อวี๋หมิงหลางเอามือขยี้หัวเธอเล่นแล้วตอบอย่างจริงจัง “มีผมอยู่ คุณกับลูกไม่มีทางเจอเรื่องแบบนี้ คุณพูดถึงแค่งานที่แม่ต้องรับผิดชอบในครอบครัว แต่กลับไม่ได้พูดถึงพ่อก็มีหน้าที่ที่ต้องปกป้องสมาชิกทุกคนในครอบครัว คุณปกป้องลูกเต็มที่ ผมก็ปกป้องพวกคุณอย่างเต็มที่ ทุกอย่างจะต้องดี”
“ไม่มีทางทำได้100% ก็เหมือนกับกฎหมายที่ยังมีช่องโหว่ให้พวกจิตวิปริตอยู่เสมอ ฉันอยากรู้ว่านายคิดยังไง”
“ผมเป็นทหาร แต่ผมก็เป็นผู้ชาย บ้านไม่สงบแล้วจะปกป้องประเทศได้ยังไง! ยามที่กฎหมายไม่อาจทำให้บ้านเมืองสงบสุขได้ก็จะเกิดปัญหาตามมา แต่ก็ไม่มีประเทศไหนในโลกที่ที่มีความสงบเรียบร้อยอย่างแท้จริง ดังนั้นผมถึงได้เลือกเป็นทหาร ใช้อีกรูปแบบหนึ่งปกป้องความสงบสุข ผมชื่นชมที่คนในครอบครัวผมทำเรื่องที่ปกป้องความสงบสุขโดยอยู่ภายใต้กฎกติกา เพราะคนบางคนหน้าไม่อายทำผิดได้หน้าตาเฉย การรับมือกับคนพวกนี้ก็ต้องแรงมาแรงกลับ”
ง่ายๆแบบนี้แหละ
เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกว่าคำพูดของเขาทำให้ใจเธอเต้นแรง อยู่ๆก็ถูกเขาสะกด
สายตาของทั้งสองคนประสานกัน จากนั้นบรรยากาศก็หวานขึ้นมาทันตา
ฉิวฉิวกับอวี๋หลิวเหมยถึงกับงง
อิหยังวะ?
นี่เรากำลังพูดเรื่องคนชั่วเดรัจฉานอยู่ไม่ใช่เหรอ?
ทำไมคุยไปคุยมากลายเป็นซีนฆ่าคนโสดเฉย?
ตกลงมันอะไรกันหว่า พูดเรื่องเครียดๆอยู่ดีๆก็กลายเป็นโหมดซึ้ง
คนโสดถูกโจมตี รู้สึกว่าระหว่างเสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางเกิดความหวานอย่างยากที่จะเข้าใจ การโชว์หวานปกติก็มักไม่เลือกเวลาและสถานที่ บทจะหวานก็หวาน
ทั้งสองคนแลกเปลี่ยนความรู้สึกผ่านทางสายตา คุยกันด้วยภาษาใจ
นี่คือความรู้ใจกันระหว่างคนฉลาดสองคน อวี๋หมิงหลางไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น แต่สิ่งที่เขาทำเสี่ยวเชี่ยนเข้าใจ
แต่สองคนที่อยู่ข้างๆไม่อาจเข้าใจปริศนาเกมใบ้ของทั้งสองคน
หลิวเหมยทำปากจู๋อย่างเซ็งๆ
“ฉันละอยากให้ฟ้าผ่าลงมาจริงๆ เอาให้ไอ้คนชั่วนั่นตายไปเลย สวรรค์ลงโทษตั้งเยอะแยะ ทำไมไม่ถึงคิวมันสักที?”
