ตอนที่ 249 ยังอ่อนด้อยอยู่!

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

ลั่วล่างสูดลมหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง ถึงแม้เขารู้ว่าความสามารถของฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งกว่าเขา แต่ลั่วล่างไม่อยากยอมแพ้ตรงนี้ เขาอยากช่วยลูกพี่ ต่อให้รู้ว่าผลลัพธ์ที่เขาต้องการทำได้ยากมาก เขาก็อยากลองดูสักตั้ง

เมื่อลั่วล่างเดินขึ้นไปบนเวทีประลอง คนที่ชมการต่อสู้ด้านล่างส่งเสียงฮือฮาขึ้นมา “เกิดอะไรขึ้น กลุ่มนักเรียนใหม่ส่งเด็กผอมแห้งอ่อนแอคนนี้มาเนี่ยนะ หรือว่ากลุ่มนักเรียนใหม่เตรียมตัวทิ้งการประลองรอบนี้แล้ว?”

“ดูสิ หมอนั่นเป็นผู้ชายจริงๆ เหรอ? ดูสวยกว่าผู้หญิงอีก?” ไม่รู้ว่าใครตะโกนคำพูดประโยคนี้ออกมา ทำให้ความสนใจของผู้คนเบนจากร่างกายผอมแห้งของลั่วล่างไปยังใบหน้าสวยหยาดเยิ้มดวงนั้นอย่างรวดเร็ว

“เชี่ย ไม่ใช่ผู้หญิงปลอมตัวเป็นผู้ชายใช่ไหม” ผู้ชายเจ้าชู้สักคนเห็นแล้วตัณหาก็กระเพื่อมขึ้น ก่อนจะเริ่มจินตนาการเพ้อฝันขึ้นมา

แน่นอนว่าความคิดของเขาย่อมได้รับการเหยียดหยามจากนักเรียนข้างๆ คิดว่านี่เป็นยุคโบราณจริงๆ หรือไง? สวมชุดเครื่องแบบผู้ชายก็ปลอมตัวเป็นผู้ชายได้แล้ว? สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อเข้าสู่โรงเรียนทหารก็คือตรวจสอบความแข็งแกร่งของร่างกาย นั่นคือถอดเสื้อผ้าเปลือยกายท่ามกลางสายตาจับจ้องของผู้คน…เอาเถอะ อาจารย์ที่ตรวจสอบเข้าใจและมีเหตุผลมาก อนุญาตให้คุณใช้มือเล็กๆ ปิดเจ้าหนูน้อยได้

บรรดานักเรียนที่ดูถูกเจ้าคนบ้ากามความคิดลามกคนนั้นย่อมไม่เคยคาดคิดเลยว่า มีผู้หญิงเข้ามาเรียนที่โรงเรียนทหารชายที่หนึ่งอย่างโจ่งแจ้งจริงๆ แน่นอนว่าด่านตรวจสอบร่างกายนั้นถูกนายพลไอดอลของมหาชนที่รักลูกสาวอย่างสุดหัวใจใช้อภิสิทธิ์ในมือทำการยกเว้นให้แล้ว…

ภายในบ็อกซ์แห่งหนึ่งบนชั้นสอง ดวงหน้าอันงดงามรวมถึงร่างกายที่บอบบางจนเอาชนะได้ง่ายของลั่วล่างทำให้ดวงตาของใครบางคนในหมู่พวกเขาโชนแสงขึ้น มุมปากเผยรอยยิ้มละโมบออกมา เขาพึมพำกับตัวเอง “ไม่นึกเลยว่ามีสาวสวยขนาดนี้อยู่ในหมู่นักเรียนใหม่ปีนี้ด้วย…” เขาเลียริมฝีปากตัวเอง ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องเอาเขามาให้ได้โดยไม่สนว่าต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม

…..

ฉีย่าผู้เข้าประลองของเหลยถิงคือนักเรียนปีห้า ตอนนี้ยังคงเรียนหลักสูตรสุดท้ายอยู่ในโรงเรียนทหาร เนื่องจากความสามารถด้านการต่อสู้มือเปล่าโดดเด่นมาก หลินจื้อตงเลยเชิญให้เขาออกไปต่อสู้ด้วยตัวเองเพื่อรับประกันชัยชนะ สาเหตุที่จัดให้ฉีย่าออกไปประลองเป็นคนแรกมาจากการใคร่ครวญพิจารณาอย่างรอบคอบของหลินจื้อตง

ไม่เพียงหลิงหลานที่นึกถึงเถียนจี้แข่งม้า หลินจื้อตงเองก็คิดแบบนี้เหมือนกัน เขากลัวว่ากลุ่มนักเรียนใหม่จะส่งคนที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสามมาต่อสู้กับคนที่อ่อนแอที่สุด ทำให้เขารับมือไม่ทันและพ่ายแพ้การประลองรอบแรกไป หลินจื้อตงรู้ดีว่าการประลองรอบแรกคือจุดสำคัญมาก เอาชนะได้แล้วขวัญกำลังใจก็โน้มเอียงไปทางฝั่งนั้น หลินจื้อตงไม่อยากให้กลุ่มนักเรียนใหม่คว้าชัยชนะได้ก่อน ดังนั้นเลยเลือกฉีย่าที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสามของเหลยถิงออกไปประลองคนแรกเพื่อรับประกันชัยชนะในตอนสุดท้ายอย่างแท้จริง

