“คุณซู คุณไม่ต้องเกรงใจเลยครับ อะไรที่ผมพอที่จะสามารถช่วยได้ ก็สั่งมาได้เลยครับ”หลินเหยียนเฟิงยิ้ม แล้วก็พูดอย่างเกรงใจ
“คืออย่างนี้ค่ะ คุณช่วยหาวิธีให้ฉันไปพบคุณปู่ฮ่อที่โรงพยาบาลได้มั้ย”ซูฉิงเอ่ยปากพูดเบาๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหวัง
“เอ่อ……”หลินเหยียนเฟิงได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกลำบากใจ แล้วถามอย่างสงสัย “ที่จริงแล้วคุณท่านฮ่อตอนนี้ก็นอนไม่ได้สติ ถึงคุณจะไปเยี่ยมท่าน ก็ไม่มีประโยชน์อะไรนะครับ”
เหลียนเหยียนเฟิงเห็นซูฉิงเผยแววตาผิดหวังก็รีบพูดต่อ “งั้นรอให้พวกเราหาคุณหมอฉี มารักษาคุณท่านฮ่อก่อน รอให้ท่านฟื้นแล้ว ผมจะคิดหาวิธีช่วยให้คุณได้เจอท่าน”
“อาจารย์หมอฉี ?”ซูฉิงถามอย่างสงสัย
หลินเหยียนเฟิงพยักหน้า “ตามที่คุณหมอแผนกหัวใจบอกว่าคุณหมอฉีเป็นคุณหมอแพทย์แผนจีนที่เก่งที่สุด มีเพียงเขาที่จะสามารถรักษาคุณท่านฮ่อได้ แต่น่าเสียดายที่คุณหมอฉีหายสาบสูญไปตั้งแต่ยี่สิบปีที่แล้วแล้ว ท่านประทานได้ส่งคนตามสืบหาแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ข่าว”
“อย่างนี้นี่อง “ซูฉิงพูดอย่างคิด
ถ้าหากเธอเดาไม่ผิดละก็ คุณหมอฉีที่หลินเหยียนเฟิงเล่ามา น่าจะเป็นลุงหมอฉีที่สอนวิชาแพทย์ให้เธอในสมัยเด็ก
ดูท่าเธอน่าจะเดาถูก คุณหมอหนีก็คือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจ ในเมื่อแม้แต่คุณหมอหนียังแนะนำลุงฉี งั้นถ้าหากว่าเชิญลุงฉีมาได้ละก็ จะต้องรักษาคุณปู่ฮ่อได้แน่
เมื่อคิดมาถึงตอนนี้ ซูฉิงก็รู้สึกโล่งใจ”งั้นต้องรบกวนคุณแล้ว ฉันขอตัวก่อน”
พอพูดจบ ซูฉิงก็หันหลังเดินออกไป
“คุณซู “ทันใดนั้นเสียงเรียกของหลินเหยียนเฟิงก็ดังขึ้นตามหลังซูฉิง
ซูฉิงหยุดเดิน แล้วหันกลับไปถาม”มีอะไรหรือคะ”
“มีบางเรื่องที่ไม่รู้ว่าผมควรจะพูดดีมั้ย “หลินเหยียนเฟิงพูดแล้วก็หยุดพูด
ซูฉิงยิ้ม “ผู้ช่วยหลิน มีเรื่องอะไรก็พูดมาเธอค่ะ”
“คุณซู คุณอย่าว่าผมชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านเลยนะครับ วันนั้นที่คุณยกเลิกงานหมั่น ท่านประธานเสียใจมาก คุณมีเรื่องลำบากใจที่พูดออกมาไม่ได้รึเปล่า”คำพูดของหลินเหยียนเฟิงถามขึ้นแฝงไปด้วยความเป็นห่วง
คำพูดที่พูดออกมาไม่ได้งั้นหรือ
ซูฉิงอึ้ง
