บทที่ 214 ความโกลาหลกำลังจะมา[รีไรท์]

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 214 ความโกลาหลกำลังจะมา[รีไรท์]

จักรพรรดิอ๋าวฮวงยื่นมือออกมาข้างหน้า ในขณะที่เดินเข้าไปหาจักรพรรดิโลหิต จักรพรรดิโลหิตรู้สึกเดือดดาลขึ้นมาอีกฝ่ายหนึ่งมันจะเหิมเกริมมากเกินไปแล้ว

“อยากรู้เหมือนกันว่าแกจะมีความสามารถหรือเปล่า ?” จักรพรรดิโลหิตยกกระจกแปดเหลี่ยมในมือขึ้นและฉีกยิ้มด้วยความเหยียดหยาม

ในจังหวะนั้นเอง จักรพรรดิอ๋าวฮวงก็สะบัดฝ่ามือซัดพลังลมปราณออกมา!

พลั่ก!

เสียงกระแทกดังถนัดหู จักรพรรดิโลหิตร้องออกมาไม่เป็นท่าตอนที่ร่างปลิวกระเด็นไปไกล

ร่างของเขาปลิวไปกระแทกกับด้านข้างของภูเขาจนก้อนหินยุบตัวเข้าไป ทุกคนได้แต่จ้องมองด้วยความไม่อยากเชื่อ จักรพรรดิโลหิตปลิวกระเด็นเหมือนตุ๊กตา สิ่งที่เห็นเหมือนไม่ใช่ความจริง

นี่พวกเขาเห็นภาพหลอนอยู่หรือเปล่านะ ? ทำไมจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิถึงถูกตบคว่ำได้ง่ายดายขนาดนี้ หรือว่าจักรพรรดิโลหิตจะเป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิตัวปลอม ?

เปรี้ยง!

ด้านข้างของภูเขาหินระเบิดตัวออก ฝุ่นผงและเศษหินปลิวกระจาย จักรพรรดิโลหิตลุกขึ้นเดินออกมาด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว

ทุกคนตกตะลึงจนแทบหยุดหายใจ ด้วยว่า สภาพของจักรพรรดิโลหิตดูไม่จืดเลยแม้แต่น้อย ครึ่งหนึ่งของใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดที่ไหลโชก

“แกอยากตายใช่ไหม ?” จักรพรรดิโลหิตทั้งโกรธแค้นและอับอาย

เขาเป็นถึงจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ ไม่ใช่ขอทานข้างถนน จะมีอะไรในโลกนี้ที่น่าขายหน้าไปมากกว่านี้อีก ?

จักรพรรดิโลหิตโกรธแค้นยิ่งนัก มวลอากาศรอบตัวเขาปั่นป่วนอย่างบ้าคลั่ง เศษหินดินทรายที่อยู่รอบตัวเขาในรัศมีสิบเมตรถูกพลังลมหมุนพัดปลิวกระจาย พลังลมหมุนสีแดงเลือดนั้นส่งเสียงดังหวีดหวิว เหมือนเสียงวิญญาณร้องน่าขนลุกเป็นอย่างยิ่ง

แล้วจักรพรรดิโลหิต ก็โคจรพลังลมปราณเข้าใส่กระจกแปดเหลี่ยม แสงสีทองสว่างแวววาวกลางท้องฟ้า พร้อมเสียงมังกรคำรามดังกึกก้อง

โฮก!

มังกรทองคำโผบินขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อนหันลงมาพุ่งเข้าใส่จักรพรรดิอ๋าวฮวงอย่างน่าหวาดกลัว

กลุ่มคนดูรีบถอยออกไปด้วยความตื่นตกใจอีกครั้ง พวกเขาเคยเห็นพลังของมังกรทองคำมาแล้ว ดังนั้น จึงรีบหลบหาที่กำบัง เพื่อที่จะได้ไม่โดนลูกหลงจนบาดเจ็บ

มังกรทองคำหมุนตัว บนท้องฟ้าเปล่งประกายสีทองแวววาว และเพียงแค่พริบตาเดียว มันก็โฉบลงมาถึงตัวจักรพรรดิ  อ๋าวฮวงแล้ว

ทุกคนคิดว่าจะต้องเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ขึ้นแน่นอน แต่สิ่งที่พวกเขาได้เห็นต่อมา ก็น่ามหัศจรรย์ยิ่งกว่า การได้เห็นระเบิดบิ๊กแบงหลายร้อยเท่า

ทุกคนเห็นกับตาว่าเมื่อมังกรทองคำเข้าถึงตัวจักรพรรดิอ๋าวฮวง ชายชราก็อ้าปากกว้างและดูดกินมังกรทองคำลงท้องของตัวเองไปหน้าตาเฉย

นี่มันอะไรกันเนี่ย!

