ผนึกศักดิ์สิทธิ์

แปลโดย iPAT

 

ฟางหยวนสังเกตไห่ลั่วหลันอย่างถี่ถ้วน

 

ท่าทางของไห่ลั่วหลันเปลี่ยนไปมากหลังจากสวมหน้ากาก

 

ลักษณะของนางดูเหมือนเทพธิดาจันทร์ทมิฬที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์จริงๆ

 

‘วิญญาณทัศนคติไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสายตาแต่เป็นจิตใจของข้า ข้ายังมองเห็นไห่ลั่วหลันที่สวมหน้ากากแห่งทัศนคติ แต่จิตใจของข้ากลับบอกว่านางคืออีกคน ดูเหมือนนางจะเป็นเทพธิดาจันทร์ทมิฬจริงๆ ช่างบังเอิญนัก!’

 

ฟางหยวนมั่นใจเกี่ยวกับเรื่องนี้

 

ตามบันทึกในประวัติศาสตร์จากชีวิตก่อนหน้าของฟางหยวน ไห่ลั่วหลันประสบความสำเร็จในสงครามชิงตำแหน่งเจ้าเหนือหัวของภาคเหนือ หลังจากนั้นนางเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ

 

แต่ความจริงก็คือนางไม่ได้เสียชีวิต

 

นางเข้าร่วมกับนิกายคฤหาสน์วิญญาณของภาคกลางและกลายเป็นผู้นำคนใหม่ ต่อมานางยังนำกองกำลังผู้อมตะจากภาคกลางบุกโจมตีภาคเหนือและทำลายวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง

 

แต่ไห่ลั่วหลันเข้าสู่นิกายคฤหาสน์วิญญาณได้อย่างไร?

 

ฟางหยวนนึกถึงเจตจำนงของโม่เหยาทันที

 

ไห่ลั่วหลันเข้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์เมืองหลวงและพบกับเจตจำนงของโม่เหยา ภายใต้อิทธิพลของโม่เหยา ไห่ลั่วหลันจึงเข้าร่วมกับนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

 

ฟางหยวนไม่สามารถพิสูจน์เรื่องนี้ มันเป็นเพียงสัญชาตญาณของเขา

 

อย่างไรก็ตามในชีวิตนี้ด้วยการแทรกแซงของฟางหยวน สถานการณ์ทั้งหมดจึงเปลี่ยนแปลงไป

 

‘แม้ข้าจะอยู่ที่ภาคเหนือแต่การกระทำของข้ายังส่งผลกระทบถึงภาคกลาง ผลกระทบปีกผีเสื้อช่างรุนแรงนัก ตอนนี้ไห่ลั่วหลันไม่ได้ไปภาคกลาง แล้วผู้ใดจะเป็นผู้นำคนต่อไปของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ ใช่ฟงจินฮวงหรือไม่?’

 

ฟางหยวนรู้สึกว่าไห่ลั่วหลันไม่เกี่ยวข้องกับนิกายคฤหาสน์วิญญาณอีกต่อไป ดังนั้นคนที่มีแน้วโน้มมากที่สุดที่สามารถรับตำแหน่งผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณก็คือฟงจินฮวง

 

…..

 

“จ้าวเหลียนหยุน เจ้าจะเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นต่อไปเมื่อเจ้าได้รับมรดกนี้”

 

ยืนอยู่ด้านหน้าด่านรับสืบทอดมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ ผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณคนปัจจุบัน ซูเฮา กล่าว

 

จ้าวเหลียนหยุนมองประตูแสงขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าและกล่าวอย่างหนักแน่น “ข้าไม่สนว่าจะได้เป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณหรือไม่ ข้าเพียงต้องการช่วยท่านพี่หม่าหงหยุนอย่างรวดเร็วที่สุด!”