ซูฉิงเงียบไม่พูด หลินเหยียนเฟิงก็พูดต่อว่า “ถ้าหากว่าคุณมีเรื่องอะไรในใจ คุณก็สามารถคุยดีๆกับท่านประธานได้ พวกคุณสองคนรักกันขนาดนี้ มีเรื่องอะไรที่แก้ไขไม่ได้บ้างครับ ทำไมถึงได้ปล่อยให้มาจนถึงตอนนี้”
รักกันงั้นหรอ
ซูฉิงยกยิ้มเยาะ แล้วพูด”ผู้ช่วยหลิน คุณก็รู้นี่ ถังถังของท่านประธานของคุณกลับมาแล้ว”
“ดังนั้น เพื่อถังถังงั้นหรอ ผมคิดว่าท่านประธาน………”
หลินเหยียนเฟิงพูดยังไม่ทันจบ ซูฉิงก็พูดแทรกขึ้น “เอาล่ะ ฉันไม่อยากจะพูดเรื่องนี้ต่อแล้ว ขอบคุณความหวังดีของคุณนะ”
ซูฉิงพูดหน้าเรียบ แล้วก็เดินหันหลังกลับไป
กลับมานั่งที่โต๊ะแผนกเลขา แอบหลบสายตาของคนที่เดินผ่านไปผ่านมา ซูฉิงก็รีบพิมพ์ใบลาออก
ซูฉิงถือจดหมายลาออกที่อยู่ในมือ แล้วเดินถือไปที่ห้องท่านประธานใหญ่
พอคิดว่าจะไปเจอหน้าฮ่อหยุนเฉิงแล้ว ใจเธอก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
ซูฉิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็เคาะประตู
“เข้ามา! ” เสียงนิ่งขรึมของฮ่อหยุนเฉิงดังเล็ดลอดออกมา
ซูฉิงผลักประตูเปิดออกแล้วเดินเข้าไป
ฮ่อหยุนเฉิงนั่งอยู่เก้าอี้โต๊ะประจำตำแหน่ง จ้องหน้านิ่งอยู่หน้าจอโน้ตบุค
เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีดำ คิ้วขมวดเป็นปม เหมือนกำลังมีเรื่องเครียดอยู่ ดูนิ่งขรึมเย็นชา
ได้ยินเสียงเดินเข้ามาฮ่อหยุนเฉิงก็เงยหน้าขึ้น หลังจากที่รู้ว่าเป็นซูฉิงแล้ว แววตานิ่งมขรึก็เปลี่ยนเป็นสับสน
ตาสองคู่ที่สบตากัน ทั้งสองจ้องตากันโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมา
ในห้องท่านประธานใหญ่ เวลานี้เงียบมาก
ใบหน้าหล่อเหล่าที่คุ้นตา หางตามีรอยย่น เช่นเดียวกับการแกะสลักอันชาญฉลาดของพระเจ้า เขามีความสวยงามที่ไม่มีใครเทียบได้ และในเวลานี้ เขาก็นำความเฉยเมยและความเหินห่างมาเล็กน้อย
ซูฉิงอยากจะถามเขามากว่าทำไมวันที่พวกเขาหมั้นหมายกันในวันนั้น ถึงไม่แคร์ความรู้สึกของเธอ หายไปอยู่กับถังถังทั้งวัน
ทำไมถึงทำตัวเย็นชากับเธอ ถึงขั้นไม่ยอมให้เธอไปเยี่ยมคุณปู่ฮ่อ
แต่ว่า ซูฉิงก็ทนไว้
สูดลมหายใจเข้า แล้วก็ควบคุมอารมณ์ให้นิ่ง ซูฉิงยกยิ้มมุมปาก แล้วก้าวเข้ามาหาฮ่อหยุนเฉิงทีละก้าว
เธอเอาจดหมายลาออกมาวางบนโต๊ะหน้าฮ่อหยุนเฉิง แล้วก็เอ่ยพูดหน้าเรียบเฉย”นี่คือจดหมายลาออกของฉัน ขอให้คุณอนุมัติด้วย”
จดหมายลาออกงั้นหรอ
ฮ่อหยุนเฉิงหน้านิ่งเย็นเยือกขึ้นมาทันที
เธออกไปจากเมืองใหม่สุ่ยเยว่ก็แล้ว แล้วนี่ตอนนี้ยังจะมาลาออกอีกงั้นหรอ ? !