นั่นคือคำที่สามารถอธิบายความรู้สึกของกลุ่มคนดูได้เป็นอย่างดีทุกคนได้แต่จ้องมองจนดวงตาแทบจะถลนออกมานอกเบ้าแล้ว

เมื่อเห็นว่าชายชรากินมังกรเข้าไปทั้งตัว ทุกคนก็ได้แต่สงสัยว่า ตาแก่คนนี้เป็นใคร มาจากไหนกันแน่ ?

จักรพรรดิโลหิตก็มึนงงไม่แพ้กัน ดวงตาแดงก่ำของเขาจ้องมองด้วยความไม่อยากเชื่อ แต่ขณะนี้ สิ่งที่น่าเหลือเชื่อมากกว่านั้นได้เกิดขึ้นมาแล้ว

จักรพรรดิอ๋าวฮวงที่เพิ่งดูดกินมังกรทองคำลงท้องไปเมื่อสักครู่นี้ อ้าปากออกกว้าง แล้วมังกรทองคำก็บินกลับออกมาจากปากของเขา พุ่งตรงเข้าไปหาจักรพรรดิโลหิตเพื่อโจมตี

จักรพรรดิโลหิตหวาดกลัวจนขนหัวลุก เขาหันหลังกลับและพยายามหลบหนีแต่มังกรทองคำมีความรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด มันโฉบผ่านท้องฟ้าและพุ่งเข้าใส่ด้านหลังของจักรพรรดิโลหิต แผ่นหลังของจักรพรรดิโลหิตถูกกระแทกอย่างแรง เลือดสาดกระจาย ผิวหนังเปิดออก เกิดการระเบิดขนาดย่อมขึ้นมาแล้ว ชายชราส่งเสียงร้องโหยหวน ก่อนที่เจ้ามังกรจะเข้ามาโจมตีซ้ำสองที่แผ่นหลังอีกครั้ง เลือดสีแดงสดสาดกระจายไปทุกหนทุกแห่ง

จักรพรรดิโลหิตโกรธแค้นถึงขีดสุดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เขาจะทำอะไรได้แถมจริง ๆ แล้วตอนนี้ จักรพรรดิโลหิต

รู้สึกกลัวความตายขึ้นมาแล้ว เขาคือจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ มีผิวหนังที่ทนทาน แม้แต่อาวุธสงครามอย่างกระสุนเจาะเกราะก็ยิงไม่เข้า แต่บัดนี้ จักรพรรดิโลหิตกำลังบาดเจ็บสาหัสดูเหมือนว่าคู่ต่อสู้ของเขาจะมีพลังที่เก่งกล้ามากกว่าตัวเขาเองหลายเท่านัก จักรพรรดิโลหิตเดาว่า จักรพรรดิอ๋าวฮวงน่าจะเป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับสาม ซึ่งจอมยุทธ์ในขั้นจักรพรรดินั้น จะมีระดับสูงสุดอยู่ที่ระดับเก้า

ถ้าจักรพรรดิโลหิตรู้ถึงระดับฝีมือที่แท้จริงของจักรพรรดิอ๋าวฮวง ก็จะตระหนักเลยว่าการคาดเดาของเขา มันน่าตลกสิ้นดี ต่อให้เป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับสาม ถ้ามาต่อสู้กับจักรพรรดิอ๋าวฮวง ก็คงถูกตบกระเด็นในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีเช่นกัน

โครม!