 

เทพธิดาหลี่จุนอิงที่ยืนอยู่ด้านข้างซูเฮาเผยรอยยิ้ม

 

นางยกมือขึ้นลูบพวงแก้มของจ้าวเหลียนหยุนเบาๆและกล่าว “น้องสาวตัวน้อยที่น่ารัก นี่คือมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ ตราบเท่าที่เจ้าสามารถครอบครองมัน เจ้าจะมีพลังอำนาจที่สามารถช่วยเหลือคนรักของเจ้า”

 

จ้าวเหลียนหยุนสงบจิตใจลง

 

นางเป็นปีศาจต่างโลก เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอีกต่อไป

 

จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ “ข้าเป็นมนุษย์ธรรมดา หากข้าได้รับมรดกนี้ มันจะทำให้ข้ากลายเป็นผู้อมตะทันทีหรือไม่?”

 

“อา…” ผู้อมตะหลี่จุนอิงไม่มีคำตอบสำหรับเรื่องนี้ ในความเป็นจริงนางไม่รู้ว่ามรดกของเทพปีศาจปล้นสรรค์คือสิ่งใด

 

นางมองซูเฮาก่อนกล่าว “แม้เจ้าจะไม่สามารถเป็นผู้อมตะทันทีโดยการรับมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ แต่เจ้าจะกลายเป็นผู้ท้าชิงคนสำคัญสำหรับตำแหน่งผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นต่อไป อย่าดูถูกตำแหน่งนี้ ตราบเท่าที่เจ้าประสบความสำเร็จในการรับสืบทอดมรดก เจ้าสามารถหยิบยืมพลังอำนาจของนิกายเพื่อช่วยคนรักของเจ้า นิกายคฤหาสน์วิญญาณเป็นหนึ่งในสิบนิกายใหญ่ของภาคกลาง พวกเรามีพลังอำนาจเพียงพอที่จะต่อสู้กับปีศาจอมตะเซี่ยหูและช่วยหม่าหงหยุน”

 

“ข้าเข้าใจแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้าก่อนจะก้าวเข้าไปในประตูแสงและหายตัวไป

 

“ท่านคิดว่านางจะประสบความสำเร็จหรือไม่?” หลี่จุนอิงถามด้วยควากังวล

 

ซูเฮาตอบด้วยความมั่นใจ “เราได้ยืนยันแล้วว่าจ้าวเหลียนหยุนเป็นปีศาจต่างโลก หากนางทำไม่ประสบความสำเร็จ แล้วผู้ใดจะสำเร็จ”

 

เขากล่าวต่อ “ข้ารู้เจ้ากังวลว่าการทดสอบจะยากลำบากทำให้จ้าวเหลียนหยุนไม่สามารถข้ามผ่านเพราะนางเป็นเพียงมนุษย์ แต่ข้าจะบอกเจ้า หลายปีมานี้งานวิจัยของข้ายืนยันแล้วว่าคุณสมบัติเดียวที่เทพปีศาจปล้นสวรรค์ต้องการคือปีศาจต่างโลก นางจะได้รับมรดกอย่างง่ายดายและไม่พบอันตรายใดๆทั้งสิ้น แต่ข้าไม่รู้ว่าอีกนานเท่าใดนางจึงจะสามารถเติบโตขึ้น”

 

หลี่จุนอิงรู้สึกผ่อนคลายคง “ข้าจะไม่แปลกใจเลยหากจ้าวเหลียนหยุนกลายเป็นผู้อมตะทันที หลังจากทั้งหมดมันเป็นมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์”

 

“ฮ่าฮ่า เปรียบเทียบกับการไต่เต้าสู่ขอบเขตอมตะของข้า มันช่างยากลำบาก ย้อนกลับไปหากข้ามีท่าไม้ตายอมตะสายเคลื่อนไหวที่ทรงพลัง ข้าจะไม่พ่ายแพ้ให้กับฟงจิวเก้อ” ซูเฮากำหมัดแน่นขณะกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ด้วยความรู้สึกเกลียดชัง

 

ไม่มีองค์กรใดที่ปราศจากความขัดแย้งภายใน นิกายคฤหาสน์วิญญาณก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

 

หลังจากการหายตัวไปของฟงจิวเก้อ เทพธิดาไป่ชิงถูกกดดันอย่างหนักโดยซูเฮาและหลี่จุนอิง

 

หลี่จุนอิงปลอบใจสามีของนาง “นิกายเหนือสวรรค์ส่งข่าวการเสียชีวิตของเทพธิดาโอวเซี่ยและเทพธิดาหลิงเหม่ยขณะที่ฟงจิวเก้อหายสาบสูญ เขาอาจตายไปแล้วเช่นกัน เหตุใดต้องสนใจคนตาย?”

