ตอนที่ 156 วิเคราะห์

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 156 วิเคราะห์

เมื่อได้ฟังอันอิงเฉิงกล่าวเยี่ยงนี้ อันหลิงเกอก็คลี่ยิ้มออกมา นัยน์ตาคู่งามเจือไปด้วยความคิดล้ำลึก

หากเรื่องนี้หลี่อี๋เหนียงเป็นผู้บงการ หลังจากที่พวกมันโดนจับมาแล้วก็ต้องสารภาพถึงหลี่อี๋เหนียงอย่างแน่นอน แต่ถ้าความจริงมิใช่เยี่ยงนี้ก็ถือได้ว่าเป็นการปราบโจรภูเขาเพื่อช่วยเหลือชาวบ้าน จึงมิได้มีข้อเสียอันใด

ยามที่อันหลิงเกอกำลังเกลี้ยกล่อมอันอิงเฉิงให้สนใจกลุ่มโจรภูเขาอยู่ ทางฝั่งอันหลิงอีก็กำลังโยนถ้วยชาลงตรงหน้าหลี่ซื่ออย่างแรง

“ท่านแม่ ท่านมิรู้ว่าอันหลิงเกอชั้นต่ำทำตัวเกินไปมากเพียงใด นางยั่วยวนท่านมู่ซื่อจื่อยังมิพอ แย่งการสมรสที่ควรเป็นของลูกไปก็ยังพอทนเพราะมู่ซื่อจื่อจักไปม่อเป่ยแล้ว ฮ่องเต้ก็มีราชโองการยกเลิกงานสมรสเช่นกัน ลูกจักคิดว่าเรื่องนี้มิเคยเกิดขึ้นมาก่อน”

อันหลิงอีกล่าวพลางจ้องพื้นตรงเบื้องหน้าด้วยแววตาดุดันราวกับอันหลิงเกอมายืนอยู่ตรงหน้าและโดนนางฉีกเนื้อออกเป็นชิ้น ๆ

หลี่ซื่อเห็นเยี่ยงนั้นก็ส่งสายตาให้สาวใช้ เถ่าหงจึงถอยออกไป ผ่านไปมินานนางก็ยกชาถ้วยใหม่เข้ามา

อันหลิงอียังบ่นมิหยุด ใบหน้าค่อนข้างขุ่นเคือง “วันนี้ลูกเห็นแม่ทัพน้อยลู่ทั้งกล้าหาญ รูปงาม รูปลักษณ์มิธรรมดา แต่แล้วก็โดนนังคนชั้นต่ำอันหลิงเกอยั่วยวนไปอีก เขามิเห็นการมีอยู่ของลูกแม้แต่น้อยเจ้าค่ะ”

หลี่ซื่อให้เถ่าหงรินชาให้ จากนั้นก็กล่าวอย่างมิกังวล “เจ้าจักร้อนใจไปเพื่อเหตุใด เดิมทีวันนี้พวกเราต้องได้กำจัดอันหลิงเกอ แต่เจ้ามิโกรธที่แผนล้มเหลวด้วยซ้ำ เจ้ากลับโมโหเพราะเรื่องแค่นี้หรือ ? ”

หลี่ซื่อคาดมิถึงว่าอันหลิงเกอดวงแข็งถึงเพียงนี้ มิง่ายเลยที่จักกำจัดอันหลิงเกอ นางจึงลงทุนซื้อตัวโจรภูเขาเยี่ยงนี้

“ท่านแม่ ! ” อันหลิงอีกรีดร้อง “กว่าลูกจักพบคนถูกใจมิใช่เรื่องง่ายนะเจ้าคะ ทว่าต้องโดนจิ้งจอกอันหลิงเกอคาบไปต่อหน้าต่อตา แล้วมิให้ลูกโกรธได้เยี่ยงไร ? ”

“วันนี้เจ้าก็เพิ่งพบหน้าแม่ทัพน้อยลู่เป็นครั้งแรก เหตุใดจึงรู้ว่าโดนอันหลิงเกอแย่งไปเล่า ? ”

หลี่ซื่อมิได้เก็บคำของอันหลิงอีมาใส่ใจ แต่อันหลิงอีได้ฟังคำถามจากมารดาก็รู้สึกโกรธกว่าเดิม นางรีบเล่าเรื่องราวที่ลู่จ้านแอบมองอันหลิงเกอให้หลี่ซื่อฟังทันที

“แม่ก็คิดว่าเรื่องใหญ่อันใด” หลี่ซื่อฟังจบก็คลี่ยิ้มและมองอันหลิงอีด้วยแววตาจนปัญญา “แม่ทัพน้อยลู่ก็แค่มองอันหลิงเกอครั้งเดียว เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว”

