ตอนที่ 361 เธอเปลี่ยนกำแพงเหรอ? / ตอนที่ 362 ส่งเผยอวี้เฉิงเข้าถ้ำเสือ?

ลืมรักเลือนใจ

ตอนที่ 361 เธอเปลี่ยนกำแพงเหรอ?

วังจิ่งหยางชะงักไปครู่หนึ่งแล้วประคองสติตัวเองกลับมาในไม่กี่วินาที มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้นเล็กน้อย “ชิ ผู้หญิงช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใจง่ายจริงๆ ! ก่อนหน้านั้นเธอยังพูดอยู่ว่าจะเป็นแฟนคลับเผยหนานซวี่ตลอดไปไม่ใช่เหรอ? จะไม่ยอมปีนกำแพง[1] ไม่ใช่เหรอ? ทำไมล่ะ ตอนนี้เปลี่ยนกำแพงแล้วสินะ?”

วังจิ่งหยางยังคิดว่าเป็นเรื่องเล่นๆ อยู่ คิดว่าหลินเยียนแค่เปลี่ยนใจไปชอบไอดอลอีกคนหนึ่งแค่นั้น

เพราะยังไงเขาสองคนอยู่กันใกล้ขนาดนี้ ปกติหลินเยียนทำอะไรบ้างเขารู้หมด เป็นไปได้ไงจะไปมีแฟนข้ามหน้าข้ามตาทั้งๆ ที่เขาไม่รู้เรื่องเลย?

อีกอย่างเขารู้จักกับหลินเยียนมานานขนาดนี้ จะไม่เข้าใจเธอเหรอ?

ถ้าเป็นการตัดสินใจของเธอ ก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง

ก่อนหน้านั้นเธอเคยบอกว่าจะปล่อยวางทุกอย่างตั้งใจทำงาน ไม่มีทางไปคบหาดูใจกับใครในเวลาแบบนี้ อีกอย่างก็เพิ่งจะอกแตกตายจากหันอี้เซวียนมา จู่ๆ คงไม่คบหาใครในเวลาสั้นๆ แบบนี้หรอกมั้ง

แถมผู้ชายคนนั้นยังเป็นคนที่ไม่มีทางมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเธออีกด้วย…

หลินเยียน “…”

หลินเยียนเผยสีหน้าลำบากใจและอึดอัด ทำไมเดี๋ยวนี้พูดความจริงแต่ไม่มีใครเชื่อเลย?

หลินเยียนพูดขึ้น “ไม่ได้เปลี่ยนกำแพง! แฟนเปลี่ยนได้! แต่กำแพงเปลี่ยนไม่ได้! ฉันมีแฟนจริงๆ ทำไมนายไม่ยอมเชื่อฉันล่ะ?”

วังจิ่งหยางโต้กลับ “เชื่อก็บ้าแล้ว”

หลินเยียน “…”

ก็ใช่น่ะสิ เธอบ้าไปแล้ว ก็เลยมีแฟนคนนี้แบบฟลุ๊คๆ

“เธอจะให้ฉันเชื่อว่าประธานเจเอ็ม คอร์เปอเรชั่น เป็นคนตาบอดที่สมองมีปัญหาเหรอ? เธอคิดว่าเป็นไปได้ไหมล่ะ?” วังจิ่งหยางเหลือบมองเธอแล้วพูดขึ้น

หลินเยียนหรี่ตา “นาย…ลองพูดอีกทีซิ!”

วังจิ่งหยางสันหลังเย็นวาบ ถอยหลังไปหลายก้าวแล้วเอ่ยปากขึ้น “ฉันหมายความว่า…เธอเป็นคนมีอินเนอร์…คนทั่วไปเขามองกันไม่เห็นหรอก เห็นแค่ผิวเผินเท่านั้น…นอกจากฉันที่มีอินเนอร์เหมือนกันถึงจะเข้าใจเธอน่ะ…”

วังจิ่งหยางพึมพำ

หลินเยียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ขี้เกียจจะอธิบายอะไรต่อแล้ว

ที่เธอไม่ได้บอกวังจิ่งหยางก็เพราะว่าเธอเดาไว้แล้วจะเกิดอะไรขึ้น

อย่าว่าแต่วังจิ่งหยางจะไม่เชื่อ ต่อให้เป็นเธอเอง เธอก็คงไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน

เพราะยังไงสิ่งที่ควรพูดเธอก็พูดออกมาหมดแล้ว ถึงเวลาวังจิ่งหยางอย่ามาหาว่าเธอไม่สนใจมิตรภาพ ตั้งแต่แอบเขาไว้ก็แล้วกัน…

“อ้อ เมื่อกี้เธอบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับฉัน เรื่องอะไรเหรอ?” วังจิ่งหยางถามขึ้น

หลินเยียน “ฉันจะบอกว่าฉันจะย้ายบ้านแล้วนะ ย้ายไปอยู่กับแฟนฉันน่ะ”

วังจิ่งหยาง “ตื่นก่อนเพื่อนสาว! เธอตามดาราจนบ๊องไปแล้วเหรอ?”

