ตอนที่ 393 แย่งกันเชิญชวน โดย ProjectZyphon
เสียงร้องมังกรดังกึกก้องออกจากภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณและดังไปทั่วทุกสารทิศ
เสียงดังสะเทือนฟากฟ้าจนปุยเมฆแตกกระจายออกจากกัน
ตามถนนตรอกซอกซอย ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างตกใจตัวแข็งค้าง หยุดการเคลื่อนไหวโดยพลัน บรรยากาศที่เดิมทีคึกคักเปลี่ยนเป็นเงียบสงัดไปชั่วขณะหนึ่ง
บรรดาสัตว์วิญญาณและอสูรวิญญาณในเมืองต่างส่งเสียงโอดครวญ ตัวสั่นอยู่กับพื้น
เมื่อเสียงร้องมังกรอันทรงพลังและเก่าแก่ดังกังวานผ่านอาณาเขตผู้มีอำนาจภายในนคร ก็ทำให้เกิดความหวาดผวาไปทั่วเช่นเดียวกัน
“ช่างเป็นพลังที่น่าเกรงขามนัก!”
“เสียงดังสะเทือนไปทั้งแผ่นดิน จะต้องเป็นปรากฏการณ์อะไรสักอย่างแน่ หรือจะเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นในนครต้องห้าม?”
“มาจากภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณ!”
“ส่งคนไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ความรู้สึกอันน่าหวาดหวั่นพวกนั้นไหลวนอยู่ในเขตต่างๆ ภายในนครต้องห้าม ต่างรู้สึกถึงความแปลกประหลาดและสะท้านขวัญ
ส่วนพระราชวัง เจ็ดสิบสองยอดเขาของภูเขาแห่งอำนาจ สำนักศึกษามฤคมรกต กรมทหารแห่งจักรวรรดิ… สถานที่ที่มังกรซุ่มพยัคฆ์ซ่อนพวกนี้ ขณะนี้ก็มีการตอบสนองไม่ต่างกัน
เพียงชั่วขณะเดียว เสียงร้องมังกรที่เรียกได้ว่าเป็นประวัติการณ์นี้ได้ทำให้ทั่วทั้งนครต้องห้ามตกอยู่กลางความสั่นสะเทือน บังเกิดความโกลาหลยกใหญ่!
……
แต่ในยามนี้หลินสวินไม่ได้รับรู้เรื่องทั้งหมดนี้ด้วย
ขณะนี้ในหัวของเขากำลังรับการถ่ายทอดอันเก่าแก่และมหาศาลอยู่!
พลังที่ได้รับการถ่ายทอดมานั้นมหาศาลเกินไป เจิดจ้าดุจแสงเทพสีทอง ห้อทะยานเลื่อนลั่น ทั้งเก่าแก่และกว้างใหญ่ สุดท้ายได้หลอมรวมเป็นอักษรลับอันเก่าแก่… ‘เคราะห์’!
ตัวอักษรนี้ราวกับเป็นร่องรอยอารยะแห่งมหามรรค รุ่งโรจน์เป็นประกาย กำจายอานุภาพแห่งมังกรอันเก่าแก่และน่าสะพรึง ลึกลับไม่อาจคาดเดา
นี่ก็คือ ‘ความลับ’ ที่หลินสวินได้มาโดยบังเอิญ หลังจากผสานกระบวนวิญญาณทั้งเก้าเข้าด้วยกัน!
สืบทอดความลับที่มีชื่อว่า ‘มังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร’!
อักษร ‘เคราะห์’ ที่สะท้อนอยู่ในหัวหลินสวินอย่างโดดเด่นเป็นประกายตอนนี้ ก็คือพลังที่ได้รับการสืบทอด หลังจากหลอมรวมกระบวนรอยสลักวิญญาณอันลึกลับซับซ้อนของเก้าศิลา!