จักรพรรดิโลหิตลอยกระเด็นไปกระแทกกับด้านข้างภูเขาอีกครั้ง ลำตัวครึ่งหนึ่งของเขาจมหายเข้าไปภายในหน้าผาหินใหญ่

ชายชราส่งเสียงร้องด้วยความหวาดกลัว พยายามจะปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระ เนื่องจากได้ยินเสียงของมังกรทองคำคำรามอีกครั้ง แล้วในวินาทีต่อมานั้นเอง

ตู้ม!

พื้นดินระเบิดตัวอย่างต่อเนื่อง ครึ่งหนึ่งของภูเขาที่สูงกว่าร้อยเมตรถล่มทลายลงไปกับตา

ในขณะนี้ ในอากาศมีแต่ฝุ่นผงฟุ้งตลบจนมองอะไรแทบไม่เห็น ร่างของจักรพรรดิโลหิตกระโดดออกมาจากซากภูเขาที่ถล่ม ชายชรามีวิชาตัวเบาที่ยอดเยี่ยม เพียงพริบตาเดียว ก็สามารถหลบหนีไปได้หลายกิโลเมตร โดยทิ้งหยดเลือดเป็นทางไว้ข้างหลัง

“ภูเขาเฉียนหลง แล้วสักวันข้าจะกลับมา” เสียงของจักรพรรดิโลหิตลอยมาจากที่ห่างไกลดังกึกก้องไปทั่วท้องนภา

จักรพรรดิอ๋าวฮวงเดินไปหยิบกระจกแปดเหลี่ยมออกมาจากซากภูเขา และหันไปมองทิศทางที่จักรพรรดิโลหิตหนีหายไป ก่อนที่จะพูดออกมาพร้อมกับหัวเราะด้วยความขบขันว่า

“คราวหน้า ข้าจะให้ฉู่ชวิ๋นจะเป็นคนไปตัดหัวเจ้าทิ้งเอง” แล้วชายชราก็หันมองรอบตัว

กลุ่มจอมยุทธ์ที่เหลืออยู่รีบถอยหนีด้วยความหวาดกลัว ชายชราคนนี้น่ากลัวมากเกินไป แม้แต่จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิก็ต้องหนีหัวซุกหัวซุนอย่างไร้ศักดิ์ศรี แล้วพวกเขาจะไปอยู่รอดได้อย่างไร

ขวับ!

ในขณะที่ทุกคนให้ความสนใจมาที่จักรพรรดิอ๋าวฮวง พวกเขากลับลืมเลือนไปเลยว่ายังมีจิ่วโยวอยู่อีกทั้งตัว เมื่อได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแหวกอากาศเข้ามา ทุกคนก็มือเท้าเย็น ได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อกันหมดแล้ว

โครม!

จอมยุทธ์จำนวนหลายร้อยคน ถูกหางของงูยักษ์ฟาดกระเด็นไป

กลุ่มคนเหล่านั้นถูกหางของจิ่วโยวฟาดกระเด็นไปเหมือนกับลูกกอล์ฟไม่มีผิด

ส่วนคนที่หลบรอดมาได้ ก็ได้แต่ส่งเสียงร้องด้วยความหวาดกลัวและหันหลังวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต เพียงพริบตาเดียวทุกคนก็หนีหายไปจากพื้นที่นี้กันหมดแล้ว

“เจ้างูน้อย ข้าว่าแบบนี้ออกจะโหดไปหน่อยนะ” จักรพรรดิอ๋าวฮวงว่า

ส่วนใหญ่ของกลุ่มคนที่ถูกหางฟาดใส่ไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ระดับหนึ่งถึงสอง เมื่อถูกกระแทกเข้าไปแรงขนาดนั้น กระดูกก็แตกหักไม่เหลือชิ้นดี

“คนพวกนี้มันไร้ค่า นอกจากยืนมองแล้วก็ไม่ทำอะไรเลย” เสียงเล็ก ๆ ของจิ่วโยวพูดด้วยความเย็นชา จักรพรรดิอ๋าวฮวงไม่พูดอะไรอีก

จิ่วโยวเป็นสัตว์เลี้ยงของฉู่ชวิ๋น ไม่ใช่หน้าที่ของเขาในการไปสั่งสอนมันแต่ดูเหมือนว่าในอนาคต เขาคงต้องกำชับให้ฉู่ชวิ๋นอบรมสั่งสอนเจ้างูเหลือมอย่างเข้มงวดมากกว่านี้หน่อยแล้ว

แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ จิ่วโยวเป็นสัตว์ประหลาด ความดุร้ายอยู่ในสายเลือดของมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

“เจ้าอย่าเพิ่งไปไหนนะ” จักรพรรดิอ๋าวฮวงออกคำสั่ง เมื่อพูดจบ เขาก็ออกไปสำรวจพื้นที่โดยรอบ หลังจากนั้น ชายชราก็กลับมาในเวลาอันรวดเร็ว

“พวกเรากลับกันเถอะ” จักรพรรดิอ๋าวฮวงพูด

“ข้าขออยู่ที่นี่ดีกว่า จะได้ไม่มีใครมารบกวนอีก” จิ่วโยว ตอบกลับมาเสียงกังวาน

จักรพรรดิอ๋าวฮวงขมวดคิ้ว ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งของเขามาก่อน จิ่วโยวถือว่าเป็นตัวแรก หลังจากนั้นเจ้างูยักษ์ ก็หมุนตัวแล้วก็เลื้อยหายไป

หลงอ๋าวเดินเข้ามารับกระจกแปดเหลี่ยมคืนไป ก่อนที่จะเดินขึ้นไปยืนบนยอดเขาและจ้องมองตรงตำแหน่งที่จักรพรรดิอ๋าวฮวงหายตัวไป หลังจากนั้น หลงอ๋าวก็ส่งเสียงตะโกนออกมาว่า “ผู้น้อยขอคารวะท่านจักรพรรดิ ขอให้ท่านจักรพรรดิอายุยืนหมื่นปี ๆ !”

ณ ที่พักของจักรพรรดิอ๋าวฮวงในหุบเขาศักดิ์สิทธิ์

“อ๊าก…”

ฉู่ชวิ๋นส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด

โครม!

ต้นเหตุของแรงสั่นสะเทือนมาจากการที่ฉู่ชวิ๋นล้มหัวทิ่มพื้น จนพื้นดินเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ เจ็บปวดไปทั้งร่างกาย เจ็บปวดไปทั้งจิตใจ

หลังจากที่ทดลองใช้พลังฟินิกซ์แล้ว เส้นลมปราณ เลือดและกล้ามเนื้อของชายหนุ่มก็เริ่มซ่อมแซมตนเองทุกอย่างเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น

แต่ตอนนี้ เลือดที่ไหลเวียนอยู่ในแขนข้างหนึ่งของเขากำลังมีปัญหามันเป็นแขนข้างที่กำลังเปล่งแสงทองคำเรืองรองตลอดเวลา

แขนข้างนั้นกำลังมีเลือดออก กล้ามเนื้อฉีกขาด ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ชายหนุ่มเกือบจะหมดสติไปแล้ว

โครม!

ตอนที่พื้นดินระเบิดตัว ฉู่ชวิ๋นก็กระโดดขึ้นไปกลางอากาศ ศีรษะของเขากระแทกเข้ากับหัวกระโหลกของโครงกระดูกมังกรเข้าอย่างจัง

และผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ ปากของหัวกะโหลกมังกรอ้ากว้าง เลือดสีทองไหลนองออกมาเต็มพื้น และเกิดเป็นมวลพลังลมปราณแผ่กระจายในวงกว้าง

ในพริบตานั้นเอง โลกทั้งใบก็เหมือนกับปกคลุมไปด้วยสีทองคำ

นี่คือเลือดของมังกรโบราณรุ่นแรก ฉู่ชวิ๋นเห็นก็รู้สึกมีความสุขมากหลังจากที่เท้ากระทบพื้นแล้ว เขาก็ดีดตัวกลับขึ้นไปในอากาศอีกครั้ง และอ้าปากออกเพื่อดื่มเลือดมังกรที่ไหลออกมา

ซู่!