หลินเยียน “…” นายสิบ๊อง!

“เอาเป็นว่าฉันเตรียมตัวจะย้ายออกแล้ว” หลินเยียนพูดตรงๆ

วังจิ่งหยางตะลึงไปเล็กน้อย ขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น “เธอจะย้ายไปไหน? ห้องนี้ก็เพิ่งจะเช่าได้ไม่กี่เดือนเองไม่ใช่เหรอ?”

หลินเยียนหยุดคิดไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น “ในเมื่อนายไม่เชื่อว่าฉันจะย้ายไปที่บ้านแฟนฉัน ก็เข้าใจว่าฉันจะย้ายไปอยู่หอพักของบริษัทก็แล้วกัน”

อื้ม เผยอวี้เฉิงเป็นบอสของเธอ พูดว่าเป็นหอพักบริษัทก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะ

“ทำยอดห่วยๆ แบบเธอเนี่ย บริษัทไม่เฉดหัวเธอออกไปก็บุญแล้ว ยังจะให้เธอนอนหอพักอีกเหรอ?” วังจิ่งหยางเผยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ

หลินเยียนทำเสียงไม่แยแส “ฉันย้ายบริษัทไม่ได้หรือไง? บริษัทใหม่เตรียมคฤหาสน์หลังใหญ่โตให้ฉันด้วยล่ะ!”

วังจิ่งหยางฟังน้ำเสียงหลินเยียนแล้ว เหมือนเป็นเรื่องจริงที่เธอจะย้ายออก เขาทำหน้าบึ้งเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น “ขอเตือนหน่อยนะ อย่าลืมว่าเธอจ่ายค่าเช่าเป็นรายปี ถ้าจะยกเลิกสัญญาเช่าตอนนี้ เขาไม่คืนค่าเช่าให้หรอกนะ!”

หลินเยียนได้ยินแล้วชะงักไปครู่หนึ่ง รู้สึกเจ็บปวดที่หน้าอกขึ้นมา “ไม่หรอกมั้ง…”

[1] ปีนกำแพง หมายถึง แฟนคลับที่มีไอดอลเมนหลักในดวงใจอยู่แล้ว แต่ดันเปลี่ยนใจไปชอบไอดอลอีกคน

ตอนที่ 362 ส่งเผยอวี้เฉิงเข้าถ้ำเสือ?

หลินเยียนเพิ่งจะนึกขึ้นได้ เหมือนจะมีเงื่อนไขแบบที่ว่าในสัญญาจริงด้วย

ถ้ายกเลิกสัญญาจะไม่คืนเงินค่าเช่าให้ อีกทั้งห้ามปล่อยเช่าต่ออีกด้วย

วังจิ่งหยางมองดูสีหน้าเจ็บใจของหลินเยียนอย่างพึงพอใจ กระแอมเบาๆ แล้วพูดขึ้น “ยังไงเธอก็จ่ายเงินไปแล้ว ก็รอให้ระยะเช่าหมดแล้วค่อยไปอยู่ที่หอพักบริษัทสิ!”

เธอรับปากเผยอวี้เฉิงไปแล้วน่ะสิ ถึงตอนนี้แล้วจะกลับตัวก็ไม่ทันแล้ว

สุดท้ายหลินเยียนได้แต่กัดฟัน “ไม่คืนก็ไม่ต้องคืน! ก็แค่ปล่อยห้องไว้แบบนี้แหละ!”

วังจิ่งหยางได้ยินเช่นนั้นถึงกับช็อกคาที่ เพราะเขารู้ดีว่าหลินเยียนเป็นคนขี้เหนียวขนาดไหน

ไม่คิดว่าขนาดไม่คืนค่าเช่าให้ เธอก็ยังดึงดันจะไป

“เธอย้ายไปบริษัทอะไรเนี่ย? ยอมเสียสละขนาดนี้เชียว!” ตอนแรกวังจิ่งหยางคิดว่าต่อให้หลินเยียนย้ายบริษัทก็คงจะเป็นบริษัทโมเดลลิ่งง่อยๆ แต่ตอนนี้เริ่มสงสัยแล้วล่ะ

“ตอนนี้ยังไม่เซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการเลย รอฉันไปคุยกับพี่หลิงพรุ่งนี้ ยืนยันแล้วค่อยมาบอกนายอีกทีนะ!” หลินเยียนพูดส่งๆ ไป

ถ้าเธอบอกว่าตัวเองได้เข้าไปในพินนาเคิล เอนเตอร์เทนเมนต์ วังจิ่งหยางต้องไม่เชื่ออีก เดี๋ยวก็มาถามอะไรอีกเยอะแยะ

หลังจากกลับมาที่อพาร์ตเมนต์แล้ว หลินเยียนเริ่มจัดของของตัวเอง

ของเธอมีไม่เยอะ แค่กระเป๋าเดินทางหนึ่งใบกับถุงกระสอบอีกสักใบก็ใส่หมดแล้ว เก็บหมดเรียบร้อยพรุ่งนี้ก็ย้ายออกได้เลย

หลินเยียนเดินดูรอบหนึ่งว่ามีอะไรตกหล่นอีกไหม

อ้อใช่ เกือบลืมของสำคัญไว้แล้วสิ!

