ชีอ้าวชวางหันไปมองแมวล่าสมบัติแล้วก็กอดมันพร้อมกับยิ้มจางๆ และพูด “อาเป่า เจ้ากำลังปลอบโยนข้าหรือ?”
“เหมียว…” แมวล่าสมบัติโบกอุ้งเท้าจากนั้นก็พยักหน้าแรงๆ
“ขอบคุณนะ…” ชีอ้าวชวางลูบหัวของแมวล่าสมบัติแล้วยิ้มอย่างขมขื่น
แมวล่าสมบัติอยู่อย่างเงียบๆ ในอ้อมแขนของชีอ้าวชวางโดยวางอุ้งเท้าไว้บนแขนของชีอ้าวชวางแล้วเหลือบมอง ชีอ้าวชวางเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืนและถอนหายใจเบาๆ นางอยากจะพบเฟิงอี้เซวียนมากๆ อยากจะถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา แต่ก็อย่างที่คามิลล์บอก หากเฟิงอี้เซวียนไม่อยากพูด ต่อให้ตามไปถามก็ไม่ช่วยอะไรหรอก
ลมเย็นพัดมาเบาๆ อากาศเย็นสบาย
ดวงตาของแมวล่าสมบัติที่มองมาเบิกกว้างขึ้นทันทีและดิ้นออกจากอ้อมแขนของชีอ้าวชวาง จากนั้นมันก็กรีดร้องและหางของมันก็ขนลุกขึ้นทั้งหมด
ชีอ้าวชวางตกใจและหันไปมอง นางเห็นร่างร่างหนึ่งอยู่แถวๆ หลังเสา
ชีอ้าวชวางรีบตามไปโดยไม่ลังเลเลย นั่นคือเฟิงอี้เซวียน เป็นเขาแน่! ไม่ผิดแน่นอน!
เฟิงอี้เซวียนดูลับๆ ล่อๆ และออกจากคฤหาสน์ไปอย่างเงียบๆ ชีอ้าวชวางเองก็ย่องตามไปติดๆ ดูเหมือนว่าเฟิงอี้เซวียนก็อยากจะสลัดชีอ้าวชวางให้หลุดจึงพยายามเร่งฝีเท้าไปทางประตูเมือง ชีอ้าวชวางก็เร่งตามไปติดๆ นางอยากจะถามต่อหน้าให้ชัดเจนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เฟิงอี้เซวียนทำเหมือนไม่รู้จักนางแต่แอบมาดูนางเนี่ยนะ นี่มันคืออะไรกัน?
หรือว่าเฟิงอี้เซวียนมีเรื่องอะไรที่ต้องซ่อนอยู่จริงๆ? ชีอ้าวชวางรู้สึกกังวลเมื่อคิดถึงเรื่องนี้และเร่งฝีเท้าเพื่อไล่ตามไป
ประตูเมืองเฟิงหลิวไม่ได้ปิด และยามก็กำลังหลับใหลอยู่ ในช่วงที่ใกล้จะถึงการประลองนี้ ประตูเมืองจะเปิดอยู่ตลอดเวลา เฟิงอี้เซวียนและชีอ้าวชวางเดินตามกันออกไป ยามรู้สึกได้เพียงแค่สายลมเบาๆ พัดผ่านหน้าไปเท่านั้น พอเงยหน้ามองขึ้นไปก็ไม่มีอะไร พวกเขาจึงคิดว่าแค่ตาฝาดและหลับไปอีกครั้ง
หลังจากออกจากประตูเมืองแล้วก็ไปทางทิศตะวันตกไปยังป่าแห่งหนึ่ง แต่ตรงหน้ากลับไม่มีร่างของเฟิงอี้เซวียนแล้ว ชีอ้าวชวางยืนหลับตาอยู่ในป่าแต่ไม่รู้สึกถึงอะไรเลย เฟิงอี้เซวียนหายตัวไปแล้ว
“อี้เซวียน! อี้เซวียน!” ชีอ้าวชวางลืมตาขึ้นและเรียก แต่คำตอบเดียวคือเสียงลมและเสียงใบไม้ที่เป็นเสียงกรอบแกรบ
ไม่มีใครอยู่รอบๆ นี้เลย ไม่มีอะไรเลย
ชีอ้าวชวางยืนอึ้งอยู่ที่เดิมด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเศร้า
“เหมียว…” แมวล่าสมบัติที่นั่งอยู่บนไหล่ของชีอ้าวชวางกอดคอชีอ้าวชวางไว้แล้วร้องเบาๆ ราวกับกำลังปลอบใจอยู่
ชีอ้าวชวางยื่นมือไปลูบหัวแมวล่าสมบัติเบาๆ นางถอนหายใจและหันไปรอบๆ จากนั้นก็เตรียมจะกลับไป แต่พอหันกลับมากลับพบกับดวงตาสีแดงคู่หนึ่งที่เหมือนวังวนที่ทำให้คนใจสั่น ใบหน้าที่สวยงามและความเย่อหยิ่งในสายตาที่คุ้นเคย