หนังสือที่ให้แง่คิดกับนิยายต่างๆมักเขียนว่า เมื่อเจอกับคนเลวที่สวรรค์ไม่ลงโทษ คนที่เห็นก็จะหวังให้ฟ้าผ่าคนพวกนั้นตาย แต่น่าเสียดายที่ปีๆหนึ่งมีฟ้าผ่าคนตายตั้งมากมาย แต่กลับผ่าไม่ถูกคนเลว
“ไม่แน่สักวันสิ่งที่เธอหวังอาจเป็นจริงก็ได้นะ” เสี่ยวเชี่ยนพูดจบก็รู้สึกได้ถึงแววตาของอวี๋หมิงหลางที่มองมาอย่างมีเลศนัย เธอผายมือออก
“สวรรค์ทำนะ ไม่เกี่ยวกับฉัน”
ก็ได้ เธอชนะ
เย็นวันนั้นเสี่ยวเชี่ยนกัดหมอนเพื่อไม่ให้เสียง18+เล็ดลอดออกไป ถึงที่บ้านจะมีการบุผนังเก็บเสียงอย่างดี แต่อีกด้านของกำแพงยังมีหลิวเหมยกับเวยเวยอยู่นะ
แต่คนบ้าที่เล่นกิจกรรมเข้าจังหวะกับเธออยู่นั้นกลับไม่สงสารเธอเลยสักนิด กว่าจะได้กลับบ้านสักครั้งไม่ใช่ง่ายๆ ถ้าไม่ทำภารกิจให้สำเร็จก็จะรู้สึกผิดต่อเวลาวันหยุดอันมีค่าสิ
หลังจากที่แท่งจรวดพุ่งเข้าไปจุดพลุให้เบิกบานในใจเธอแล้ว ลมหายใจของเธอก็เร่าร้อนถี่เร็วมากยิ่งขึ้น ตกอยู่ในท่วงทำนองแห่งรัก เธอลืมตามองเขาที่กำลังพยายามทำขั้นสุดท้าย ท่าทางไม่เหมือนกับตอนปกติ กล้ามแขนของเขาเป็นมัดๆอย่างชัดเจน เม็ดเหงื่อผุดขึ้นชวนให้หลงใหล เธอชอบมองสีหน้าบิดเบี้ยวของเขายามที่ใกล้ถึงจุดสุดยอด คล้ายกับเจ็บปวดแต่ก็ไม่เจ็บปวด มันคือความรู้สึกจริงที่แสดงออกมาอย่างมีความสุข ทุกครั้งที่เห็นในใจจะเกิดความพึงพอใจชนิดที่บรรยายไม่ถูก
คล้ายกับรู้สึกได้ว่าเธอกำลังจ้องเขาอยู่ เขาจึงลืมตามองเธอด้วยความรัก “ ‘สวรรค์’ของพี่ กอดพี่ให้แน่นๆนะจ๊ะ พี่จะพาเธอลอย ล่องไปในอวกาศ~”
ช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ เธออยากดื่มด่ำกับภาพลักษณ์ของเทพบุตรมากกว่า แต่พอได้ยินคำเปรียบเทียบของเขา เธอก็รู้สึกอยากขำ ซึ่งในความเป็นจริงก็ขำออกมาแล้ว
เมื่อตอนกลางวันเธอพูดว่าถ้าสัตว์เดรัจฉานถูกสวรรค์ลงโทษก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่า ช่วงเวลาแบบนี้สมควรเรียกเธอว่า ‘สวรรค์’
จังหวะรักแบบนี้ก็เหมือนความรักของหนุ่มสาวที่ไม่เปลี่ยนไป พอปิดประตูแล้วจะมีความสุขอย่างไรก็ได้ แต่คนนอกไม่มีทางเข้าใจว่าความสุขมันอยู่ตรงไหน
“ยังจะหัวเราะ ดูท่าพี่ชายจะยังพยายามไม่มากพอ!” เขาลงโทษเธอด้วยการออกแรงอีก ตามด้วยประกบปากน้อยๆของเธอ เพื่อไม่ให้เด็กน้อยสองคนที่อยู่ห้องข้างๆได้ยินเสียง ช่วงเวลาแห่งความสุข คนนอกห้ามรบกวน!
วันต่อมาอวี๋หมิงหลางก็กลับไปทำงาน เสี่ยวเชี่ยนนอนหลับอย่างมีความสุข
เดิมหลิวเหมยก็กำลังนอนอยู่ แต่อยู่ๆเวยเวยที่นอนห้องเดียวกันก็กรีดร้องขึ้นมา หลิวเหมยตื่นขึ้นมารีบเขย่าตัวเธอ ปลอบอยู่นานเวยเวยที่ตื่นเพราะฝันร้ายถึงหลับไปอีกครั้ง
พอได้ยินเสียงเสี่ยวเชี่ยนก็เข้ามาในห้อง ดูออกเลยว่าเธอก็ตกใจเสียงร้องจนตื่นขึ้น
หลิวเหมยเรียกเสี่ยวเชี่ยนไปข้างนอก เธอถอนหายใจ
“พี่สะใภ้ อาการเวยเวยเป็นอย่างนี้ทำไงดีล่ะคะ เขาจะฝันร้ายไปตลอดเลยเหรอ?”
