คามิลล์มองชีอ้าวชวางด้วยรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าของเขาและพูดเบาๆ “อาหารเช้าที่อบอุ่นกับเสี่ยวอ้าวชวางของข้าถูกทำลายเสียแล้ว”
ชีอ้าวชวางมองอสูรปีศาจที่ประตูด้วยดวงตาเย็นชา ในช่วงเวลาที่อ่อนไหวก่อนการประลองใหญ่ยังมีอสูรปีศาจที่กล้าสร้างปัญหาในที่สาธารณะขนาดใหญ่เช่นนี้อีก แม้แต่กองกำลังหลักทั้งสามยังไม่ทำเช่นนี้เลย แต่อสูรปีศาจพวกนี้กล้า อีกทั้งจนถึงตอนนี้ผู้ดูแลโรงแรมนี้ก็ยังไม่มาปรากฏตัวเลยด้วย
อสูรปีศาจพวกนี้โผล่มาจากไหนกัน?
“ไปตายซะ!” อสูรปีศาจร่างสูงดึงโซ่เหล็กในมือของเขา เอาขวานที่ตอกอยู่กับพื้นขึ้นมา ขวานที่ดูหนักมากกลับดูเบาจนไม่มีน้ำหนักไปเลยเมื่ออยู่ในมือของอสูรปีศาจตนนั้น เห็นได้ชัดเลยว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะมาฆ่าพวกเขา จากนั้นอสูรปีศาจทั้งสามก็ถืออาวุธของตัวเองแล้วเตรียมก้าวเข้ามาโดยไม่มีคำอธิบายใดๆ เลย
อสูรปีศาจที่ถือคทาที่มีแสงสีดำเริ่มพึมพำคาถาที่ชีอ้าวชวางไม่เข้าใจ คามิลล์ยังคงไม่ขยับไปไหน ชีอ้าวชวางเองก็ไม่ขยับเช่นกัน
ชีอ้าวชวางมองใบหน้าที่สงบของคามิลล์ แต่นางรู้ดีว่าตอนนี้คามิลล์กำลังโกรธ
คามิลล์ผู้โกรธแค้นจะจัดการกับอสูรปีศาจเหล่านี้อย่างไรนะ? ชีอ้าวชวางไม่รีบต่อสู้กับอสูรปีศาจเหล่านี้ เพราะนางรู้ว่าคามิลล์จะจัดการกับเรื่องนี้อย่างง่ายดายเลยดีเทียว
พวกอสูรปีศาจที่ประตูวิ่งกรูกันเข้ามาอย่างดุเดือด
แต่ก่อนที่คามิลล์จะได้ดำเนินการใดๆ แมวล่าสมบัติก็ได้ทำในสิ่งที่ทำให้ทุกคนในห้องประหลาดใจ
แมวล่าสมบัติส่งเสียงร้อง จากนั้นก็กระโดดเข้าไปตรงกลางขวางหน้าพวกอสูรปีศาจเหล่านั้นเอาไว้
อสูรปีศาจเหล่านั้นตกตะลึงไปชั่วครู่ และจากนั้นพวกเขาก็หัวเราะอย่างดูถูกเหยียดหยาม แม้แต่อสูรปีศาจที่กำลังร่ายคาถาอยู่ก็หยุดร่ายแล้วมองแมวน่ารักที่ดูไม่มีพิษภัยตัวนี้อย่างขำขัน เจ้าตัวเล็กนี่แม้แต่ร่างมนุษย์ก็ไม่มี แถมไม่มีสติปัญญาด้วยซ้ำ แต่กล้ามาขวางทางพวกเขา
ชีอ้าวชวางตกใจและกำลังจะเรียกแมวล่าสมบัติ
คามิลล์ครุ่นคิดสักพัก จากนั้นเขาก็เหลือบมองฉากตรงหน้าด้วยความสนใจโดยไม่ได้คิดจะลงมือใดๆ
“เหมียว!” ขณะนี้ดวงตาของแมวล่าสมบัติกลายเป็นสีแดงเลือดอย่างผิดปกติ ตอนนี้หัวใจของมันกำลังเจ็บปวด เมื่อครู่อาหารอันโอชะเหล่านั้นอยู่ห่างจากปากของมันเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง แต่กลับต้องมาถูกพวกที่ไม่รู้จักชั่วดีตรงหน้าทำลายไป!