“นายน้อย!” ชีอ้าวชวางมองคนที่ปรากฏตัวตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ หญิงสาวที่มีดวงตาสีแดงตรงหน้าคือนายน้อยที่ได้พบในอาณาจักรปีศาจ! นายน้อยอารมณ์ร้ายที่มีพละกำลังยอดเยี่ยมคนนั้น! นางมาปรากฏตัวต่อหน้าตนเองอย่างเงียบๆ ในตอนนี้นางใส่ชุดสีดำ ปลายแขนเสื้อและชายเสื้อของนางปักด้วยลวดลายสีทอง มันดูหรูหรามาก แต่ยังคงเป็นชุดของผู้ชาย แมวล่าสมบัติกรีดร้องและขยับจากไหล่ของชีอ้าวชวางไปที่ด้านหลังแทนโดยการขยุ้มเสื้อผ้าด้านหลังของชีอ้าวชวางไว้และห้อยอยู่ที่ด้านหลังด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน
“อย่าเข้าใกล้เขาถ้าเจ้าไม่อยากตาย!” น้ำเสียงของนายนายในตอนนี้ไม่ได้เฉยเมยและเหยียดหยามเหมือนเมื่อก่อน น้ำเสียงของนางในตอนนี้เย็นชามาก ดวงตาของนางก็เช่นกัน
เขา? ใคร? ชีอ้าวชวางตะลึง นายน้อยแห่งโลกภูตผีปีศาจมาปรากฏตัวในโลกอสูรปีศาจได้ และยังมาปรากฏตัวต่อหน้าตนเองแล้วพูดเช่นนั้นอีก ชีอ้าวชวางขมวดคิ้ว นางรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายสังหารของนายน้อย นี่ไม่ใช่การหลอกลวง แต่นายน้อยคิดจะฆ่านางจริงๆ!
เขาที่นายน้อยพูดถึงคือใคร? ชีอ้าวชวางขมวดคิ้วและมองนายน้อยที่มีใบหน้าเยือกเย็น ทันใดนั้นนางก็เข้าใจ ก่อนหน้านี้นางกำลังไล่ตามเฟิงอี้เซวียนอยู่ หรือว่าเขาที่นายน้อยพูดถึงจะเป็นเฟิงอี้เซวียน? ชีอ้าวชวางตกใจกับความคิดของตัวเอง แบบนี้ก็แสดงว่าเฟิงอี้เซวียนอยู่เผ่าภูตผีปีศาจหรือ? แล้วนายน้อยที่อยู่ตรงหน้าก็รู้จักเขาด้วย?
“ทำไม?” ชีอ้าวชวางถามออกไป
“ไม่ทำไม” น้ำเสียงของนายน้อยยังคงเย็นชา แต่สายตาเขามีความรุนแรงอยู่ในนั้น
ชีอ้าวชวางตะลึง เพราะนางเห็นความเกลียดชังที่รุนแรงในดวงตาของนายน้อยอย่างชัดเจน! นายน้อยเกลียดนาง! ทำไมล่ะ?
“เขาต้องทนทุกข์ทรมานขนาดนั้นก็เพื่อเจ้า! ข้าอยากจะฆ่าเจ้าจริงๆ! อยากจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย อยากทำให้วิญญาณของเจ้าแหลกสลายไปเลย!” ดวงตาสีแดงของนายน้อยกลายเป็นสีแดงฉานทันที ความเกลียดชังและการกดขี่ข่มเหงในดวงตานั้นมากขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นสีแดงจางๆ ค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนร่างกายของนาง
แมวล่าสมบัติที่อยู่ข้างหลังชีอ้าวชวางตัวสั่นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มันไวต่ออันตรายมาก มันรู้แค่ว่าคนที่อยู่ตรงหน้านั้นอันตรายมาก หากไม่ระวังเพียงเล็กน้อยมันและคนที่มันรักจะต้องตายที่นี่! ช่างเป็นคนที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้ เหมียว…เสี่ยวเทียนเทียน…รีบมาช่วยข้าด้วย…แมวล่าสมบัติเกาะแน่นอยู่บนหลังของชีอ้าวชวางและภาวนาในใจ
แน่นอนว่าโพ่เทียนไม่ได้ยินเสียงครวญครางในใจของแมวล่าสมบัติตอนนี้หรอก ดังนั้นชีอ้าวชวางและแมวล่าสมบัติก็ยังต้องเผชิญหน้ากับคนที่อันตรายสุดๆ ตรงหน้าพวกเขาอยู่ดี
ชีอ้าวชวางรู้สึกสับสนเล็กน้อยและไม่เข้าใจว่าทำไมนายน้อยที่เคยเป็นมิตรกับนางมาก่อนในตอนนี้ถึงได้เกลียดนางมาก เป็นไปได้ไหมว่าเฟิงอี้เซวียนเป็นสมาชิกของเผ่าภูตผีปีศาจและเป็นคนรักของนายน้อย ดังนั้นนายน้อยจึงเกลียดนางมากงั้นหรือ? จะเป็นแบบนี้หรือไม่? แต่ว่าสายตาของนายน้อยนั้นไม่เหมือนกับสายตาของหลิวเฉว่ฉิงเลย!
