดยตลอด มีฐานที่มั่นมากมาย มีโจรที่ใดกัน? ต่อให้ตระกูลหลี่อยากฆ่าคนจำนวนมาก นั่นก็ต้องมีคนให้พวกเขาฆ่าเช่นกัน? ยิ่งกว่านั้นเป่าหนิงแต่งงานเป็นเรื่องมงคล พวกเขาสะสมบุญวาสนายังไม่ทัน แล้วจะฆ่าคนอย่างง่ายดายได้อย่างไร? ท่านวางใจเถอะ มันไม่มีอะไรทั้งนั้น!”

ได้ยินคำบุตรชายฮูหยินฝางก็วางใจแล้ว

เจียงลวี่ยิ้มพลางเอ่ยว่า “น้องสาวออกเรือน ข้าก็ให้ของขวัญด้วยแล้วกัน? ไม่มากนักหรอก ให้ทองนางห้าร้อยตำลึงแล้วกัน”

ฮูหยินฝางประหลาดใจ จึงเอ่ยว่า “เจ้าเก็บเงินออมส่วนตัวได้มากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร? เงินนี้พ่อเจ้ารู้หรือไม่? เจ้าคงจะไม่ได้ทำอะไรที่ไม่เหมาะสมข้างนอกในนามจวนเจิ้นกั๋วกงใช่หรือไม่?”

แม้ตระกูลเจียงจะร่ำรวย ทว่ากลับเลี้ยงลูกชายอย่างเข้มงวด เงินเดือนของเจียงลวี่ไม่เกินห้าตำลึง จนกระทั่งเขามาฝึกฝนที่ต้าถง ถึงจะเพิ่มขึ้นเป็นห้าสิบตำลึง บางครั้งไม่พอ ฮูหยินฝางยังแอบยัดเงินส่วนตัวให้ลูกชายเล็กน้อยด้วย ในมือของเจียงลวี่แทบจะไม่มีเงินออมส่วนตัว

เจียงลวี่หัวเราะ และเอ่ยเสียงเบาว่า “ท่านแม่ นี่เป็นสิ่งที่ท่านพ่อทำให้ข้าเพื่อเกียรติยศ”

ฮูหยินฝางโล่งอก

เจียงลวี่ตะโกนว่า “ท่านแม่ ไม่ยุติธรรม ข้าถือทองห้าร้อยตำลึง ท่านก็สงสัยว่าข้ารีดเงินและติดสินบนข้างนอกในนามจวนเจิ้นกั๋วกง ท่านพ่อมอบทองห้าร้อยตำลึงให้ข้าเป็นการส่วนตัว ทำไมท่านไม่ถามว่าเขามีเงินออมส่วนตัวเท่าใด? ระวังท่านพ่อจะเลี้ยงอนุไว้ข้างนอกเข้าจริงๆ…”

“เจ้าคนสารเลวนี่!” ฮูหยินฝางแสร้งทำเป็นยกมือจะตีลูกชายอย่างแรง “มีใครกุเรื่องพ่อเจ้าอย่างเจ้าหรือ? พ่อเจ้าเป็นผู้นำตระกูล มีแขกไปมาหาสู่มากมาย สหายขุนนาง ทหารร่วมกอง มีตรงไหนไม่ต้องเข้าสังคมบ้าง มีเงินในมือสักหน่อยจะเป็นไร? จวนเจิ้นกั๋วกงนี้ล้วนเป็นของเขา!”

เจียงลวี่วิ่งหนีหัวซุกหัวซุนออกมาจากเรือนหลัก

ฝูเซิงยิ้มเงียบๆ

แต่เจียงลวี่กลับทำหน้าจริงจัง และจ้องฝูเซิงพลางเอ่ยว่า “เจ้ายิ้มอะไร?”