เลือดมังกรไหลเข้าสู่ร่างกาย มอบพลังงานที่น่ามหัศจรรย์ ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเปล่งประกายสีทองคำและรูม่านตาก็ขยายตัวใหญ่มากขึ้น

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ กระดูกมังกรที่แขนซ้ายของเขา ไม่สร้างความเจ็บปวดให้เขาอีกแล้ว

ฉู่ชวิ๋นรู้สึกดีใจอย่างล้นเหลือ เลือดมังกรที่เขาดื่มไปนี้ ต้องผ่านการบ่มเพาะมาเป็นเวลากว่าหลายล้านปีแล้วแน่ ๆ

ในขณะนี้ เขารู้สึกได้เลยว่า พันธนาการแห่งท้องฟ้าที่อยู่ในร่างกายกำลังหดตัวลง ฉู่ชวิ๋นคุกเข่าลงต่อหน้าโครงกระดูกมังกร บางทีสิ่งที่เขาควรทำตลอดวันนี้ ก็คือ การดื่มเลือดมังกรให้หมดไปนั่นเอง

หนึ่งเดือนผ่านไป

ฉู่ชวิ๋นยังคงนั่งหลับตา เพื่อโคจรพลังลมปราณ ดวงตาของเขาปิดสนิทแน่น ลมหายใจระบายเข้าออกผ่านรูจมูกเป็นจังหวะ บาดแผลที่แขนซ้ายของเขาสมานตัวแล้ว ผิวหนังก็เรียบเนียน ไม่มีร่องรอยของบาดแผลก่อนหน้านี้เลยแม้แต่นิดเดียว

เมื่อลองมองดูให้ดี ก็จะเห็นว่าภายใต้ผิวที่ขาวผ่องของชายหนุ่ม ใต้ผิวหนังของเขากำลังเป็นประกายสีทองระยิบระยับ

สองเดือนต่อมา

ฉู่ชวิ๋นยังคงนั่งทำสมาธิโคจรพลังลมปราณอยู่ที่เดิม แต่แสงสีทองที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา มีความสว่างไสวมากกว่าเดิม โดยเฉพาะบริเวณแขนซ้าย ที่มีประกายสีทองพุ่งออกมาจากทุกรูขุมขน

แล้วเดือนที่สามก็ผ่านไป

ฉู่ชวิ๋นยังคงไม่ได้ลืมตาขึ้นมา แต่คิ้วของเขาเลิกขึ้นสูง แขนข้างซ้ายของเขาเป็นประกายเหมือนกับทำมาจากทองคำ กว่าที่ฉู่ชวิ๋นจะลืมตาตื่นขึ้นมา ก็ต้องใช้เวลาถึงเจ็ดเดือน

ในวินาทีที่เขาลืมตาขึ้นมานั้น ลำแสงสีทองสองสายก็พุ่งออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างของเขา ซึ่งเป็นอะไรที่ดูน่ากลัวมาก และแขนซ้ายของชายหนุ่ม ก็ลดขนาดลงจนเท่ากับแขนของมนุษย์ปกติแล้ว

ฉู่ชวิ๋นรู้สึกโล่งอกเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากสามารถรับความรู้สึกจากแขนข้างซ้ายได้เป็นปกติ

สำเร็จแล้ว เขาเปลี่ยนกระดูกแขนซ้ายสำเร็จแล้ว ฉู่ชวิ๋นตื่นเต้นมากจนร้องตะโกนเสียงดังด้วยความดีใจ

ช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดผ่านไปแล้ว ช่วงเวลาแห่งความทรมานนับร้อยวันร้อยคืนที่เขาต้องอดทน ในที่สุดเขาก็ทำได้สำเร็จแล้ว

ฉู่ชวิ๋นพยายามจะยกแขนซ้ายขึ้นมา แต่มือเขาก็ตกลงจนสัมผัสลงไปที่พื้นอย่างไม่อาจควบคุม

โครม!