อันหลิงอีเม้มปาก ดวงตายังมืดมน “แต่ตอนนั้นท่านพ่อกำลังหยั่งเชิงแม่ทัพลู่ว่าบุตรชายมีสัญญาหมั้นหมายหรือไม่ ในตอนนั้นแม่ทัพน้อยลู่ก็มองอันหลิงเกอราวกับกลัวว่านางเข้าใจผิดเจ้าค่ะท่านแม่”

นางมั่นใจว่ามิได้มองผิด ตอนนั้นลู่จ้านมองอันหลิงเกออย่างประหม่า พอเห็นอันหลิงเกอมิมองตอบ เขาก็เก็บสายตาด้วยความผิดหวัง

ถ้ามินับว่าคิดอันใดกับอันหลิงเกอ แล้วแบบใดจึงเรียกว่าลู่จ้านชื่นชอบอันหลิงเกอเล่า ?

“เจ้าน่ะผ่านโลกมาน้อย” หลี่ซื่อกล่าวพร้อมถอนหายใจ “แม่มิแปลกใจเลยว่าเหตุใดอันหลิงเกอจึงกดหัวเจ้าได้ทุกทีเยี่ยงนี้”

“ท่านแม่หมายความว่าเยี่ยงไรเจ้าคะ ? ” อันหลิงอีเหมือนโดนเหยียบหาง ใบหน้าเปื้อนไปด้วยความโกรธ “แม้แต่ท่านก็คิดว่าลูกสู้นังคนชั้นต่ำเยี่ยงอันหลิงเกอมิได้หรือเจ้าคะ ? ”

นางเป็นบุตรสาวที่รักของหลี่ซื่อมาโดยตลอด แต่ตอนนี้ถูกหลี่ซื่อต่อว่าจึงมิอาจทนได้

หลี่ซื่อเห็นท่าทางของอันหลิงอีก็ตีมือของนางเบา ๆ แล้วกล่าวปลอบโยนว่า “อีเอ๋อของแม่จักด้อยกว่าอันหลิงเกอได้เยี่ยงไร ? แต่อันหลิงเกอเจ้าเล่ห์และระแวดระวังไปหมดทุกอย่าง อีกทั้งเจ้ายังมีนิสัยวู่วามจึงโดนนางแว้งกัดครั้งแล้วครั้งเล่า”

“เจ้าลองคิดให้ดี เดิมทีวันนี้พวกเรามีโอกาสสังหารนางแล้ว สุดท้ายมันหนีรอดไปได้ เรื่องนี้เพราะเหตุใด ? ”

อันหลิงอีขมวดคิ้วพร้อมครุ่นคิดสิ่งที่มารดากล่าว “ก็มิได้เป็นเพราะแม่ทัพน้อยลู่ปรากฎตัวหรือเจ้าคะ”

หากเรื่องมิได้เป็นเยี่ยงนี้ เมื่อรอให้โจรภูเขาสังหารอันหลิงเกอเสร็จแล้วนางก็ค่อยแกล้งทำเป็นยื้อขอชีวิตท่านพ่ออีกสักหน่อย ต่อจากนั้นมินานพวกทหารลาดตระเวนก็ต้องปรากฎตัวอย่างแน่นอน

พอโจรภูเขาหนีไป นางก็จักมีชื่อเสียงว่ากล้าหาญ แม้แต่ท่านพ่อก็มองนางใหม่และลืมเรื่องที่นางเคยวางแผนทำร้ายอันหลิงเกอก่อนหน้านี้จนสิ้น

พอถึงเวลานั้นอันหลิงเกอก็ตายไปแล้ว ส่วนนางก็ได้กลับมาเป็นลูกรักของท่านพ่ออีกครั้งและยังมีตำแหน่งสำคัญในจวนดังเดิม

ส่วนอันหลิงเฉว่เมื่ออยู่ต่อหน้านางก็มีฐานะเพียงบุตรีบ้านสามเท่านั้น

ทว่าแม่ทัพน้อยลู่ปรากฎตัวผิดเวลา บังเอิญมาช่วยชีวิตอันหลิงเกอได้พอดี มันถึงได้ทำตัวหยิ่งผยองต่อไปได้