“ข้า…ข้าไม่ได้ยิ้มขอรับ!” ฝูเซิงฝืนอดทนไว้ จนใบหน้ากลายเป็นสีม่วงอมแดงแล้ว

เจียงลวี่เอ่ยว่า “เจ้าไปเรียกหลี่เชียนมาให้ข้า”

ฝูเซิงตกใจ

เจียงลวี่เลิกคิ้ว ท่าทางเย่อหยิ่งจองหอง “เจ้าคนสารเลวนั่น กลับใช้โอกาสที่ส่งสินสอดครั้งนี้เพิ่มระดับในการฆ่าคนขึ้นอีกขั้น ก่อกวนลู่หลินซานซีจนโกลาหลอลหม่านไปหมด จนคนอื่นต้องมาขอความเมตตากับข้า”

ฝูเซิงยังคงตกตะลึง

เจียงลวี่ยกขาขึ้นมาคิดจะถีบเขา ก็นึกได้ว่าเขาเพิ่งจะหายบาดเจ็บ จึงเก็บขาที่ยกขึ้นกลับมา และเอ่ยว่า “ตระกูลหลี่ก็ปล่อยข่าวออกไปตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วว่าสินสอดรวมทองสองพันตำลึงกับเงินห้าหมื่นตำลึง สินเดิมของเจียหนานยิ่งสูงถึงเงินสิบล้านตำลึง นี่ก็เหมือนเทน้ำถ้วยหนึ่งลงในกระทะน้ำมัน ระเบิดกระเด็นจนคนไม่มีแม้แต่ที่จะหลบ หลายมณฑลทางเหนือต่างก็รู้หมดแล้ว สินสอดของพวกเขานั้นยังพูดง่าย เวลากระชั้นชิด พวกโจรนอกมณฑลได้ข่าวก็มาไม่ทันอยู่ดี แต่หากถึงตอนที่ส่งสินเดิม ถ้าไม่เป็นการทำให้ผู้คนชื่นชม สรรเสริญ จะกลายเป็นว่าเรียกพวกโจรมารวมตัวกัน ก็ขึ้นอยู่กับว่ามีคนหมายตาสินเดิมกี่คน ถ้าเป็นผู้อื่นคงอยากจะซ่อนอย่างสุดกำลัง แต่เขากลับวางท่าท้าทาย ใครกล้าเข้าใกล้ขบวนส่งสินสอด ก็สังหารได้ทั้งหมดโดยไม่มีความผิด…”

ฝูเซิงเอ่ยอย่างซื่อๆ ว่า “เช่นนี้ไม่ดีหรือขอรับ? แก้ไขปัญหาได้หมดในทีเดียว ต่อไปอย่าว่าแต่ซานซีเลย เกรงว่าหกมณฑลทางเหนือคงจะไม่มีใครไม่รู้จักชื่อเสียงอันโด่งดังของลูกเขยของตระกูลเราแล้ว”

“ดีอะไรกัน!” เจียงลวี่แทบอยากจะเคาะความคิดคร่ำครึของฝูเซิงออก “คนอื่นยังคิดว่าตระกูลหลี่คิดจะอาศัยโอกาสที่เกี่ยวดองกับตระกูลเจียงของพวกเราในครั้งนี้สร้างบารมีเลย นอกจากนี้…หากเขาฆ่าผิดคนจะทำอย่างไร? หัวหน้าสำนักคุ้มภัยตู้จากสำนักคุ้มภัยเวยหย่วน เมืองชาง ก็หาทางมาหาข้าแล้วไม่ใช่หรือ? บอกว่าหลายวันก่อนเหล่ากองหน้าที่ ส่งสินค้าของสำนักคุ้มภัยเวยหย่วนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนพวกนั้นเป็นโจร คิดว่าเป็นคนที่จงใจหาเรื่องเป็นศัตรู จึงยืนดูอยู่ข้างๆ แต่กลับถูกหลี่เชียนคิดว่าเป็นพวกเดียวกันและจัดการไปพร้อมกัน…”

ฝูเซิงเบ้ปาก และเอ่ยว่า “ยังจะให้ลูกเขยใหญ่ไปแยกแยะทีละคนอีกอย่างนั้นหรือ? เรื่องแบบนี้เจอแล้วก็ต้องหลบไปไกลๆ มิใช่หรือ? หากเป็นข้า ใครกล้าเข้าใกล้ ข้าก็คิดว่าเป็นพวกเดียวกันและจัดการให้ราบคาบเช่นกัน เรื่องสำคัญสิ้นสุดลงแล้ว เรื่องอื่นที่เกี่ยวข้องก็สิ้นสุดลงตามไปด้วย หากรอถามที่ไปที่มา คนพวกนั้นจะคิดว่าลูกเขยใหญ่กลัวพวกเขาน่ะสิ! คุณชายใหญ่ ท่านไม่ได้ติดต่อกับพวกคนในลู่หลิน พวกเขาเป็นพวกรังแกคนที่อ่อนแอ กลัวคนที่แข็งแกร่ง และลงมือไปตามสถานการณ์ หากไม่ตีแรงๆ สักครั้งก็ไม่รู้จักความร้ายกาจ อย่างไรข้าคิดว่าลูกเขยใหญ่ทำแบบนี้ดีมาก ทิ้งคำพูดไว้ตรงนั้นอย่างชัดเจน คนที่ไม่ฟังก็ฆ่าให้หมด”

