ส่วนที่ 11 ลอยนวล ตอนที่ 3 ลอยนวล (3)

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

หลังจากที่พี่เฉิงออกไป พยาบาลคนหนึ่งก็เข้ามาเปลี่ยนยาให้ซูหว่าน พร้อมกับขอลายเซ็นเธอ

 

 

ในห้องผู้ป่วยเหลือเพียงซูหว่านแค่คนเดียว เธอสืบค้นข้อมูลต่าง ๆ ของซย่าอวี่ซานไปหลายอย่าง ทั้งดูบันทึกของเจ้าของร่างและเว่ยป๋อออฟฟิเชียล ตอนนี้เธอคือซย่าอวี่ซาน เธอไม่สามารถให้คนอื่นเห็นความผิดปกติของตัวเองได้

 

 

เพราะในโลกที่เราไม่รู้จัก มีวิกฤติอยู่ทุกหนทุกแห่ง

 

 

ซูหว่านมีประสบการณ์ผ่านโลกต่าง ๆ มาเยอะแยะมากมาย เธอจึงมีความระแวดระวังเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อต้องอยู่ในโลกแบบนี้ ย่อมไม่สามารถเชื่อใจคนรอบตัวได้สักคน

 

 

หลังจากจำข้อมูลของเองได้ขึ้นใจ ซูหว่านก็เริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมา เธอนอนลงบนเตียงผู้ป่วยด้วยความมึนและหลับไป กว่าเธอจะตื่นขึ้นอีกครั้งท้องฟ้าก็มืดแล้ว

 

 

ห้องผู้ป่วยเปิดไฟไว้ ซูหว่านหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาดู ถึงได้รู้ว่าโทรศัพท์แบตหมดแล้ว

 

 

หืม?

 

 

เธอขมวดคิ้ว ในที่สุดก็หาที่ชาร์ตแบตจากกระเป๋าตัวเองจนเจอ จากนั้นจึงชาร์ตแบต

 

 

คงเพราะเป็นช่วงพลบค่ำ ที่สวนดอกไม้ด้านล่างตึกโรงพยาบาลจึงไร้เงาของผู้คน

 

 

ซูหว่านยืนอยู่หน้าหน้าต่าง มือจับผ้าม่านไว้ และมองไปยังทิวทัศน์นอกหน้าต่างอย่างเงียบ ๆ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเย็นวูบที่ด้านหลัง ให้ความรู้สึกราวกับมีคนกำลังจ้องมองเธอจากด้านหลัง นั่นทำให้เธอขนลุกซู่

 

 

“ใคร?”

 

 

ซูหว่านหันหลังไปทันทีโดยไม่ให้ตั้งตัว แต่กลับพบว่าในห้องผู้ป่วยนั้นว่างเปล่า ประตูห้องก็ถูกปิดไว้อย่างดี

 

 

ไม่ ไม่ได้อยู่ในห้อง อยู่ข้างนอก

 

 

ห้องผู้ป่วยมีหน้าต่างกระจกอยู่บานหนึ่ง ซูหว่านรู้ว่าเมื่อกี้มีคนยืนมองเธอจากตรงนั้น ความรู้สึกนั้นมันสมจริงมาก เธอต้องไม่ได้คิดไปเองแน่ ๆ

 

 

ใครกัน?

 

 

ฆาตกร?

 

 

แฟนคลับ?

 

 

ตำรวจ?

 

 

หรือ…พยาบาลที่ตรวจเวร?

 

 

ซูหว่านใช้มือพยุงหน้าผากของเธอไว้ มันเจ็บมากจนเธอเริ่มปวดศีรษะอีกครั้ง ซูหว่านรีบเดินอย่างโซซัดโซเซกลับมาที่เตียงและกดกริ่งตรงหน้าเตียงทันที

 

 

เพียงไม่นานก็มีหมอและนักศึกษาแพทย์เข้ามาตรวจร่างกาย

 

 

กว่าจะตรวจร่างกายและเปลี่ยนยาใหม่เสร็จก็เป็นเวลาหนึ่งทุ่มแล้ว

 

 

ในเวลานี้ แผนกผู้ป่วยในเงียบสงัด โดยเฉพาะห้องประเภทผู้ป่วยพิเศษแบบที่ซูหว่านกำลังพักอยู่ ทั้งชั้นนั้นช่างเงียบเหงา

 

 

“ปี๊บ ๆ ปี๊บ ๆ ”

 

 

ขณะที่ซูหว่านกำลังพักจากอาการปวดหัวอยู่นั้น เสียงจากโทรศัพท์ของเธอที่กำลังชาร์ตแบตอยู่ก็ดังขึ้น

 

 