“หึ!”อสูร ปีศาจที่ถือขวานส่งเสียงดูถูกแล้วเหวี่ยงขวานของเขาไปตรงที่ที่แมวล่าสมบัติยืนอยู่
หัวใจของชีอ้าวชวางบีบแน่นและกำลังจะลงมือ แต่คามิลล์กลับขยิบตาส่งสัญญาณให้ชีอ้าวชวางว่าอย่าทำอะไรผลีผลาม ชีอ้าวชวางอึ้งไปเล็กน้อ ยแต่หลังจากลังเลไปครู่หนึ่งนางก็เลือกที่จะทำตามที่คามิลล์บอก คามิลล์จะไม่มีทางทำอะไรที่เขาไม่มั่นใจเด็ดขาด นี่ตั้งแต่ต้นจนจบคามิลล์ไม่ได้มองอสูรปีศาจเหล่านั้นเลยด้วยซ้ำ
ขวานขนาดใหญ่และหนักเล็งไปที่แมวล่าสมบัติแต่คามิลล์ก็ยังไม่ขยับตัว
รอยยิ้มที่โหดร้ายและเหยียดหยามปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอสูรปีศาจร่างสูงนั้น ในสายตาของเขา แมวน้อยตัวนี้กลายเป็นกองเนื้อไปแล้ว
ในเวลาต่อมารอยยิ้มของเขาก็นิ่งค้างอยู่บนใบหน้า พวกอสูรปีศาจที่อยู่ข้างๆ เขาก็ตกตะลึงไปเช่นกัน
ขวานที่มีขนาดใหญ่และหนักนั้นหยุดอยู่บนหัวของแมวล่าสมบัติและไม่ตกลงไปเลย
ชีอ้าวชวางไม่แปลกใจเลย มีคามิลล์อยู่ อสูรปีศาจพวกนี้จะทำร้ายอาเป่าได้อย่างไรล่ะ? ชีอ้าวชวางเข้าใจว่าภาพที่เห็นนี้เกิดจากคามิลล์เป็นคนทำ
แต่ในเวลาต่อมาชีอ้าวชวางเองก็ตกตะลึงไปเช่นกัน
“เหมียว!” แมวล่าสมบัติกรีดร้องออกมาด้วยความโกรธ ทันใดนั้นก็เกิดลมกระโชกแรงภายในห้องและของทุกอย่างก็ปลิวไปหมด ชีอ้าวชวางสร้างเขตกั้นขึ้นมาเพื่อป้องกันลมกระโชกที่อธิบายไม่ได้นี้ ส่วนคามิลล์ยังคงนิ่งเฉยอยู่ที่เดิมไม่ขยับ เขาไม่ได้รับผลกระทบจากลมเลยแม้แต่น้อย เขาไม่มีการสร้างเขตกั้นและไม่มีการโจมตีตอบโต้ใดๆ ด้วย เขาแค่นั่งเงียบๆ อยู่ตรงนั้นลมกระโชกนั้นดูเหมือนจะเบนไปทางอื่นไม่ได้มีผลอะไรกับเขาเลย
อสูรปีศาจเหล่านั้นขมวดคิ้ว ลมนี้ดูค่อนข้างแปลก และสิ่งที่ทำให้พวกเขาตกใจมากขึ้นก็คือแมวตัวน้อยที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานี้มีลมหายใจอสูรปีศาจเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน
ชีอ้าวชวางมองแมวล่าสมบัติที่พื้น จากนั้นมองคามิลล์ แล้วก็เข้าใจได้ทันทีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคามิลล์เลย! นี่คือพลังของแมวล่าสมบัติ! พลังที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ของคามิลล์นั้นไม่ได้เอามาใช้ให้ลำบากแบบนี้ ปกติแล้วเขาจะฆ่าคนด้วยความงดงามและเพลิดเพลินตลอด ไม่ทำสิ่งที่บ้าคลั่งและวุ่นวายเช่นนี้หรอก ความบ้าคลั่งเช่นนี้ไม่อยู่ในนิยามความงดงามของคามิลล์แน่ๆ
ลมพัดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนอสูรปีศาจเหล่านั้นลืมตาไม่ขึ้น
เวลาต่อมา ชีอ้าวชวางก็ต้องตกตะลึง ร่างเล็กๆ ของแมวล่าสมบัติค่อยๆ ใหญ่ขึ้น หางที่มีขนปุยๆ ของมันก็เปลี่ยนไปแล้ว จากหางอันเดียวก็กลายเป็นสิบสามหางในพริบตา! แมวที่มีหางสีขาวขนาดใหญ่สิบสามหางนั้นกำลังบินอยู่ภายในห้อง เป็นภาพที่ทำให้ผู้คนใจสั่นมาก
ในชั่วพริบตาแมวล่าสมบัติได้เปลี่ยนจากแมวตัวน้อยที่ไม่มีพิษภัยกลายเป็นแบบตอนนี้ ร่างกายที่ใหญ่โตเหมือนลูกช้าง ดวงตาสีแดงเลือด ขนสีขาวราวกับหิมะ และหางสิบสามหางที่กำลังโบกไปมาอย่างดุเดือดในอากาศ ลมหายใจอสูรปีศาจที่แผ่ออกมาจากร่างกายนั้นทำให้ใจสั่นจนเรียกได้ว่าหายใจไม่ออกเลยทีเดียว
“เหมียว!” แมวล่าสมบัติส่งเสียงและหางทั้งหลายก็ขยับมันกวาดไปยังพวกอสูรปีศาจเหล่านั้นด้วยความเร็วดุจสายฟ้า
อสูรปีศาจทั้งสี่ตัวเข้าไปพันอยู่กับหางของแมวล่าสมบัติอย่างไม่ทันตอบสนอง นับประสาอะไรกับการต่อสู้ล่ะ มีเสียงดังไม่กี่เสียงแ ละร่างทั้งสี่ก็กลายเป็นหมอกเลือดสลายไปในอากาศทันที ไม่เหลือแม้แต่แกนชีวิตเลยด้วยซ้ำ!