แม้แต่หลินสวินเองยังคิดไม่ถึง ว่าหลังเสร็จสิ้นการทดสอบจะได้รับการสืบทอดเช่นนี้
หรือนี่จะเป็นสุดยอดความลับที่ซ่อนอยู่ในเก้าศิลาประตูมังกร
หลินสวินใคร่ครวญอยู่ครู่ใหญ่ก็ยังไม่มั่นใจ
ทันใดนั้นความเหนื่อยล้าเกินต้านพลันพุ่งขึ้นในใจ หลินสวินเพิ่งจะรู้ตัวว่าตนเองใช้พลังจิตมากเกินไป จนมีทีท่าว่าจะทรงตัวไม่อยู่แล้ว
ยามนี้เขาไม่กล้าคิดมากอีก สูดหายใจเข้าลึกๆ ลืมตาขึ้นและลุกจากแท่นประตูมังกร
หืม
พอกวาดสายตามองรอบๆ หลินสวินกลับพบอย่างแปลกใจว่า บรรยากาศนั้นช่างวังเวง เงียบสนิทแม้เข็มตกสักเล่มยังได้ยิน
เหล่านักสลักวิญญาณที่อยู่ภายในโถงต่างมีสีหน้าอึ้งงัน บ้างตกใจ บ้างก็เลื่อนลอย บ้างก็ตะลึง หรือไม่ก็ดูหวาดผวา…
ไม่มีใครพูดอะไร!
แต่ละคนราวกับกลายเป็นรูปปั้นไปแล้ว ดูผิดปกติเป็นอย่างมาก
หลินสวินอดมุ่นคิ้วไม่ได้ พอหันมองเหล่าคนตระกูลฉู่ก็พบว่าแต่ละคนสีหน้าหม่นแสง สิ้นหวังและย่ำแย่เกินจะเปรียบ
โดยเฉพาะฉู่ไห่ตงที่ใบหน้าซีดขาว สีหน้าซึมเซา ท่าทางหดหู่ราวกับถูกควักวิญญาณไป ดูผิดแผกอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนฉู่อวิ๋นคงที่อยู่ข้างๆ ฉู่ไห่ตงก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน ใบหน้าชราเต็มไปด้วยความห่อเหี่ยว เคียดแค้นและไม่จำยอม เจ็บปวดราวกับบิดามารดาสิ้นชีพก็ไม่ปาน
“ผู้อาวุโส ข้านับว่าผ่านการทดสอบแล้วใช่หรือไม่”
สุดท้ายหลินสวินหันสายตาไปทางลิ่งหูซิวที่อยู่ข้างๆ แล้วถามหยั่งเชิง
ทีแรกลิ่งหูซิวก็หน้าตาแข็งทื่อเช่นกัน พอได้ยินเช่นนี้พลันได้สติขึ้นมา ก่อนจะพยักหน้ารัวๆ “โอ๊ะ อ้อ หา? เจ้า…ฟื้นแล้วหรือ”
เขาเบิกตาโตจ้องหลินสวิน ท่าทางทั้งแปลกประหลาดทั้งตื่นตะลึง
หลินสวินนิ่งเงียบ
ฟื้นแล้วงั้นหรือ?
เขาไม่รู้ว่ายามเกิดเสียงร้องแห่งเก้ามังกรเมื่อครู่นี้ ได้สร้างความตะลึงพรึงเพริดให้กับผู้คนในโถงมากเพียงใด แม้แต่ลิ่งหูซิวก็ไม่เว้น
จวบจนถึงตอนนี้จึงได้สติกลับมาอย่างครบถ้วน
ลิ่งหูซิวสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนเอ่ยด้วยสีหน้าซับซ้อน “หลินสวิน…อย่าได้ข้องใจอีกเลย ตอนนี้เจ้าได้กลายเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณอย่างแท้จริงแล้ว อีกทั้ง…อีกทั้งยังเป็นบุคคลที่วิเศษที่สุดในประวัติการณ์”
น้ำเสียงก็ซับซ้อนตามสีหน้าของเขาเช่นกัน
ราวกับจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่อยากเชื่อว่า ปรากฏการณ์เมื่อครู่นี้จะเกิดขึ้นกับนักสลักวิญญาณชั้นต้นที่อายุเพียงสิบกว่าปี
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ชี้แนะ”
หลินสวินยิ้มน้อยๆ จากคำพูดของลิ่งหูซิวทำให้เขามั่นใจว่า หลายปีที่ผ่านมานี้ดูเหมือนจะมีเพียงตนเท่านั้นที่ได้รับการสืบทอด ‘มังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร’!
