แต่เย่เฟิงแค่มุมปากกระตุกเท่านั้น เผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา พูดออกมาประโยคหนึ่งว่า “นึกขึ้นได้ว่าอาจารย์ใหญ่หาข้า บางทีอาจมีเรื่องใหญ่ ฉะนั้นจึงได้วกกลับมา ”

คำพูดนี้ไม่ว่าใครก็ไม่อยากเชื่อ

ช่างไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย

ถ้าหากเขาคิดถึงเรื่องนี้จริงๆ ตอนนั้นทำไมจึงต้องออกไปจากทางหน้าด้วยเล่า

เขาไปออกจากประตูใหญ่ กลับปีนหน้าต่าง เป็นการยืนยันได้ว่าตอนนั้นต้องเกิดเรื่องอะไรที่สำคัญขึ้นมาอย่างกะทันหัน ฉะนั้นจึงทำให้เขาไม่มีแม้แต่เวลาจะออกไปจากทางประตูใหญ่

“รบกวนตอบคำถามเมื่อครู่ด้วย ทำไมเจ้าไม่ออกจากทางประตู ทำไมต้องออกจากทางหน้าต่าง”ผู้อาวุโสพูด

เซียวหยู่เซวียนมองทุกคนอย่างโมโห เอ่ยอย่างมั่นใจว่า “เย่เฟิง เจ้าบอกพวกเขาไป ทำไมจึงไม่ออกทางประตูใหญ่”

เซียวหยู่เซวียนคิดว่า เย่เฟิงจะต้องตอบทันทีทันใดแน่ แต่สิ่งที่ตอบกลับเขา กลับเป็นความเงียบงัน

หัวใจของเขากระตุกทีหนึ่ง หันหน้าไปมองเย่เฟิงที่นิ่งเงียบ “เจ้าคนพูดน้อย เจ้าทำข้าร้อนใจแทบตายแล้ว เจ้ารีบพูดเหตุผลที่เจ้าปีนหน้าต่างให้พวกเขาฟังเร็วเข้า”

“ไม่มีเหตุผล เพียงแค่ปีนหน้าต่างเร็วกว่า”

“……”

ทุกคนไร้คำพูด นี่เป็นเหตุผลอะไรกัน

เขาคงหาข้ออ้างไม่ได้แล้วกระมัง

แต่แค่ประโยคนี้ประโยคเดียว ทุกคนต่างก็ยิ่งแน่ใจว่าเขาคือฆาตกร

อาจารย์หรงถามว่า “หลังจากเจ้าออกจากหอตำราแล้ว ไปที่ไหน ไปทำอะไรบ้าง”

“เย่เฟิง เจ้าบอกพวกเขาไปสิ ไม่ว่าเจ้าจะพูดอะไร ข้าก็เชื่อเจ้า”เซียวหยู่เซวียนกวักมือ เป็นสัญญาณให้เขาตอบคำถาม

แต่แล้ว เขาก็ต้องผิดหวังอีกครั้ง เพราะเย่เฟิงไม่พูดอะไร

เซียวหยู่เซวียนกระทืบเท้า “เจ้ามีเรื่องลำบากอะไรที่พูดออกมาไม่ได้ก็พูดมาตรงๆเลยไม่ดีกว่าหรือ ถ้าหากเจ้าไม่พูด จะยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองได้อย่างไร”

“ข้าไม่มีอะไรจะพูด”

อยากจะบ้าตาย

เย่เฟิงไม่ร้อนใจ แล้วเขาจะร้อนใจแทนเขาทำไมกัน

ทุกคนต่างก็วิจารณ์ไปต่างๆนานา สายตาที่มองไปทางเย่เฟิงมีแววเกลียดชังแทบอยากจะฉีกทึ้งเขาออกเป็นชิ้นๆ

“จากที่ข้าดูแล้วอาจารย์ใหญ่ต้องถูกเขาฆ่าแน่ คนคนนี้ช่างมีจิตใจยากจะหยั่งถึงจริงๆ”

“จิตใจชั่วช้าเลวทราม อาจารย์ใหญ่ดีต่อเจ้ามาก เจ้ากลับลงมือกับเขาได้ อยากจะควักหัวใจของเจ้าออกมาดูว่าเป็นสีดำใช่หรือไม่”

“อาจารย์ ฆ่าเขาเสียเถอะ เพื่อเป็นการแก้แค้นให้กับอาจารย์ใหญ่”

“ฆ่าเขาจะเป็นการดูถูกเขาเกินไปกระมัง ข้าเห็นว่า ลงทัณฑ์เขาด้วยการทรมานทั้งสิบแปดชนิดให้ครบก่อน จากนั้นค่อยแล่เนื้อเขาออกมาจนตาย”

“ฆ่ามัน ฆ่ามัน ฆ่ามัน ”

อารมณ์ของทุกคนเดือดดาล เสียงดังกึกก้อง นอกจากกู้ชูหน่วนกับเซียวหยู่เซวียนที่ยืนอยู่ข้างเย่เฟิงแล้ว คนที่เหลือต่างก็อยากจะฆ่าเขาเสียเต็มประดา

เย่เฟิงหลับตาลงอย่างเจ็บปวด มือทั้งคู่กำไว้แน่น การเผชิญสถานการณ์เช่นนี้ แทบจะคุ้นชินจนเป็นเรื่องปกติแล้ว เพียงแต่ในใจยังคงมีความเศร้าและจนใจกรูขึ้นมาอย่างไร้ที่สิ้นสุด

“เด็กๆ จับตัวเขาไป”

เย่เฟิงขมวดคิ้ว เอ่ยอย่างยืนกรานว่า”ข้าไม่ได้ฆ่าอาจารย์ใหญ่ พวกท่านสามารถกักบริเวณข้าได้ ฆ่าข้าก็ได้ แต่จำเป็นต้องให้เวลาข้าบ้าง ข้ายังมีเรื่องที่ยังทำไม่เสร็จ”

“ให้เวลาเจ้าหนีหรืออย่างไร อย่าคิดเลย เอาตัวไป”อาจารย์หรงพูดอย่างโมโห

อาจารย์ใหญ่เป็นคนดี คนในราชวิทยาลัยได้รับความเมตตาจากเขาไม่น้อย ด้วยเหตุที่อาจารย์ใหญ่ถูกฆ่า ทำให้อารมณ์ของทุกคนในราชวิทยาลัยต่างก็เดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง

กู้ชูหน่วนรู้ว่า พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ นอกเสียจากจะหาฆาตกรตัวจริงออกมาได้

นางเจ้าใกล้เย่เฟิง ส่งสายตาที่ทำให้สบายใจ “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่วางใจเรื่องยายของเจ้า ข้าจะช่วยเจ้าดูแลนางให้ดีเอง และจะคืนความบริสุทธิ์ให้เจ้าโดยเร็วที่สุด เจ้าอดทนไปก่อนระยะหนึ่ง”

สายตาของเย่เฟิงมีแววประหลาดใจวาบผ่านไป

“เจ้าสะกดรอยตามข้าหรือ”

“ไม่นับว่าเป็นการสะกดรอย บังเอิญเห็นเข้าพอดี”

พวกอาจารย์หรงไม่ได้ให้เวลาพวกเขาคุยกันมากนัก จากนั้นก็ให้คนจับตัวเย่เฟิงไป

อาจารย์หรงโมโหจนเอามือทุบอก “เสี่ยวหน่วน คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ เย่เฟิงไม่ใช่คนดีขนาดนั้น เจ้าอย่าได้ถูกเขาหลอกเชียว”