 

ซูเฮากัดฟันกล่าว “ฮืม ในอดีตแทบทุกสิ่งที่เขากล่าวจะถูกดำเนินการทันที พวกเราถูกกดขี่มานานหลายปี ข้ายังถูกส่งตัวมาทำวิจัยเกี่ยวกับมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ นี่ไม่ต่างจากการปลดตำแหน่งของข้าทางอ้อม แต่มันก็ทำให้ข้าเข้าใจมรดกนี้มากที่สุดและสามารถดูแลจ้าวเหลียนหยุน”

 

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ปัจจุบันฟงจินฮวงเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งผู้นำนิกายอันดับต้นๆ แต่ตอนนี้จ้าวเหลียนหยุนจะกลายเป็นตัวแปรสำคัญ หากเราสนับสนุนนาง ไม่เพียงเราจะสามารถกำหราบไป่ชิงแต่มันยังสามารถฟื้นฟูอำนาจของพวกเรา”

 

จ้าวเหลียนหยุนกลายเป็นตัวหมากในการช่วงชิงอำนาจของซูเฮาและหลี่จุนอิง

 

ซูเฮากำลังจะกล่าวบางสิ่งแต่ดวงตาของเขากลับเบิกกว้างขึ้นอย่างกะทันหัน เขาอุทาน “หือ…นางออกมาแล้ว รวดเร็วนัก!”

 

ต่อหน้าผู้อมตะทั้งสอง ร่างของจ้าวเหลียนหยุนปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ

 

ซูเฮาเร่งถาม “ด่านรับสืบทอดมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์กำลังจะหายไป นี่หมายความว่านางประสบความสำเร็จ! ง่ายเกินไปหรือไม่?”

 

แม้ทั้งสองจะพอใจแต่พวกเขาก็รู้สึกอิจฉาในเวลาเดียวกัน

 

หลี่จุนอิงเดินเข้าไปต้อนรับจ้าวเหลียนหยุนขณะที่ฝ่ายหลังยังรู้สึกมึนงง

 

“เป็นอย่างไรบ้าง? เจ้าประสบความสำเร็จหรือไม่? แล้วเจ้าได้รับสิ่งใด?” หลี่จุนอิงคว้าไหล่ของจ้าวเหลียนหยุนและเร่งถาม

 

จ้าวเหลียนหยุนขมวดคิ้ว “ข้าไม่แน่ใจ เมื่อข้าเข้าไป เจตจำนงหนึ่งปรากฏขึ้นและบอกให้ข้ารับท่าไม้ตามอมตะระดับเก้า ผนึกศักดิ์สิทธิ์”

 

“ผนึกศักดิ์สิทธิ์!” ดวงตาของหลี่จุนอิงกับซูเฮาเบิกกว้างก่อนที่พวกเขาจะมองหน้ากัน

 

อย่างไรก็ตามจ้าวเหลียนหยุนกลับรู้สึกผิดหวัง “ข้าไม่ได้กลายเป็นผู้อมตะ แล้วข้าจะสามารถช่วยท่านพี่หม่าหงหยุนได้หรือไม่?”

 

ซูเฮาหัวเราะ “แน่นอน! ข้าไม่เคยคิดว่ามรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์จะเป็นสิ่งนี้ นี่เป็นโชคลาภครั้งใหญ่อย่างแท้จริง!”

 

“ท่าไม้ตายอมตะระดับเก้าผนึกศักดิ์สิทธิ์…” หลี่จุนอิงยังอ้าปากค้างเล็กน้อย “ในอดีตเทพปีศาจปล้นสวรรค์สร้างเส้นทางแห่งการโจมกรรมขึ้นมาและสามารถขโมยสมบัติจากผู้คนทั้งโลก ลือกันว่ามันเป็นเพราะท่าไม้ตายอมตะสายป้องกันทั้งสองของเขา หนึ่งคือผนึกศักดิ์สิทธิ์ และอีกหนึ่งคือผนึกภูตผี”

 

ดวงตาของจ้าวเหลียนหยุนเบิกกว้าง “ผนึกศักดิ์สิทธิ์! ผนึกภูตผี!”