พื้นดินเกิดรอยแตกร้าวเป็นวงกว้างโดยที่มือของฉู่ชวิ๋นเป็นจุดศูนย์กลางของรอยแตกร้าวนั้น เกิดรอยร้าวเหมือนใยแมงมุมกินพื้นที่ประมาณสิบเมตร

แต่ฉู่ชวิ๋นไม่ได้รู้สึกมีความสุขเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากเขาถูกน้ำหนักแขนฉุดลงมาจนจมูกแทบจะทิ่มกับพื้นดิน ก้นของเขาโด่งชี้ฟ้า นับว่าเป็นการอยู่ในท่าที่ไม่ควรมีผู้ใดมาพบเห็นเป็นที่สุด

ถึงแม้ว่าเขาจะเปลี่ยนกระดูกแขนซ้ายได้สำเร็จ ฉู่ชวิ๋นก็ลืมไปเลยว่า สิ่งที่เขาเปลี่ยนกับกระดูกของตนเอง นั่นคือกรงเล็บมังกร ซึ่งมีน้ำหนักหลายพันกิโลกรัม แขนซ้ายของเขาไม่เคยรู้สึกหนักเท่านี้มาก่อน เมื่อชายหนุ่มพยายามจะยกแขนซ้ายขึ้นมาอีกครั้ง แขนของเขาก็หล่นวูบลงไปกระแทกพื้นดินอีกรอบ

เมื่อลองคิดถึงเรื่องนี้แล้ว สำหรับแขนซ้ายที่มีน้ำหนักมากขนาดนี้ เขาจะแก้ปัญหานี้อย่างไรดีนะ ? เมื่อมีปัญหาก็ย่อมมีทางแก้ไข แต่หนทางแก้ไขนั้นคืออะไร ?

ฉู่ชวิ๋นอยากจะร้องไห้ออกมาแล้ว เขาลุกขึ้นมาได้อย่างยากลำบาก แต่ก็ไม่สามารถยกแขนซ้ายขึ้นมาได้เลย ก่อนหน้านี้ที่คิดว่า มันมีน้ำหนักหลายพันกิโลกรัม เห็นทีมันคงหนักมากกว่านั้นเสียแล้ว

การใช้แขนเพียงแค่ข้างเดียว ทำให้โคจรพลังลมปราณได้ไม่ถนัด อีกอย่างเขาไม่สามารถใช้พลังลมปราณได้ตลอดเวลา ตอนนี้พลังของเขากำลังถูกดูดกลืนไปอย่างรวดเร็ว

ผ่านไปเพียงชั่วโมงเดียว พลังลมปราณในตัวฉู่ชวิ๋นก็หมดเกลี้ยง

โครม!

แขนซ้ายของชายหนุ่มตกลงไปกระแทกพื้นเกิดเป็นรอยร้าวใยแมงมุมขึ้นมาอีกครั้ง และก็เป็นอีกครั้งที่ฉู่ชวิ๋นต้องอยู่ในท่าก้นชี้ฟ้าหน้าทิ่มพื้น

“ไอ้ลุงมังกร…” ฉู่ชวิ๋นรู้สึกเดือดดาลจนเผลอสบถใส่กระดูกมังกรโบราณโดยไม่รู้ตัว

หลังจากนั้น เขาก็พยายามขยับแขนซ้ายอย่างต่อเนื่อง

“อ๊าก…”

ฉู่ชวิ๋นมีเหงื่อออกท่วมตัว กัดฟันกรอด ลำคอของเขามีเส้นเลือดปูดโปน ชายหนุ่มต้องตกอยู่ในสภาพนี้ เพราะพยายามจะลากแขนซ้ายขึ้นมาจากพื้น

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ฉู่ชวิ๋นก็ล้มลงไปนอนหมดสภาพ ในขณะที่ลากแขนซ้ายมาได้เพียงครึ่งเมตรเท่านั้น และบนพื้นดินก็เกิดรอยแยกเป็นทางยาว ที่สำคัญก็คือ ใบหน้าของเขากระแทกกับพื้นเข้าอย่างแรง ทำให้รู้สึกแสบร้อนและเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง

ถ้ามีคนมาพบเห็นฉู่ชวิ๋นในสภาพเช่นนี้ คนคนนั้นจะต้องไม่เชื่อสายตาของตนเองเป็นแน่แท้

ย๊าก!