“เฮ้!” เจียงลวี่ปรายตา “ข้าดูไม่ออกว่าเจ้ายังชอบหลี่เชียนมากด้วย?”

ฝูเซิงไม่รู้สึกถึงอันตรายอย่างสิ้นเชิง เขายิ้มแหยๆ และเอ่ยว่า “ข้าคิดว่าท่านหญิงสายตาดีมาก แทนที่จะแต่งงานกับจ้าวเซี่ยวซื่อจื่อจิ้งไห่โหว สู้แต่งงานกับหลี่เชียนดีกว่า ซื่อจื่อจิ้งไห่โหวฐานะสูงส่ง ข้ารู้สึกว่าคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง!”

“ไสหัวไป!” สุดท้ายขาข้างนั้นของเจียงลวี่ก็ยังทนไม่ไหวอยู่ดี “เดี๋ยวเจ้าคงจะบอกว่าข้าก็ฐานะสูงส่งเหมือนกัน และคุยกับพวกเจ้าไม่รู้เรื่องใช่หรือไม่!”

ฝูเซิงกอดขาไว้และเอาแต่ร้องว่าถูกปรักปรำ “ข้าคิดว่าลูกเขยของตระกูลเราสามารถล้มคนพวกนั้นหมดได้ในคราวเดียว ก็ถือว่าเป็นวีรบุรุษผู้หนึ่งเช่นกัน…เขาดึงดูดคนมา ทว่าอย่างไรก็จัดการได้เองแล้ว ไม่ต้องให้ตระกูลเจียงหรือตระกูลฉีจัดการกับปัญหาที่จะตามมาในภายหลังให้เขา อย่างไรก็ดีกว่ามีเรื่องอะไรก็หวังแต่จะให้ตระกูลเจียงออกหน้าให้เขากระมัง?”

เจียงลวี่ถลึงตาใส่เขาทีหนึ่ง “เจ้าได้ฟังที่ข้าพูดหรือไม่? ข้าบอกว่าเขาไม่ควรฆ่าคนหรือ? ข้าบอกว่าเขาไม่ควรใช้เรื่องที่ตระกูลเจียงกับตระกูลหลี่เกี่ยวดองกันสร้างบารมี!”

ฝูเซิงเข้าใจแล้ว ทว่าเขายังอดที่จะแก้ต่างให้หลี่เชียนเล็กน้อยไม่ได้ “ท่านมักจะบอกข้าไม่ใช่หรือว่า ทำอะไรต้องพลิกแพลงไปตามสถานการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสนามรบ คว้าโอกาสที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ได้ก็ต้องกล้าลอง จะปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปเปล่าๆ ไม่ได้ ตระกูลหลี่เพิ่งมาซานซี เป็นช่วงเวลาที่ต้องยืนหยัดพอดี มีโอกาสแบบนี้ไม่ดีตรงไหน? สินสอดของพวกเขามากมาย สินเดิมของท่านหญิงก็ไม่เบาเช่นกัน จะได้ให้คนอื่นรู้ว่าพวกเราทั้งสองตระกูลให้ความสำคัญกับการแต่งงานนี้แค่ไหน นี่ไม่ดีตรงไหนหรือ?”

เจียงลวี่สะบัดแขนเสื้อจากไป

ฝูเซิงทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย

เขายังไม่เคยทำให้คุณชายใหญ่โกรธเช่นนี้มาก่อนเลย!

ฝูเซิงพึมพำอยู่ในใจตลอด

และสรุปแล้วเขาต้องเชิญหลี่เชียนมาหรือไม่กันแน่?!