ฉับพลันนั้นหลินสวินพลันรู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย รู้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเองใช้พลังไปมาก ใกล้จะทรงตัวไม่อยู่แล้ว
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินลงจากแท่นประตูมังกร
“คุณชายหลินสวิน ข้าน้อยเป็นนักสลักวิญญาณชั้นสูงจากโรงไหมทอแห่งนครต้องห้าม ข้ามีคำถามเกี่ยวกับการสลักวิญญาณอยากขอคำชี้แนะจากท่าน ไม่ทราบว่าท่านพอจะชี้แนะให้ข้าได้หรือไม่”
“คุณชายหลินสวิน ข้าน้อยเป็นนักสลักวิญญาณชั้นสูง…”
“…”
ยังไม่ทันที่หลินสวินจะก้าวลงจากแท่นประตูมังกร ก็ถูกเหล่านักสลักวิญญาณที่เพิ่งได้สติจากความตื่นตะลึงเข้ามาล้อมเอาไว้ด้วยสีหน้าเคารพนับถืออย่างแรงกล้า
โดยเฉพาะชายชราคนหนึ่งในนั้นที่ตะโกนลั่นอย่างตื่นเต้น “คุณชายหลินสวิน ข้าทึ่งกับฝีมืออันยอดเยี่ยมของท่านมาก และเลื่อมใสอย่างสุดซึ้ง ข้าขอเพียงฝากตัวเป็นศิษย์ท่าน หวังว่าท่านจะเมตตา!”
ในฐานะนักสลักวิญญาณที่ลุ่มหลงศาสตร์การสลักวิญญาณ หลังจากได้เห็นฝีมือชั้นเลิศของหลินสวิน ใครบ้างจะยังทนไหว
พวกเขามีคำถามเป็นหมื่นล้านที่อยากถามหลินสวิน และหวังว่าจะได้รับการชี้แนะจากหลินสวิน
ยามนี้ในสายตาของพวกเขา หลินสวินไม่ใช่เด็กหนุ่มอายุเพียงสิบกว่าปีอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นบุคคลที่สร้างปรากฏการณ์ระดับประวัติการณ์ ถึงขั้นสามารถขนานนามว่าเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณผู้ไร้ที่เปรียบ!
ปรมาจารย์คืออะไร
ก็คือตัวตนที่ก้าวข้ามความสามัญเข้าสู่ดินแดนแห่งเทพในศาสตร์การสลักวิญญาณนั่นเอง!
“ต้องขออภัยทุกท่านด้วย ตอนนี้ข้าเหนื่อยเล็กน้อย อยากพักสักหน่อย”
หลินสวินอึ้งงันไปก่อนจะมีปฏิกิริยาตอบรับกลับมา เขารู้ว่าหลังจากผ่านการทดสอบ ทุกคนจะต้องเปลี่ยนความคิดที่มีต่อเขา
แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่าเหล่านักสลักวิญญาณสูงอายุพวกนี้จะแสดงความกระตือรือร้นถึงเพียงนี้ นี่ถือว่าเหนือความคาดหมายของเขานัก
“หึ! เป็นนักสลักวิญญาณกลับเสียกิริยาเช่นนี้ นี่จะใช้ได้ที่ไหน”
ทันใดนั้นเสียงเคร่งขรึมหนึ่งดังแว่วขึ้น ทำเอาทุกคนต่างหันสายตาไปมอง ก่อนจะเห็นเป็นอวี๋เป่ยโต้ว เฉิงฉิ่ง เสิ่นทั่วและเหล่าคนใหญ่คนโตกำลังเดินเข้ามา
เฮือก
เหล่านักสลักวิญญาณในโถงต่างสูดหายใจ พลันสงบเสงี่ยม
แม้แต่เหล่าผู้ทรงอิทธิพลที่มีชื่อเสียงซึ่งปกติยากจะได้เห็นหน้าค่าตาเหล่านี้ยังตื่นตะลึงและมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่!