ซูหว่านหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยความมึนงง ทันทีที่เห็นหมายเลขผู้โทร ดวงตาของเธอก็เบิกกว้าง

 

 

หมายเลขของ * กำลังโทรเข้ามา

 

 

ซูหว่านลังเลเล็กน้อย แต่ก็ตัดสินใจกดรับสายนั้น

 

 

“ฮัลโหล”

 

 

เธอเรียกเสียงเบา แต่ปลายทางกลับมีเสียงรบกวนแทรกเข้ามา ถึงแม้เสียงจะอยู่ไกลแต่ก็ทำให้คนฟังรู้สึกขัดหู

 

 

“ฮัลโหล”

 

 

ซูหว่านเรียกอีกครั้ง เสียงรบกวนจากปลายทางลดลงไปเล็กน้อย พลันเปลี่ยนเป็นเสียงคนหายใจ เสียงดูหอบหายใจถี่ราวกับกำลังเร่งรีบเป็นอย่างมาก

 

 

“แฮ่ก…แฮ่ก…”

 

 

เสียงนั้นทำให้ซูหว่านขนลุกขึ้นมา

 

 

“ตู๊ด…ตู๊ด…”

 

 

และในขณะที่ซูหว่านกำลังตกใจอยู่นั้น จู่ ๆ สายก็ถูกตัดไป และทั้งห้องดูเหมือนว่าจะเต็มไปด้วยเสียงหายใจถี่ ซูหว่านฟังออกว่าเสียงนั้นเป็นเสียงงของผู้ชาย

 

 

ใครกัน?

 

 

ซูหว่านถอดสายชาร์จโทรศัพท์ออกและรีบดึงโทรศัพท์มาไว้ในมือ เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดก็โทรกลับ

 

 

“ขออภัยค่ะ ไม่มีหมายเลขที่คุณเรียก กรุณาตรวจสอบใหม่อีกครั้งค่ะ”

 

 

เสียงที่ออกมาจากโทรศัพท์ มีเพียงเสียงระบบอัตโนมัติที่เย็นชา

 

 

ไม่มีหมายเลขนี้…

 

 

โทรศัพท์ในมือตกลงบนเตียง ซูหว่านกอดตัวเองแน่น

 

 

“ตื่ด…ตื่ด”

 

 

ไฟในห้องผู้ป่วยกะพริบ ริบหรี่ ตอนนั้นเองซูหว่านเห็นไฟทางเดินด้านนอกก็กะพริบเช่นกัน วินาทีนั้นราวกับว่าทั้งโลกกำลังจะตกอยู่ในความมืด

 

 

“ไม่นะ ไม่นะ”

 

 

ซูหว่านรีบค้นหาของบนโต๊ะข้างเตียงของเธอ เมื่อเธอเห็นกระดาษที่ฝานเคอทิ้งไว้ให้ เธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหมายเลขที่เขียนไว้บนนั้นทันที

 

 

“ฮัลโหล ผมคือฝานเคอ”

 

 

ปลายทางตอบรับอย่างรวดเร็ว เป็นเสียงที่สงบนิ่งและทรงพลังของฝานเคอ

 

 

“คุณเจ้าหน้าที่ฝาน ฉันซย่าอวี่ซาน ฉัน…ฉันกลัวมากเลย คุณช่วยมาที่โรงพยาบาลได้ไหม ฉัน…”

 

 

“ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้ คุณไม่ต้องวางสายนะ”

 

 

ราวกับว่าสัมผัสถึงความตื่นตระหนกของซูหว่านได้ ฝานเคออดไม่ได้ที่จะปรับน้ำเสียงให้อ่อนโยน “ตอนนี้ผมอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลที่คุณอยู่ อืม เอางี้ คุณช่วยร้องเพลงให้ผมฟังสักเพลงได้ไหมครับ ผมเป็นแฟนคลับคุณ ผมชอบเพลงความฝันฤดูร้อนมาก”

 

 

ความฝันฤดูร้อนเป็นเพลงแจ้งเกิดของซย่าอวี่ซาน อีกทั้งยังเป็นเพลงที่เธอเขียนด้วยตัวเอง

 

 

ต้องยอมรับว่าซย่าอวี่ซานเป็นนักดนตรีที่มีพรสวรรค์มาก แต่น่าเสียดายที่ซูหว่านไม่มีความรู้เรื่องดนตรีเลย

 

 

“คุณเจ้าหน้าที่ฝาน ฉันกลัวมาก ฉัน…ฉันร้องเพลงไม่ออก”

 

 

เสียงของซูหว่านยังคงสั่น “ฉันรู้สึกเหมือนมีคนจ้องฉันอยู่ มันน่ากลัวมาก ฉัน…ฉันกลัวมากจริง ๆ”