ชีอ้าวชวางมองแมวล่าสมบัติด้วยความประหลาดใจ นี่คือลักษณะที่แท้จริงของแมวล่าสมบัติหรือ? พลังที่แท้จริงของมันคือแบบนี้หรือ?
คามิลล์แตะคางที่สะอาดและสวยงามของเขาและมองแมวล่าสมบัติตรงหน้าเขาด้วยความครุ่นคิด
ในตอนที่ชีอ้าวชวางยังไม่ได้เรียกสติคืนมานั้น แมวล่าสมบัติก็หันกลับมามองชีอ้าวชวางและคามิลล์อย่างดุเดือด ดวงตาสีแดงเลือดนั้นมีความกระหายเลือดและดุร้ายอยู่
แมวล่าสมบัติกำลังจะโจมตีชีอ้าวชวางและคามิลล์!
“พลังชั่วร้ายออกมาแล้ว ตอนนี้มันจำเจ้าไม่ได้แล้ว” คามิลล์อธิบายกับชีอ้าวชวางอย่างนุ่มนวลถึงเหตุผลว่าทำไมแมวล่าสมบัติจะโจมตีพวกเขา
“พลังชั่วร้าย?” ชีอ้าวชวางประหลาดใจ
“ใช่ มันมีพลังชั่วร้ายที่หนักมากอยู่ภายในตัว เมื่อปลดปล่อยออกมา มันจะโจมตีสิ่งมีชีวิตที่อยู่รอบตัว และสุดท้ายก็จะทนไม่ไหวแล้วตายไป” คามิลล์ลูบคางและพูดอย่างใจเย็น “ก่อนหน้านี้มีใครบางคนปิดผนึกพลังชั่วร้ายของมันเอาไว้”
โพ่เทียน? โพ่เทียนปิดผนึกพลังชั่วร้ายของมันไว้หรือ? เขาปิดผนึกพลังชั่วร้ายของมันเอาไว้เพื่อช่วยอาเป่าใช่หรือไม่?
แต่ตอนนี้อาเป่ากลับทำลายผนึกด้วยตัวเองเพราะอาหารที่ถูกทำลายตรงหน้ามันแล้วปล่อยพลังชั่วร้ายออกมาแล้ว
“ท่านรู้มานานแล้วทำไมท่านยังห้ามข้าอีก? แบบนี้อาเป่าจะไม่เป็นอันตรายมากๆ หรือ?” ชีอ้าวชวางถามด้วยความกังวลพร้อมกับตำหนิ
พอพูดจบ กรงเล็บที่แหลมคมของแมวล่าสมบัติที่คมราวกับกรงเล็บเหล็กก็เหวี่ยงมา ชีอ้าวชวางรีบหลบไปข้างๆ แล้วทุกอย่างที่อยู่ข้างหลังนางก็ถูกทำลาย
“ก่อนหน้านี้ข้าก็ไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้ข้าแน่ใจแล้ว” คามิลล์พูดพลางมองไปที่หน้าตาที่ดุร้ายของแมวล่าสมบัติ
ชีอ้าวชวางกัดริมฝีปาก หัวใจของนางก็ยิ่งกังวล เดิมทีแมวล่าสมบัติอยู่กับโพ่เทียน ต่อมาจึงมาอยู่กับนาง ถ้ามันต้องมาตายที่นี่ อย่าว่าแต่ไม่รู้ว่าจะไปอธิบายกับโพ่เทียนอย่างไรเลย ตัวชีอ้าวชวางเองก็ทนไม่ไหวและยอมให้เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นไม่ได้เด็ดขาด
“ตอนนี้ข้าจะช่วยอาเป่าได้อย่างไรบ้าง?” ชีอ้าวชวางหลบการโจมตีที่รุนแรงจากแมวล่าสมบัติอีกครั้งและถามอย่างร้อนใจ
“เจ้าลองปิดผนึกมันอีกครั้งสิ” คามิลล์ผายมือและพูดอย่างช่วยไม่ได้ “เรื่องนี้ข้าทำไม่ได้” ประกายที่อธิบายไม่ได้ปรากฏขึ้นในแววตาของคามิลล์ ดูเหมือนเยาะเย้ยตัวเองและดูเหมือนเศร้าโศกด้วย ผนึกพลังร้ายงั้นหรือ? พลังชั่วร้ายในร่างของเขาเองน่าจะแข็งแกร่งที่สุดในโลกแล้ว เขาจะไปปิดผนึกพลังชั่วร้ายของผู้อื่นได้อย่างไรล่ะ?