พวกเขาเงียบทันที ไม่กล้าพูดอะไรมากไปกว่านั้น
และสิ่งที่ทำให้พวกเขาถึงกับต้องอึ้งงันไปคือ แม้แต่อวี๋เป่ยโต้วที่ปกติสีหน้าเย็นชาเคร่งขรึม ตอนนี้กลับเผยรอยยิ้มสดใส ก้าวไปอยู่ตรงหน้าหลินสวินกล่าวว่า “หลินสวิน ผลงานเมื่อครู่นี้ของเจ้าข้าล้วนเห็นทั้งหมด เรียกได้ว่าน่าตะลึงอย่างที่สุด ไม่รู้ว่าเจ้าสนใจเข้าไปรับตำแหน่งในภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณหรือไม่”
ทุกคนต่างมีสีหน้าประหลาด นี่ยังใช่ปรมาจารย์อวี๋เป่ยโต้วที่พวกเขารู้จักอยู่หรือเปล่า มีใครเคยเห็นเขายิ้มหน้าบานขนาดนี้มาก่อนหรือไม่
“หลินสวินอย่าไปฟังเขามากไป ข้าคือเฉิงจิ่งจากสำนักศึกษาเซียนช่างฝีมือแห่งจักรวรรดิ หากเจ้าเข้าสำนักศึกษาเซียนช่างฝีมือ ไม่ว่าเจ้าต้องการอะไร ขอเพียงสำนักศึกษาเซียนช่างฝีมือของข้าทำได้ รับรองว่าจะตอบสนองทุกความต้องการของเจ้า!”
เฉิงจิ่งก้าวไปอยู่ตรงหน้าหลินสวินเช่นกัน ดวงตาจ้องหลินสวินอย่างร้อนระอุ สายตาคู่นั้นราวกับกำลังมองสมบัติอันล้ำค่าอย่างไรอย่างนั้น
ทุกคนอดตะลึงอีกครั้งไม่ได้ ปรมาจารย์เฉิงจิ่งแห่งสำนักศึกษาเซียนช่างฝีมือผู้ที่เรียกได้ว่า ‘เข้มงวด’ มาโดยตลอด แต่ตอนนี้เขา…เขากลับยื่นข้อเสนออย่างใจกว้างขนาดนี้เพื่อดึงตัวหลินสวิน นี่ผิดปกติมากไปแล้ว!
ทว่ายามเห็นปรมาจารย์เสิ่นทั่วจากสำนักศึกษามฤคมรกตเองก็ลุกขึ้นมา ประกาศตรงไปตรงมาว่าหากหลินสวินเข้าสำนักศึกษามฤคมรกต ไม่ว่ามีเงื่อนไขใดก็ย่อมพูดคุยกันได้ ทำเอานักสลักวิญญาณทั้งโถงต่างอึ้งค้างไปหมด
นี่มันบ้าเกินไปแล้ว!
ทั้งภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณ สำนักศึกษาเซียนช่างฝีมือแห่งจักรวรรดิและสำนักศึกษามฤคมรกต… ถ้าเป็นนักสลักวิญญาณคนอื่นๆ ได้รับการเหลือบแลเพียงเล็กน้อยจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็คงดีใจจนแทบคลั่งแล้ว
แต่ดูตอนนี้ หลินสวินยังไม่ทันได้พูดอะไรด้วยซ้ำ ขุมอำนาจสามฝ่ายก็เข้ามาแก่งแย่งกันเอง ทั้งยังยื่นข้อเสนออย่างไม่ยอมแพ้กัน จะไม่ให้นักสลักวิญญาณในโถงอึ้งได้อย่างไร
“อะแฮ่ม หลินสวิน หากเจ้ายอมเข้าร่วม…”
จู่ๆ ผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่งกระแอมขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าหมายจะพูดแทรกขึ้นเพื่อแย่งตัวหลินสวิน
แต่เขายังไม่ทันได้พูดจบก็ถูกอวี๋เป่ยโต้ว เฉิงจิ่งและเสิ่นทั่วที่สีหน้าไม่เป็นมิตรผรุสวาทเสียก่อน “ล้ำเส้นไปแล้ว!”
ผู้มีชื่อเสียงคนนั้นถอนตัวออกจากการแข่งขันอย่างจนปัญญาทันที
ทุกคนต่างสบตากันไปมา ในที่สุดก็ตระหนักได้แล้วว่า ผลงานก่อนหน้านี้ของหลินสวินทำให้พวกอวี๋เป่ยโต้วตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่า จะต้องได้ตัวหลินสวินกลับไปไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม!