 

 

ในประโยคสุดท้ายนั้น น้ำเสียงของเธอสะอื้นเล็กน้อย

 

 

เมื่อได้ยินเสียงของเธอสะอื้น ไม่นานก็มีเสียงเพลงเปิดขึ้นมา

 

 

ไม่ว่าเธอจะเดินไปไกลแค่ไหน ฉันยังคงรอเธออยู่ตรงนี้

 

 

รอเธออยู่ทุกฤดูร้อน…

 

 

นี่เป็นเสียงของฝานเคอ เธอคิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นแฟนคลับของซย่าอวี่ซานจริง ๆ เขาร้องเพลงนี้ด้วยเสียงทุ้มของผู้ชาย ช่างมีเสน่ห์

 

 

ใต้ต้นเมเปิ้ล เธอยิ้มแล้วพูดว่าตลอดไป

 

 

ที่จริงแล้ว เป็นแค่ความฝันในฤดูร้อนของฉัน

 

 

เมื่อเพลงท่อนสุดท้ายจบลง ไฟในห้องผู้ป่วยก็ดับลง เป็นขณะเดียวกันที่ประตูห้องก็ถูกเปิดออกพอดี

 

 

ในความมืดนั้น มีเงาสูงโปร่งของฝานเคอปรากฏขึ้น

 

 

“ไม่ต้องกลัวนะครับ ระบบไฟของโรงพยาบาลมีปัญหาแค่นั้นเอง เดี๋ยวก็ดีขึ้น”

 

 

ทันทีที่เข้ามาในห้อง เขาก็รีบพูดปลอบซูหว่านด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ความมืดทำให้ฝานเคอเห็นสีหน้าของซูหว่านไม่ชัด เขาใช้แสงไฟจากโทรศัพท์ส่องทาง และค่อย ๆ เดินไปที่เตียง จากนั้นจึงนั่งลงเบา ๆ

 

 

“คุณเจ้าหน้าที่ฝาน ฉันจะตายไหมคะ”

 

 

จู่ ๆ ซูหว่านก็เอ่ยถามขึ้น เสียงหวานนั้นแฝงไปด้วยความสิ้นหวัง

 

 

“ไม่ มันจะไม่เกิดขึ้น”

 

 

ฝานเคอส่ายหัว ในห้องมืดนั้นเขาค่อย ๆ จับมือทั้งสองข้างของซูหว่าน “ผมจะดูแลคุณเอง เอ่อ มันเป็นหน้าที่ของตำรวจอย่างพวกเรา”

 

 

“ฉันอยากออกจากโรงพยาบาลค่ะ ฉันคิดว่าโรงพยาบาลนี้ไม่ปลอดภัย”

 

 

ซูหว่านไม่ได้ดึงมือจากฝานเคอ ตอนนี้เธอควรจะต้องการความรู้สึกที่ปลอดภัยจากใครสักคนไม่ใช่เหรอ

 

 

“ฉันปวดหัวมาก ฉันคิดว่ายาที่ฉันกินมีปัญหา”

 

 

ซูหว่านพูดต่อ เสียงของเธอเต็มไปด้วยความสงสัยและสับสน

 

 

“ยาหรอ?”

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน น้ำเสียงของฝานเคอก็ทุ้มลง “ผมจะช่วยตรวจสอบให้ ยังมีเรื่องไหนเป็นพิเศษอีกไหมครับ?”

 

 

“มีคนแอบมองฉัน ฉันคิดว่าเขาน่าจะแอบเข้ามาตอนฉันหลับ แล้วก็ใช้โทรศัพท์ของฉัน”

 

 

ซูหว่านดึงมืออกจากฝานเคอ แล้วยื่นโทรศัพท์ให้เขาดู “ฉันหลับไปเมื่อตอนบ่าย หลับลึกมาก พอฉันตื่นขึ้นมาโทรศัพท์ก็แบตหมดแล้ว แต่ก่อนที่ฉันจะหลับไปมันมีแบตอยู่สามขีด”

 

 

ต้องมีคนใช้โทรศัพท์แน่ ๆ หรือไม่ก็…อาจจะถูกดัดแปลง เช่น ติดอุปกรณ์ดักฟังหรือติดกล้องแอบถ่าย

 

 

ซูหว่านไม่สามารถพูดออกไปหมดได้ ต่อหน้าฝานเค่อเธอไม่สามารถโง่มากเกินไป แต่ก็ไม่สามารถแสดงความฉลาดมากเกินไปได้

 

 

ฝานเคอก็ไม่ใช่คนที่จะเชื่อใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์