ไม่ใช่ว่ารำคาญแต่อย่าง แต่เห็นแล้วสงสารเด็กคนนี้ ถึงจะดีขึ้นมากเพราะได้เสี่ยวเชี่ยนรักษา แต่ฝันร้ายบ่อย วันๆเหมือนลูกนกที่หวาดกลัว เห็นแล้วปวดใจ
“ถึงเทคนิคเก้าอี้ว่างเปล่าจะช่วยให้เขาบรรเทาความกลัวได้ส่วนหนึ่ง แต่ถ้าอยากจะให้บาดแผลทุเลาลงต่ำสุดมีเพียงวิธีเดียว”
“วิธีอะไรเหรอ?”
“ให้สัตว์เดรัจฉานตัวนั้นพูดขอโทษเวยเวยด้วยตัวเอง”
นี่คือวิธีที่ดีที่สุดที่จะเยียวยาบาดแผลของเหยื่อที่เคราะห์ร้าย
“มันเป็นไปไม่ได้เลยนะ!” หลิวเหมยหมดหวัง
ให้สัตว์เดรัจฉานตัวนั้นมาขอโทษเวยเวยเนี่ยนะ?
แค่คิดดูก็รู้ว่าระดับความยากเยอะแค่ไหน
หลังจากที่ไอ้คนชั่วนั่นถูกปล่อยออกมาชั่วคราวเรื่องราวก็เหมือนกับที่เสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางคิด คดีคืบหน้าไปในทางที่เป็นประโยชน์กับฝ่ายนั้น
คนชั่วนั่นอาศัยเส้นสายทั้งหมดที่มีคิดจะทำให้เรื่องใหญ่เป็นเรื่องเล็ก ตอนนี้คือต้องการให้บทลงโทษของการทารุณกรรมเด็กรอลงอาญาต่อไป เมียของเขาก็เข้ากันได้ดีกับสามี ไม่เพียงแต่ใช้เส้นสายของตัวเอง อีกทั้งยังคิดใช้แรงกดดันจากคำวิพากษ์วิจารณ์ของสังคม สร้างภาพให้สามีตัวเองเป็นพ่อที่รักลูก ใส่ร้ายเวยเวย ทำให้ทุกคนคิดว่าเวยเวยเป็นเด็กวัยรุ่นที่อยู่ในช่วงต่อต้าน เป็นงูเนรคุณที่อยู่ในเรื่องชาวนากับงูเห่า ไม่ขอบคุณที่ครอบครัวเย่เลี้ยงดูมา อีกทั้งยังใส่ร้ายป้ายสี
และที่ร้ายกว่าก็คือ ถ้าเสี่ยวเชี่ยนไม่พบว่าสาเหตุโรคซึมเศร้าของเวยเวยมาจากเรื่องนี้ ความคิดชั่วๆของหลุ่ยจือกับเย่ต้าเชียนคงไปได้ไกลกว่านี้อีก
แม้แต่เย่เสียวอวี่ลูกสาวของสัตว์เดรัจฉานตัวนี้ยังไม่รู้ว่าพ่อตัวเองทำเรื่องเลวร้ายกับเวยเวย ก่อนหน้านี้ที่เย่เสียวอวี่ถูกเสี่ยวเชี่ยนสะกดจิตได้บอกว่าพ่อเธอดีกับเวยเวยมาก ขนาดคนในครอบครัวยังไม่รู้ แล้วนับประสาอะไรกับคนนอก?
ประธานเชี่ยนบอกแล้วว่า วิธีรักษาทางเดียวก็คือทำให้สัตว์เดรัจฉานตัวนั้นสำนึกผิดจากใจจริง ฟังดูเป็นเรื่องที่ยากมาก!
แต่ทำไมสีหน้าของประธานเชี่ยนเวลานี้ถึงได้ดูสงบนัก คล้ายกับว่าเรื่องที่ได้บ่มเพาะมานาน ในที่สุดก็ได้เวลาเก็บงานแล้ว?