ฉู่ชวิ๋นกลั้นลมหายใจและพยายามอีกครั้ง ต้องขอบคุณการฝึกวิชามังกรที่ทำให้ผิวหนังของเขาแข็งแกร่งเหมือนกับทองแดงและมีโครงกระดูกเหมือนกับเหล็กกล้า ถ้าเขาเป็นคนปกติธรรมดา กระดูกก็คงแตกหักละเอียดไม่เหลือชิ้นดีไปแล้ว

หนึ่งชั่วโมงต่อมา ฉู่ชวิ๋นตาลายมองเห็นดาวระยิบระยับ เสียงของเขาแหบแห้ง บนหน้าผากเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ชายหนุ่มรู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกิน

เขานอนคว่ำหน้า พยายามปรับระดับลมหายใจและโคจรพลังลมปราณ หลังจากนั้นอีกไม่กี่ชั่วโมง พลังลมปราณในร่างกายของฉู่ชวิ๋นก็ฟื้นฟูกลับขึ้นมาอีกครั้ง และเขาก็สามารถขยับแขนซ้ายได้ง่ายขึ้น ฉู่ชวิ๋นรีบลุกขึ้นมานั่งทันที

ต่อมา ฉู่ชวิ๋นก็สามารถขยับแขนได้อย่างคล่องแคล่วมากขึ้น

โครม!

พลัน แขนซ้ายของเขาตกกระแทกพื้นและเกิดเป็นหลุมลึกขึ้นอีกครั้ง

ตลอดหนึ่งเดือนให้หลัง ฉู่ชวิ๋นทำได้แต่เพียงเดินลากแขนซ้ายไป ๆ มา ๆ จนพื้นดินเกิดเป็นหลุมลึกปรากฏอยู่เต็มไปหมด

สองเดือนต่อมา ฉู่ชวิ๋นก็สามารถยกแขนซ้ายขึ้นมาได้ ประมาณสิบเซนติเมตร

ในที่สุด ต้องใช้เวลาถึงครึ่งปี กว่าที่ชายหนุ่มจะสามารถใช้งานแขนซ้ายได้อย่างปกติ โดยไม่ต้องใช้พลังลมปราณช่วยเหลือ

จึงกล่าวได้ว่า การเปลี่ยนกระดูกแขนข้างหนึ่ง ต้องใช้เวลาหนึ่งปีเลยทีเดียว “ดูเหมือนจะเร็วกว่าที่คิดแฮะ”

ฉู่ชวิ๋นจำได้ว่าจักรพรรดิอ๋าวฮวงเคยบอกไว้ การเปลี่ยนกระดูกทั้งตัว เขาไม่ควรใช้เวลาเกินสิบห้าถึงยี่สิบปี

ชายหนุ่มไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมจักรพรรดิอ๋าวฮวงถึงพูดอย่างนั้น แต่ก็รู้สึกได้ว่า จะต้องมีเรื่องสำคัญเกิดขึ้นแน่นอน ดังนั้น ฉู่ชวิ๋นจึงตัดสินใจเปลี่ยนกระดูกแขนขวาต่อทันที

การทรมานเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ความเจ็บปวดเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง และแล้วฉู่ชวิ๋นก็ต้องกลับไปสู่การทรมาน ที่ไม่มีจุดสิ้นสุดอีกครั้ง

กาลเวลาผ่านไป ผ่านไปได้ห้าปีแล้ว

ฉู่ชวิ๋นยังคงไม่ได้กลับออกมาจากหุบเขา

แต่ที่โลกภายนอกได้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากมาย แม้แต่คนธรรมดาก็สามารถรู้สึกได้

อย่างแรกก็คือ อากาศดีขึ้น คุณภาพของน้ำดีขึ้น ตามแม่น้ำลำธารมีมลพิษน้อยลงและสัตว์ป่า รวมถึงต้นไม้หายาก ที่เคยคิดว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว ก็กลับมาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง

โดยเฉพาะคนในวงการยุทธภพ จะรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน อากาศที่บริสุทธิ์มากขึ้น ช่วยส่งเสริมให้พวกเขาสามารถเลื่อนระดับขั้นพลังได้เร็วมากกว่าเดิมถึงสองถึงสามเท่า

นอกจากนี้ การปรากฏตัวของสมุนไพรหายาก ก็ทำให้บรรดาจอมยุทธ์ มีฝีมือที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่เพียงประเทศจีนเท่านั้น แต่ความเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดขึ้นทั่วโลก

นักวิจัยได้ออกมาอ้างว่า นี่คือผลจากการร่วมมือกันระดับนานาชาติ ในการช่วยป้องกันสภาพแวดล้อมของโลกตลอดหลายปีที่ผ่านมา