ชีอ้าวชวางมองแมวล่าสมบัติที่ควบคุมตัวเองได้เลยด้วยความรู้สึกกังวล นางจะผนึกพลังชั่วร้ายในตัวแมวล่าสมบัติอีกครั้งได้อย่างไรกัน? คามิลล์ยังทำไม่ได้แล้วนางจะทำได้หรือ?
หลังจากการโจมตีติดต่อกันหลายครั้งของแมวล่าสมบัติก็ทำร้ายชีอ้าวชวางและคามิลล์ไม่ได้ เห็นได้ชัดเลยว่ามันร้อนใจแล้ว มันส่งเสียงคำรามและหางทั้งสิบสามข้างหลังก็ส่ายไปมาอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาของมันยิ่งแดงมากขึ้นอีกจนเกือบจะมีเลือดออกมาแล้ว
“อาเป่า!” ชีอ้าวชวางเรียกเสียงต่ำและไปข้างหน้า แต่นางกลับทนไม่ได้ที่จะใช้เวทเปลวไฟทำร้ายมัน นางแค่อยากเข้าไปใกล้และพยายามใช้พละกำลังเพื่อทำให้มันสงบลง
แมวล่าสมบัติอ้าปากกว้างอวดฟันราวกับว่าต้องการจะกลืนชีอ้าวชวางในการกัดเพียงครั้งเดียว
ชีอ้าวชวางบินไปตรงหน้าแมวล่าสมบัติ นางแตะเท้าเล็กน้อยก็บินไปที่หน้าผากของแมวล่าสมบัติแล้วจากนั้นแมวล่าสมบัติก็เหยียดอุ้งเท้าโจมตีชีอ้าวชวางทันที
ชีอ้าวชวางยื่นมือออกไปกดที่หน้าผากของแมวล่าสมบัติไว้ ในตอนนี้ทุกอย่างรอบตัวดูเหมือนจะหยุดลงไปแล้ว
การเคลื่อนไหวของแมวล่าสมบัติหยุดลง คามิลล์เองก็ตกตะลึงเช่นกัน
แสงสีขาวพราวสะท้อนตาของคามิลล์ แสงสีขาวนั้นห่อหุ้มชีอ้าวชวางและแมวล่าสมบัติเอาไว้ คามิลล์ได้แต่มองไปที่แสงสีขาวและพูดไม่ออกอยู่เป็นเวลานาน มีเพียงประกายความล้ำลึกที่อยู่ในแววตาของเขาเท่านั้น
หลังจากนั้นไม่นานในที่สุดแสงสีขาวก็จางลง
ไม่มีเงาของแมวล่าสมบัติตรงหน้าของคามิลล์อีกต่อไป มีเพียงชีอ้าวชวางเท่านั้นที่ยืนอยู่ที่พื้นด้วยความงุนงง
ชีอ้าวชวางก้มลงมองไปที่พื้นแต่ไม่เห็นเงาของแมวล่าสมบัติเลย พอมองไปรอบๆ ก็ยังไม่เห็นแมวล่าสมบัติเช่นกัน
แต่คามิลล์กลับมองท่าทีของชีอ้าวชวางด้วยสีหน้าแปลกๆ
“อาเป่าล่ะ? ทำไมอาเป่าหายไป?” ชีอ้าวชวางขมวดคิ้วและถามอย่างร้อนใจ
“เจ้า เจ้าแตะหัวตัวเองสิ” การแสดงออกของคามิลล์ไม่แปลกอีกต่อไป แต่มีความคิดบางอย่างแฝงอยู่ในดวงตาของเขา
ชีอ้าวชวางเอื้อมมือไปแตะที่หัวของนางด้วยความสงสัยในใจ เป็นไปไม่ได้ที่อาเป่าจะหมอบอยู่บนหัวของนางหรอก ถ้าอยู่บนหัวของนาง ทำไมนางถึงไม่รู้สึกถึงน้ำหนักตัวของแมวล่าสมบัติเลยล่ะ?
พอชีอ้าวชวางแตะที่หัวตัวเอง ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนไปแล้วรีบยื่นมืออีกข้างไปแตะที่หัวขอตนอย่างร้อนใจ