หลินเยียนค้นดูใต้หมอนแล้วเจอกระเทียมลูกหนึ่ง กระจกแปดเหลี่ยมบานหนึ่ง แล้วก็กระดาษยันต์อีกหลายใบ

ครั้งที่แล้วซื้อกลับมาเยอะ แต่วังจิ่งหยางบอกเธอว่าเธอเป็นคนขอให้วังจิ่งหยางเอาไปทิ้งเอง

หลังจากนั้นเธอก็ซื้อมาเก็บไว้ใต้หมอนอีกไม่น้อย

ถึงแม้ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีประโยชน์อะไร…

ฉากสุดท้ายที่เธอแสดงกับเผยหนานซวี่ในวันปิดกอง เห็นได้ว่าเธอไม่ได้เป็นคนทำมันสำเร็จด้วยตัวเองชัดๆ

แต่ว่าครั้งนั้นก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร อีกทั้งยังช่วยเธอไว้ได้อีกเยอะด้วย!

หรือจะเป็นเพราะว่าจีบเผยอวี้เฉิงได้ตามที่หวังเอาไว้?

พอคิดมาถึงตรงนี้ จู่ๆ หลินเยียนก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ตอนแรกเธอยังกังวลว่าตอนที่เธอไม่มีสติ จิตใต้สำนึกอีกอย่างของเธอจะทำอะไรกับศิลปินชายคนอื่น แต่สุดท้ายแล้วเหมือนเธอเคยแต่ทำเรื่องที่อธิบายไม่ได้กับเผยอวี้เฉิงคนเดียว

ซึ่งหมายความว่าเป้าหมายสุดท้ายของจิตใต้สำนึกอีกอย่างในร่างกายเธอมีเพียงเผยอวี้เฉิงเท่านั้นเหรอ?

แม่จ๋า!

ถ้างั้นตอนนี้เธอจะไปอยู่กินกับเผยอวี้เฉิง ก็ถือว่าส่งเผยอวี้เฉิงเข้าถ้ำเสือด้วยมือตัวเองน่ะสิ!

สีหน้าหลินเยียนขาวซีดทั้งที่ในมือยังกำกระเทียมไว้อยู่

ไม่ได้การแล้ว เธอต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อปกป้องเผยอวี้เฉิงไว้ให้ดี จะให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด!

……

วันต่อมา หลินเยียนไปที่ฉี่ซิง เอนเตอร์เทนเมนต์ เตรียมตัวจะคุยเรื่องตารางงานต่อไปกับจ้าวหงหลิงแล้วก็คุยเรื่องเซ็นสัญญากับพินนาเคิล เอนเตอร์เทนเมนต์ไปด้วย

พอมาถึงบริษัท เพิ่งจะเดินไปถึงหน้าออฟฟิศของจ้าวหงหลิง ก็เห็นมีผู้คนมากมายที่อยู่ล้อมรอบซุบซิบกันอยู่

อีกทั้งยังมีพนักงานจำนวนไม่น้อยกำลังขนของเข้าๆ ออกๆ อยู่อย่างขะมักเขม้น

หลินเยียนชำเลืองมองแล้วพบว่าของที่พวกเขากำลังขนออกมาข้างนอกล้วนเป็นสิ่งของของจ้าวหงหลิง

จ้าวหงหลิงยืนอยู่ข้างๆ อย่างทำอะไรไม่ได้ ส่วนตัวตัวกำลังห้ามคนเหล่านั้นอย่างรีบร้อน

“พอได้แล้ว! เลิกขนของได้แล้ว! ผู้จัดการเกา! คุณหมายความว่ายังไงเนี่ย คุณมีสิทธิ์อะไรมายึดออฟฟิศของพี่หลิงได้?”

ชายวัยกลางคนที่แต่งตัวเนี้ยบนั่งอยู่ในที่ที่ก่อนหน้านี้เป็นของจ้าวหงหลิงด้วยท่าทางได้ใจ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “หมายความว่าไงน่ะเหรอ? เธอว่าหมายความว่าไงล่ะ? ทำยอดไม่ได้ก็ต้องออกไปจากตำแหน่งโปรดิวเซอร์สิ! ออฟฟิศนี้มีไว้ให้คนที่มีความสามารถไงล่ะ!”