ความรู้สึกของนายน้อยที่มีต่อเฟิงอี้เซวียนนั้นแตกต่างจากความรู้สึกของหลิวเฉว่ฉิงที่มีต่อเหลิ่งหลิงยวิ๋น! ชีอ้าวชวางมั่นใจในเรื่องนี้
แสงสีแดงบนร่างกายของนายน้อยเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และก็เข้ามาหาชีอ้าวชวางทีละก้าว แรงกดดันที่แข็งแกร่งทำให้ชีอ้าวชวางก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
“ไปตายซะ!” ทันใดนั้นดวงตาของนายน้อยที่มีประกายดุร้าย ยกมือขึ้นรวบรวมแสงสีแดงที่น่ากลัวนั้นในฝ่ามือ
ดวงตาของชีอ้าวชวางสงบนิ่งและเตรียมการป้องกันทันที
วินาทีต่อมานายน้อยก็ถูกมือใหญ่จับไว้และเสียงเย็นชาก็พูดขึ้นเบาๆ “ถ้าเจ้าอยากให้คนคนนั้นเกลียดเจ้าไปตลอดกาล เจ้าก็จัดการนางได้เลย”
ชีอ้าวชวางตัวแข็งทื่อและจ้องมองคนที่ปรากฏตัวอยู่ข้างๆ นายน้อยอย่างว่างเปล่า
“หึ!” ดวงตาของนายน้อยเต็มไปด้วยความรุนแรง จากนั้นสายตาของนางก็เป็นความว่างเปล่า ความโกรธ และไม่เต็มใจ ในที่สุดก็ผละจากมือออกจากกันอย่างรุนแรงและเดินจากไปด้วยความโกรธ
ส่วนคนคนนั้นก็ยืนอยู่ตรงนั้นและมองมาที่ชีอ้าวชวางอย่างเงียบๆ
“หลิงยวิ๋น…” ชีอ้าวชวางค่อยๆ เปิดริมฝีปากและเรียกชื่อออกมาอย่างสั่นสะท้าน
ไม่ผิดแน่ ในโลกนี้มีเพียงเหลิ่งหลิงยวิ๋นเท่านั้นที่จะมีรูปลักษณ์เช่นนี้และลมหายใจเช่นนี้ ผมสีเงินสลวย ใบหน้าหล่อเหลาและดวงตาสีม่วง แต่ตอนนี้เส้นผมตรงหน้าผากของเหลิ่งหลิงยวิ๋นตกลงมาปิดตาด้านหนึ่งที่ไม่มีลูกตาของเขาอยู่ สิ่งนี้ไม่ได้ลดเสน่ห์ของเขาเลย แถมยังเพิ่มเสน่ห์ลึกลับที่ไม่อาจบรรยายได้อีกด้วย
“อ้าวชวาง” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาของเหลิ่งหลิงยวิ๋น มันดูน่าหลงใหลมาก
ริมฝีปากของชีอ้าวชวางสั่นเล็กน้อย มีหลายอย่างที่นางอยากจะพูดและมีคำถามมากมายที่นางจะถาม แต่พอเอาเข้าจริงๆ นางก็พูดอะไรออกมาไม่ได้สักคำ นางทำได้เพียงแค่มองไปที่คนตรงหน้าและค่อยๆ เดินเข้าไปหาเขาทีละก้าว
เหลิ่งหลิงยวิ๋นยืนอยู่นิ่งไม่ได้เคลื่อนไหวและรอให้ชีอ้าวชวางเดินเข้ามาใกล้ตัว
ราวกับว่าเวลาผ่านไปนานมากกว่าที่ชีอ้าวชวางจะไปถึงตรงหน้าของเหลิ่งหลิงยวิ๋น ชีอ้าวชวางค่อยๆ ยื่นมือไปที่ใบหน้าของเหลิ่งหลิงยวิ๋นที่ยังคงยืนนิ่งไม่ขยับแต่มองใบหน้าของชีอ้าวชวางอยู่อย่างเงียบๆ
