ผู้ถือธงลั่วไม่กล่าวคำพูดคำใดก็ยังดี เมื่อกล่าวแล้วผู้คนก็จ้องมองมาที่เขาอย่างไม่พอใจ

“เหตุใดถึงไม่นับเสียหล่ะ เมื่อครู่ก็เดิมพันกันไปตั้งหลายรอบก่อนที่จะเขย่าหรือว่าเหล่านั้นก็ไม่นับด้วยหรือ? ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่มีให้แพ้เดิมพันหรอกนะ”

“ช่างน่าขัน ข้าจะไม่มีให้แพ้ได้เช่นไร แต่ว่าข้าสงสัยว่าเจ้าโกง”

เดิมทีชนะได้เงินมามากมายเช่นนั้นแต่รอบสุดท้ายกลับแพ้จนหมดแล้วยังแพ้กระทั่งทุนเดิมทั้งหมดของตนเองไปด้วยแล้วเขาจะรู้สึกเป็นธรรมได้อย่างไร

“เจ้าพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าข้าโกง หากวันนี้เจ้าไม่นำหลักฐานออกมาข้าจะไม่มีทางปล่อยเจ้าไปเป็นแน่”

จู่ๆกู้ชูหน่วนก็กล่าวแทรกขึ้นมาประโยคหนึ่ง “อ๊ะ พี่ชายผู้นี้ที่แขนเสื้อของท่านมีสิ่งใดอยู่?”

ผู้ถือธงหลิวยกแขนเสื้อขึ้นอย่างสงสัย ลูกเต๋าลูกหนึ่งได้ตกลงมาจากแขนเสื้ออย่างประหลาดและกลิ้งอยู่บนโต๊ะหลายครั้งก่อนที่จะหยุดลง

เสียงฉ่า……

ทุกคนอ้าปากค้าง พวกเขาคิดไม่ถึงว่าผู้ถือธงหลิวจะโกงกันจริงๆ

ผู้ถือธงลั่วตะโกนร้องและต่อยเข้าไปอย่างแรงหมัดหนึ่ง “เจ้ายังจะบอกว่าเจ้าไม่ได้โกง อีก หากเจ้าไม่ได้โกงแล้วลูกเต๋าที่อยู่ในแขนเสื้อของเจ้าเป็นเรื่องใดกัน?”

ผู้ถือธงหลิวเองก็สงสัย

เขาไม่ได้โกงจริงๆนี่นา

ใบหน้าถูกต่อยหมัดหนึ่งอย่างไม่ได้คาดคิดนั้นเจ็บซะจนเกิดเสียงหึ่งๆอยู่ในสมอง

“เจ้ากล้าชกข้า ต่อต้านกันไปแล้วปรักปรำข้านั้นก็ช่างเถอะแต่ยังกล้าชกตีข้าด้วย พี่น้องทั้งหลายชกเขาให้กับข้าเอาให้หนัก”

“พี่น้องทั้งหลายคนตระกูลหลิวไม่มีศีลธรรมเลยสักนิด ไม่เพียงแต่โกงกันต่อหน้าทุกคนยังกล้าชกตีข้าอีกด้วย ชกเขาให้กับข้าเอาให้หนักๆ”

ผู้คนทั้งหลายที่เมื่อครู่ยังมีความสุขเฮฮาและหัวเราะเสียงดังกัน ขณะนี้ตะลุมกันเป็นกลุ่มก้อน ชกต่อยกันเจ้าหมัดหนึ่งข้าหมัดหนึ่งจนไม่สามารถสลัดตัวออกมาได้

กู้ชูหน่วนและอี้เฉินเฟยถอยหลังออกมา

อี้เฉินเฟยหัวเราะแล้วกล่าวว่า “คุณหนูสามนี่ไปถึงที่ใดที่นั่นก็ยุ่งเหยิงวุ่นวายกันไปหมด”

กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “พูดจาไร้สาระเห็นได้ชัดว่าท่านจงใจเล่นตลกกับผู้อื่น ดูสิว่าท่านทำให้ผู้ถือธงลั่วโมโหซะจน ข้ากล้าเดิมพันด้วยเส้นเผ็ดร้อนถุงหนึ่งว่าผู้ถือธงลั่วคงจะนอนไม่นอนหลับไปเป็นเวลาหลายวันหลายคืนเป็นแน่”

“เส้นเผ็ดร้อน?”