บางทีแม่ทัพน้อยลู่อาจหลงใบหน้าที่งดงามของอันหลิงเกอตั้งแต่ตอนนั้นก็ได้

หลี่ซื่อส่ายหน้าเมื่อได้ฟังคำกล่าวของอันหลิงอี แววตายังแฝงไปด้วยความผิดหวัง “มิใช่ ก่อนที่แม่ทัพน้อยลู่ปรากฎตัว โจรภูเขาพวกนั้นพุ่งไปหานางแล้ว แต่นางก็ยิงธนูออกมาเสียก่อน อีกทั้งลูกธนูยังทำหัวหน้าโจรภูเขาบาดเจ็บ นี่ต่างหากทำให้พวกโจรเกิดความกลัวขึ้นมาและหยุดมือชั่วขณะ จนแม่ทัพน้อยลู่มาช่วยอันหลิงเกอได้ทัน”

หากอันหลิงเกอยิงธนูมิเป็น หรือฝีมือการยิงธนูมิได้ร้ายกาจถึงเพียงนั้น โจรภูเขาก็คงมิหวาดกลัวแล้วหยุดลงมือกับนางและยิ่งมิปล่อยให้นางมีชีวิตรอดไปได้

เมื่อฟังเยี่ยงนั้นอันหลิงอีก็เริ่มเข้าใจ “แต่อันหลิงเกอยิงธนูได้ดีถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไรเจ้าคะ ? ”

แม้ที่สำนักศึกษาจิงตูมีการทดสอบศาสตร์ทั้งหก ทว่าการขี่ม้ายิงธนูพวกนี้เป็นเรื่องยากสำหรับสตรี อาจารย์จึงผ่อนปรนข้อกำหนดนี้ ขอแค่ทำท่าทางให้สอบผ่านได้ก็พอ ดังนั้นจักมีสตรีคนใดยอมฝึกยิงธนูอย่างจริงจังอีกเล่า ?

หลี่ซื่อก็ทำท่าทางสงสัยเช่นกัน “นี่คือสิ่งที่แม่ต้องการบอกเจ้าว่าอันหลิงเกอเจ้าเล่ห์และระแวงระวังเกินไปไงเล่า”

ดวงตาของหลี่ซื่อสั่นไหวแล้วเริ่มเล่าสิ่งที่สงสัยให้อันหลิงอีฟัง “ตอนนั้นแม่ส่งคนไปวางยาสะใภ้หวัง คิดเอาเรื่องนี้มาใส่ร้ายอันหลิงเกอ แต่นางรู้วิชาแพทย์ มิเพียงมิตกหลุมพราง ทว่ายังได้ใจสะใภ้หวังอีกด้วย ตอนนี้แม่ซื้อตัวโจรภูเขาให้สังหารนางก็ได้รู้ว่านางยิงธนูอย่างยอดเยี่ยมอีก ในระหว่างที่พวกเรามิรู้ตัว อันหลิงเกอก็ได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างเพื่อระวังพวกเราแล้ว”

ตอนที่ฮูหยินใหญ่อันเสียชีวิต อันหลิงเกออายุมิกี่ขวบเท่านั้นจึงมิทราบสาเหตุแท้จริง

เพื่อสร้างภาพใจดีมีเมตตา หลี่ซื่อจึงเก็บอันหลิงเกอเอาไว้ อีกทั้งยังแอบยั่วยุและขัดขวางมิให้อันหลิงเกอได้รับการเล่าเรียนในศาสตร์ใด เพราะอยากทำให้อีกฝ่ายเป็นเพียงสตรีไร้ความสามารถ

ดังนั้นนางจึงคิดว่าอันหลิงเกอมิเคยเรียนทักษะใดมาก่อน แต่อีกฝ่ายก็แอบไปเรียนลับหลังอย่างแน่นอน จุดประสงค์ก็เพื่อป้องกันตัวและรับมือกับพวกนาง

อันหลิงอีได้ฟังสิ่งที่หลี่ซื่อเล่าก็หวนนึกถึงในตอนนั้นที่นางส่งคนไปป้ายยาใส่ม้าจนทำให้อันหลิงเกอเกือบตกหน้าผา บางทีอาจเป็นเพราะเรื่องนี้อันหลิงเกอจึงเกิดความระแวงและคิดอยากเรียนวิชาแพทย์กับการยิงธนูขึ้นมา

ทว่าสองสิ่งนี้มิใช่เรื่องที่จักเรียนรู้กันโดยง่าย ตั้งแต่บัดนั้นจนถึงตอนนี้ก็ผ่านไปแค่หนึ่งเดือนกว่าเท่านั้น หรืออันหลิงเกอฉลาดหลักแหลมเสียจนภายในระยะเวลาสั้น ๆ ก็สามารถเรียนสองสิ่งนี้จนเก่งกาจแล้ว ?