ซูฉิงเธอรีบร้อนที่จะตัดความสัมพันธ์กับเขาจริงๆ หรอ
เพื่อเฉินจุนเหยียนหรอ
ฮ่อหยุนเฉิงเม้มปาก กำหมัดแน่นแล้วหยิบเอาจดหมายลาออกที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาแล้วฉีกทิ้งอย่างไม่มองแม้แต่น้อย แล้วเอาไปโยนทิ้งที่ถังขยะ
ซูฉิงมองดูการกระทำของฮ่อหยุนเฉิงตาค้างนิ่ง ผ่านไปหลายวิกว่าจะตั้งสติกลับมาได้แล้วเอ่ยถาม”ฮ่อหยุนเฉิง นายทำแบบนี้หมายความว่ายังไง”
ฮ่อหยุนเฉิงลุกขึ้นยืน แล้วโน้มตัวก้มลงมองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า ยกยิ้มเย็นชา”ฉันไม่อนุญาตให้เธอลาออก”
ซูฉิงก็เกิดความรู้สึกอึดอัดขึ้นมา คิ้วขมวดถาม”เหตุผลคือ?”
เธอไม่เข้าใจว่าทำไมฮ่อหยุนเฉิงถงทำอย่างนี้ ทำไมเขาถึงไม่อนุมัติให้เธอลาออก?
ในเมื่อเกลียดเธอขนาดนี้ ไม่ใช่ควรที่จะให้เธอหายไปจากสายตาเขาไม่ใช่หรอ
ซูฉิงนิ่งเงียบอยู่สักพัก เงยหน้าขึ้นสบตากับสายตานิ่งขรึมของฮ่อหยุนเฉิงแล้วถามเสียงนิ่ง”ถ้าหากเพราะว่าโปรเจคน้ำแข็งและไฟ นายเลยไม่อนุมัติให้ฉันลาออก ไม่จำเป็น เพราะว่าโปรเจคนี้ตอนนี้ก็อยู่ในสถานการณ์ปกติแล้ว สามารถส่งต่อให้คนอื่นทำต่อได้เลย”
ฮ่อหยุนเฉิงก้าวยาวๆ ออกมาหาซูฉิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ซูฉิง เธออยากจะห่างจากฉันขนาดนี้เลยหรอ เพื่อเฉินจุนเหยียนงั้นหรอ?!”
แววตานิ่งดำสนิทเขามองไม่ออกเลยว่าคิดอะไรอยู่ ตอนนี้ลุกวาวขึ้นมาราวกับคลื่นน้ำเย็นเยือก เหมือนกับว่าจะทำให้ซูฉิงจมลงไปในนั้นก็ไม่ปาน
ซูฉิงที่เผชิญกับแววตาอย่างนี้ของฮ่อหยุนเฉิง ก็ก้าวถอยหลังไป
รักษาระยะห่างกับเขางั้นหรอ
เพื่อเฉินจุนเหยียนงั้นหรอ
นี่มันแปลกๆ แล้วนะ!
ซูฉิงยกยิ้ม แล้วพูดเหน็บแนมว่า”ไม่เข้าใจจริงๆ!”
หลังจากพูดจบแล้ว ซูฉิงก็หันหลังเดินออกไป ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ถึงแรงกอดที่เอว พร้อมกับความเย็นเยือก
เธอยังไม่ทันได้ตั้งสติ ก็ถูกฮ่อหยุนเฉิงดันไปติดกำแพง
“ฮ่อหยุนเฉิง นายคิดจะทำอะไร ปล่อยฉันนะ…….”ซูฉิงยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกผู้ชายตรงหน้ากลืนคำพูดไป
ฮ่อหยุนเฉิงก้มหน้า จูบเธออย่างดุดัน
จูบของเขาที่ดุดันพร้อมทั้งระบายความโกรธ อย่างโมโห