กู้ชูหน่วนหรี่ตาแล้วกล่าวด้วยเสียงหัวเราะว่า “ท่านพี่เฉินเฟยต้องลำบากให้ท่านพาข้าไปยังตำแหน่งอันลึกของหอคุมขังพญาหงส์”

“ตำแหน่งอันลึกของหอคุมขังพญาหงส์ได้รับการป้องกันอย่างแน่นหนา ข้าเข้าไปไม่ได้”

“ข้ามีวิธีที่จะเข้าไปได้ก็แค่ต้องลำบากท่านสักหน่อย”

กู้ชูหน่วนยิ้มด้วยใบหน้าที่มีแผนการ อี้เฉินเฟยถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างไม่มีเหตุผล “ท่านคิดจะทำสิ่งใดอีก?”

กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วชี้ไปทางซ้าย

อี้เฉินเฟยเงยหน้ามองไปกลับเห็นผู้ถือธงสองสามคนที่อยู่ไม่ไกลเท่าใดคุมตัวชายหนุ่มรูปงามสองสามคนเอาไว้และกำลังเดินไปทางตำแหน่งอันลึกของหอคุมขังพญาหงส์

หนังศีรษะของเขาชาแล้วกลอกตาเรียนแบบการแสดงออกของนางและปฏิเสธไปเลยโดยตรงโดยไม่ได้คิด “ข้าขอคัดค้านแข็งขัน”

แม่สาวผู้นี้ในสมองคิดสิ่งใดอยู่?

ถึงให้เขาแต่งตัวเป็นคนคอยปรนนิบัติ

เช่นไรเขาก็เป็นถึงคุณชายสามนักปราชญ์ขงจื๊อ หากว่าถูกผู้ใดรู้เข้าเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด

กู้ชูหน่วนดึงมืออันเล็กของเขาแล้วแกว่งไปมาอย่างออดอ้อนพร้อมใบหน้าที่คับข้องใจและกะพริบดวงตาเล็กๆอันน่าสงสาร

“พี่เฉินเฟย ท่านก็ช่วยเหลือข้าหน่อยนะ ข้าสัญญาว่าแค่ครั้งนี้ ต่อไปจะไม่ให้ท่านต้องแต่งเป็นคนคอยปรนนิบัติอย่างแน่นอน”

“ไม่ได้” ช่างขายหน้านัก

ที่น่าขายหน้าไปมากกว่านั้นคือคนคอยปรนนิบัติเหล่านั้นแต่งกายเบาบางเปิดเผยให้เห็นเช่นนั้น นี่ก็ช่าง……

“พี่เฉินเฟยท่านดีที่สุดเลยท่านช่วยข้าเถอะนะ พวกเรามาถึงเขาลูกที่หกได้อย่างไม่ง่ายดาย ท่านทนให้ข้ากลับด้วยหัวใจที่แตกสลายได้หรือ?”

อี้เฉินเฟยไม่อยากตอบ

แต่กู้ชูหน่วนนั้นไม่หยุดหย่อนและแกว่งแขนของเขาไปมาอย่างออดอ้อนอยู่ตลอด

ที่สำคัญที่สุดคือเขารู้ว่าแม่สาวกู้ชูหน่วนผู้นั้นเสแสร้งแต่แววตาอันน้อยที่น่าเวทนานั้นเขาก็มองดูด้วยความอาวรณ์เป็นพักๆ

อี้เฉินเฟยทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วจึงทำได้เพียงยิ้มอย่างขมขื่นแล้วกล่าวว่า “แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวไม่มีครั้งต่อไป อีกอย่างห้ามแพร่งพรายออกไป”

“ได้ ข้ารับปากท่าน”กู้ชูหน่วนยิ้มขึ้นด้วยรอยยิ้มอันสดใสโดยที่ใบหน้านั้นมีร่องรอยแห่งความคับข้องใจและโศกเศร้าที่ใดกัน

“……”

เขารู้ว่าเขาตกหลุมพรางของกู้ชูหน่วนอีกแล้ว

แม่สาวผู้นี้ทำให้ผู้อื่นตกหลุมพรางนั้นก็ช่างเถอะ เหตุใดถึงได้หลอกให้พี่ชายเช่นเขาผู้นี้ตกหลุมพรางอยู่ตลอด?

เป็นไปได้หรือว่าพี่ชายเกิดมาก็เพื่อให้นางได้เล่นสนุก?

หมายเหตุ

เส้นเผ็ดร้อน เป็นของกินเส้นยาวๆ มีรสชาติเผ็ดร้อน