ผลประโยชน์ระดับนี้ เกรงว่าคงมีเพียงหลินสวินคนเดียวที่จะได้รับ…
เหล่านักสลักวิญญาณต่างหดหู่ใจ พวกเขาไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะอิจฉา ริษยาก็ไม่ได้ ช่วยไม่ได้ ผลงานของหลินสวินน่าทึ่งจริงๆ ทำให้พวกเขาไม่อาจไม่ยอมรับ แล้วจะไปริษยาได้อย่างไร
นี่คือฝีมือที่แท้จริง!
ความจริงหลินสวินในยามนี้ก็ตกตะลึงทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน
จากนั้นเขาก็เผยสีหน้าเหนื่อยล้า พูดพร้อมยิ้มขื่น “ขอบคุณความเอ็นดูจากผู้อาวุโสทุกท่าน เพียงแต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ขณะนี้ข้าน้อยเหนื่อยเกินไป ต้องการพักผ่อนอย่างเร่งด่วน เช่นนั้นไม่สู้…พวกเราค่อยคุยกันวันหลังดีหรือไม่”
กลับเห็นอวี๋เป่ยโต้วตบหน้าผากตัวเอง พูดอย่างรู้สึกผิดว่า “เพราะข้าคนเดียว ลืมไปเลยว่าตอนนี้ร่างกายของเจ้ายังไม่พร้อม เอาอย่างนี้ เจ้าไปพักที่ภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณ ข้าจะให้คนไปเอาลูกกลอนโอสถที่สะสมเอาไว้ รับรองว่าเจ้าจะฟื้นตัวอย่างเร็วที่สุด!”
“หากพูดถึงโอสถ สำนักศึกษาเซียนช่างฝีมือของข้ามีโอสถที่ดีที่สุดในจักรวรรดิ หลินสวินเจ้าไปกับข้าตอนนี้ ไม่เพียงแค่ทำให้ร่างกายเจ้าฟื้นตัว แต่ยังได้รับประโยชน์อย่างที่คิดไม่ถึงเลย!”
เฉิงจิ่งเชื้อเชิญพร้อมรอยยิ้ม
“เหอะๆ ทุกคนล้วนรู้ว่าสำนักศึกษามฤคมรกตของข้ามี ‘สระเทพเร้น’ ที่สามารถฟื้นฟูพละกำลังได้อย่างเหลือเชื่อ หลินสวินเจ้าไม่จำเป็นต้องด่วนตัดสินว่าจะเข้าสำนักศึกษามฤคมรกตหรือไม่ แต่ไปลองสัมผัสกับข้าตอนนี้ก่อนได้ เพียงได้ลองก็รู้แล้วว่ามีประสิทธิภาพอย่างที่ว่าหรือไม่”
เสิ่นทั่วพูดอย่างมั่นใจ
เหล่านักสลักวิญญาณที่อยู่รอบๆ ได้ยินแบบนี้ต่างหัวใจเต้นรัว หายใจหอบถี่ เพียงแค่หลินสวินต้องการพักสักหน่อยเท่านั้นก็ได้รับการดูแลพิเศษถึงเพียงนี้ กวาดตามองทั่วทั้งนครต้องห้าม ไหนเลยจะมีนักสลักวิญญาณคนใดที่ได้รับสิทธิพิเศษระดับนี้
ถูกเชื้อเชิญอย่างกระตือรือร้นแบบนี้ ทำเอาหลินสวินแทบรับไม่ไหว
สุดท้ายเขาก็ปฏิเสธทุกคำเชิญ และประกาศด้วยท่าทางเด็ดเดี่ยวว่าจะกลับไปทำสมาธิที่ภูเขาชำระจิต ไม่อยากเพิ่มภาระให้ทุกท่าน
‘หึ เจ้าหมอนี่หมายจะโก่งราคาชัดๆ ตอนนี้อำนาจตัดสินใจอยู่ในมือเขา จะเรียกแพงแค่ไหนก็ย่อมได้’
ไกลออกไป เฟิงชิงโยวที่เฝ้าดูสถานการณ์อยู่ตลอดเห็นเช่นนี้แล้วก็ลอบหัวเราะเยาะในใจอย่างอดไม่ได้ มองจุดมุ่งหมายที่หลินสวินทำเช่นนี้ออก
…………….