ชีอ้าวชวางค่อยๆ ปัดเส้นผมที่ห้อยลงมาตรงหน้าผากของเหลิ่งหลิงยวิ๋นไปอีกด้านหนึ่งอย่างระมัดระวัง วินาทีต่อมาดวงตาชีอ้าวชวางก็ดูเคร่งเครียด นางเห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าลูกตาข้างหนึ่งของเหลิ่งหลิงยวิ๋นไม่มีแล้ว! มันเป็นความว่างเปล่าไปแล้ว! ถ้าเช่นนั้นก็แสดงว่าต่างหูคริสตัลสีม่วงบนหูของนางคือดวงตาของเหลิ่งหลิงยวิ๋นจริงๆ
“ทำไม…” ชีอ้าวชวางถามอย่างยากลำบาก
“เดิมที…ข้าคิดว่าเฟิงอี้เซวียนเป็นมนุษย์ธรรมดาแ ต่ข้าไม่ใช่” เสียงเย็นชาของเหลิ่งหลิงยวิ๋นค่อยๆพูดออกมา “ดังนั้นข้าจึงคิดว่าเขาจะให้เจ้าในสิ่งที่ข้าให้เจ้าไม่ได้ แต่ว่าข้าคิดผิด…” น้ำเสียงของเหลิ่งหลิงยวิ๋นแผ่วเบาและว่างเปล่า แต่ดูเหมือนมีความแน่วแน่ที่ไม่อาจบรรยายได้อยู่ในนั้นด้วย
ชีอ้าวชวางถอยมือกลับมาแต่สายตาของนางไม่ได้ละจากสายตาของเหลิ่งหลิงยวิ๋นเลย
“เขาไม่ใช่มนุษย์ ข้าจะไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ อีกต่อไป” จู่ๆ เหลิ่งหลิงยวิ๋นก็ยื่นมือออกมาสัมผัสเส้นผมของชีอ้าวชวางเบาๆ และยิ้ม “อ้าวชวาง ข้าจะปกป้องเจ้าเอง ข้าจะทำตามความปรารถนาของเจ้าทุกอย่างเลย ขอแค่ให้เจ้ามีความสุข ข้าทำให้เจ้าได้ทุกอย่าง อะไรที่ทำให้เจ้าเสียใจข้าจะทำลายมันให้เจ้าเอง”
ชีอ้าวชวางมองความแน่วแน่อย่างถึงที่สุดภายในดวงตาสีม่วงของเหลิ่งหลิงยวิ๋น จากนั้นความรู้สึกที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ก็เกิดขึ้นในใจของนาง และนางเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความรู้สึกนี้คืออะไร
“ต่างหูนี้เป็นพลังครึ่งหนึ่งของข้า แม้ว่าข้าจะไม่ได้อยู่เคียงข้างเจ้า แต่มันก็จะทำหน้าที่ปกป้องเจ้าแทนข้า” มือของเหลิ่งหลิงยวิ๋นเลื่อนไปที่หูของชีอ้าวชวางและแตะต่างหูสีม่วงเบาๆ จากนั้นก็พูดประโยคที่ทำให้ชีอ้าวชวางตะลึง
อะไรนะ? ต่างหูนี้คือพลังครึ่งหนึ่งของเหลิ่งหลิงยวิ๋นงั้นหรือ?!
เช่นนั้นหลิงยวิ๋นคือใครกัน?ตัวตนที่แท้จริงของเขาคืออะไร?
“เอาละ เราไปกันเถอะ” เหลิ่งหลิงยวิ๋นเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ และพูดอย่างเคร่งขรึม “ว่านเฟิงหลิวไม่ธรรมดานะ ระวังเขาด้วย”
ว่านเฟิงหลิวไม่ธรรมดา เรื่องนั้นชีอ้าวชวางรู้อยู่แล้ว การที่จะอยู่ในโลกที่สับสนวุ่นวายได้โดยไม่ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับกองกำลังใดๆ เพียงแค่จุดนี้ก็รู้แล้วว่าคนคนนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าเขาไม่ได้สนใจอำนาจอย่างที่แสดงออกมาจริงหรือไม่