 

หลี่จุนอินพยักหน้า “ถูกต้อง ผนึกศักดิ์สิทธิ์ทำให้ผู้ใช้งานอยู่ในสภาพที่ไร้ความคิด เจตจำนง และอารมณ์ความรู้สึก เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่หมายความว่าอย่างไร? วิธีนี้จะช่วยป้องกันการอนุมานของผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา มีเพียงผู้อมตะระดับเก้าบนเส้นทางแห่งปัญญาเท่านั้นที่สามารถต่อต้านสิ่งนี้”

 

ซูเฮากล่าวต่อ “เจ้าอาจไม่เชื่อ แต่สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดของท่าไม้ตายอมตะผนึกศักดิ์สิทธิ์คือการหลบหนีจากภัยพิบัติสวรรค์พิภพ!”

 

หลี่จุนอิงแสดงออกอย่างมีความสุขแต่จ้าวเหลียนหยุนยังรู้สึกงุนงง

 

ซูเฮาหัวเราะ จ้าวเหลียนหยุนเป็นเพียงมนุษย์ไม่ใช่ผู้อมตะ ดังนั้นนางจึงไม่เข้าใจควาสำคัญของเรื่องนี้

 

เขาอธิบายต่อย่างอดทน “ท่าไม้ตายอมตะผนึกศักดิ์สิทธิ์จะอำพรางเจ้าจากเจตจำนงสวรรค์ เมื่อเจตจำนงสวรรค์ไม่พบการคงอยู่ของเจ้า สวรรค์จะไม่ส่งภัยพิบัติสวรรค์พิภพลงมา เมื่อเจ้าก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ เจ้าจะไม่พบภัยพิบัติใดๆ หลังจากเทพปีศาจปล้นสวรรค์คิดค้นท่าไม้ตายนี้ เขาไม่เคยพบภัยบัติอีกเลย”

 

“แต่สิ่งนี้มีข้อเสียเช่นกัน ภัยพิบัติสวรรค์พิภพเป็นวิธีเพิ่มร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าสำหรับผู้อมตะ เมื่อเจ้าไม่ได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า ความสำเร็จของเจ้าก็จะถูกจำกัด เว้นเพียงเจ้าจะมีวิธีอื่นเพื่อสนับสนุนการบ่มเพาะของเจ้า ประวัติศาสตร์กล่าวว่าเทพปีศาจปล้นสวรรค์มีวิธีขโมยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจากผู้อื่น”

 

จ้าวเหลียนหยุนถาม “ผนึกศักดิ์สิทธิ์ทรงพลังมาก แล้วผนึกภูตผีเป็นอย่างไร?”

 

ซูเฮาไม่มีคำตอบสำหรับเรื่องนี้ขณะที่หลี่จุนอิงส่ายศีรษะ

 

“ผนึกศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่ทุกคนรู้จักแต่ผนึกภูตผียังเป็นสิ่งลึกลับ ผู้คนคาดเดากันไปต่างๆนานา แต่ทั้งหมดไม่มีความน่าเชื่อถือและไม่เคยมีคำตอบใดที่ได้รับการยอมรับ” ซูเฮาตอบ

 

หลี่จุนอิงกล่าวเบาๆ “แต่เมื่อท่าไม้ตายอมตะทั้งสองมีชื่อเสียงพอๆกัน พวกมันก็ควรมีความสามารถที่น่าอัศจรรย์ในระดับเดียวกัน”

 

จ้าวเหลียนหยุนกล่าว “นอกจากด่านรับสืบทอดที่ข้าเข้าไป ยังมีด่านรับสืบทอดอื่นของเทพปีศาจปล้นสวรรค์อยู่ที่หุบเขาเหล่าโป มรดกนั้นเกี่ยวกับผนึกภูตผี”

 

“กระไรนะ!? ด่านรับสืบทอดมรดกที่สอง!?”

 

“และมันถูกซ่อนไว้ในหุบเขาเหล่าโป!?”

 

ซูเฮากับหลี่จุนอิงทั้งดีใจและประหลาดใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้