ดังนั้น โลกของเราจึงเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมายในระยะห้าปี

แล้วก็ผ่านไปสิบปี

ยังคงไม่มีวี่แววว่าฉู่ชวิ๋นจะกลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง

โลกภายนอกเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง

ดาวเทียมตรวจจับได้ว่าพื้นดินขยายตัวกว้างมากขึ้น ภูเขาและต้นไม้ขยายความสูงมากยิ่งขึ้น

ตัวอย่างเช่น การเดินทางจากเมืองกู่เจียงเพื่อมายังเมืองหลวง ปกติต้องนั่งเครื่องบินเป็นเวลาห้าชั่วโมง ปัจจุบันกลับต้องนั่งเครื่องบินเป็นเวลาถึงแปดชั่วโมง เนื่องจากพื้นดินขยายตัวกว้างมากขึ้นนั่นเอง

บางคนก็ถ่ายรูปช้างเผือกที่มีขนาดตัวเท่ากับภูเขาลูกหนึ่งเอาไว้ได้ เวลาที่เท้าของมันเหยียบลงไปบนพื้นแต่ละทีแผ่นดินบริเวณนั้น ก็จะยุบตัวอย่างน่าหวาดกลัว ต้นไม้จะล้มลงไป งาสีขาวทั้งสองข้างเป็นประกายสว่างไสวยามที่มันเดินกรีดกรายในป่าลึก

แล้วก็ยังมีหนูภูเขาที่ขนาดตัวเท่ากับโต๊ะกินข้าว ฟันที่ยื่นออกมาจากปากของมันทั้งสองข้าง มีขนาดยาวมากกว่าสองเมตร เวลาที่มันกัดแทะต้นไม้ต้นไหน ต้นไม้ต้นนั้นก็จะถูกตัดขาดเป็นสองท่อนไปทันที

นอกจากนี้ ยังมีลิงดำที่มีขนาดตัวเท่ากับเนินเขาขนาดย่อม เส้นขนบนตัวของมันเรียบลื่นอย่างกับผ้าซาติน เวลาที่มันทุบหน้าอกและกระทืบเท้า จะเกิดเป็นแรงสั่นสะเทือนเหมือนแผ่นดินไหวน่าหวาดกลัวเป็นที่สุด

ในต่างประเทศ มีหลายคนสามารถถ่ายรูปมังกรพ่นไฟเอาไว้ได้ มันมีลักษณะเหมือนกิ้งก่ายักษ์ ที่มีความยาวมากกว่าสิบเมตร มีปีกกว้าง และสามารถพ่นไฟได้

อีกหลายคน ก็พบเจอกับหมีดำที่วิ่งกระโจนเหมือนรถถัง พุ่งชนภูเขาหิมะถล่มทลายไปหลายต่อหลายลูก

ภาพเหล่านี้ถูกโพสต์ลงบนอินเทอร์เน็ต ตอนแรกทุกคนก็ยังไม่เชื่อ แต่เมื่อมีภาพเหล่านี้เริ่มปรากฏขึ้นมามากขึ้นเรื่อย ๆ จากคนที่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้ว และประชาชนก็เริ่มเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาทันที

ในตอนนี้ ไม่มีประโยชน์ที่รัฐบาลจะออกมาปฏิเสธข่าวลือ เนื่องจากมันไม่ใช่ข่าวลือ แต่มันเป็นความจริง

มีหมู่บ้านห่างไกลตามชนบทและเมืองเล็ก ๆ จำนวนมาก ที่ถูกสัตว์ป่าบุกเข้าโจมตี และทำให้เกิดผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วน

สัตว์ร้ายทุกชนิดถูกถ่ายรูป และถูกถ่ายเป็นคลิปวิดีโอ นำมาโพสต์ลงอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา

ณ ภูเขาหลงจี๋ จักรพรรดิอ๋าวฮวงยืนอยู่บนยอดเขา เหม่อมองไปในที่ไกลตา หลังจากนั้น ชายชราก็พูดออกมาอย่างเชื่องช้าว่า

“ความโกลาหลกำลังจะมาแล้วสินะ”