หลินจื้อตงคิดว่า ต่อให้ฝ่ายตรงข้ามส่งคนตามลำดับความสามารถ ให้คนที่อ่อนแอที่สุดออกมาต่อสู้ เขาใช้คนที่แข็งแกร่งอันดับสามมารับมือก็ไม่นับว่าขาดทุนเช่นกัน ขอเพียงเอาชนะการประลองรอบนี้ได้ เขายังมีคนที่แข็งแกร่งที่สุดอีกสองคนในมือ ไม่ว่าต่อสู้ยังไงเขาก็เอาชนะได้แน่นอน ถึงแม้หลินจื้อตงจะหวั่นเกรง ‘ปีศาจอัจฉริยะ’ ลึกลับคนนั้นอยู่บ้าง แต่เขาก็เชื่อมั่นในยอดฝีมือด้านการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดสองคนซึ่งอยู่ใต้บังคับบัญชาราชันสายฟ้าของเหลยถิง

ฉีย่าเห็นคู่ต่อสู้ของตัวเองรูปร่างเหมือนผู้หญิงดูอ่อนแอไม่อาจต้านทานลม เขาก็ไม่สบอารมณ์ทันที สายตาของเขาที่มองไปยังลั่วล่างแฝงไปด้วยความเหยียดหยามเล็กน้อย ทว่าลั่วล่างกลับไม่โกรธหากแต่ยินดีกับท่าทีเช่นนี้ของฝ่ายตรงข้าม ยิ่งอีกฝ่ายดูถูกเขา เขาถึงมีโอกาสพลิกคว้าชัยชนะได้มากขึ้น

ลั่วล่างย่อมไม่ลืมคำกำชับของหลิงหลานในตอนแรก ดังนั้นเมื่อเขาขึ้นไปบนเวทีประลอง ต่อให้พันเอกถังอวี้ไม่ได้บอกว่าเริ่มการประลอง ร่างกายของลั่วล่างก็ตึงเครียดแล้ว ถึงแม้ท่ายืนของเขาดูเหมือนปกติ แต่คนที่มีสายตาเฉียบแหลมรู้ได้ว่าลั่วล่างสามารถระเบิดพลังที่ทรงอำนาจออกมารับมือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันได้ในพริบตาจากสองมือที่ห้อยลงต่ำและขากับเอวที่ย่อลงเล็กน้อย

พันเอกถังอวี้เป็นผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชา แต่เขาก็เป็นยอดฝีมือด้านการต่อสู้เช่นเดียวกัน ไม่อย่างนั้นทางโรงเรียนทหารคงไม่ส่งเขามาเป็นกรรมการตัดสินการประลองในครั้งนี้ เขาเห็นท่วงท่าของลั่วล่าง แววตาก็ส่องประกายรัศมีแสงพาดผ่านที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ แต่เมื่อเขาเหลือบมองไปทางฉีย่า หัวคิ้วคล้ายกับขมวดขึ้นโดยที่มองไม่เห็น…

ถังอวี้ชูมือขวาขึ้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกแล้วโบกทีหนึ่งฉับพลัน ในขณะเดียวกันปากก็ตะโกนว่า “เริ่มได้!”

เดิมทีลั่วล่างอยากตั้งท่าป้องกันตั้งแต่เริ่มแรก ต่อสู้พัวพันกับฝ่ายตรงข้ามก่อนสักรอบ ไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายมีท่าทีเฉื่อยชาไม่ได้ทำการป้องกันอะไรเลย ทั่วทั้งร่างดูหย่อนยาน ลั่วล่างเห็นเช่นนี้ก็ใจกระตุก เท้าขวากระทืบลงฉับพลัน ร่างของเขาพุ่งจากฝั่งหนึ่งของเวทีประลองไปยังอีกฝั่งราวกับลูกปืนใหญ่ โจมตีไปที่ฝ่ายตรงข้ามอย่างโหดเหี้ยม

ถังอวี้เห็นการโจมตีครั้งนี้ของลั่วล่าง คิ้วสองข้างก็เลิกขึ้นเล็กน้อย รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง เขาดูออกนานแล้วว่า เดิมทีท่วงท่าของลั่วล่างเป็นการป้องกันมากกว่า แต่ลั่วล่างกลับเปลี่ยนท่วงท่าเป็นการโจมตีได้ในพริบตา นอกจากนี้ก็ไม่มียืดยาดสักนิดด้วย สับเปลี่ยนได้ไหลลื่นอย่างหาใดเปรียบ เห็นได้ว่าลั่วล่างควบคุมกล้ามเนื้อร่างกายได้จนถึงระดับสูงอย่างยิ่งแล้ว

ถึงแม้ร่างกายของลั่วล่างค่อนข้างบอบบางนิดหน่อย ไม่ได้กำยำขนาดนั้น เกรงว่าความอดทดอาจจะค่อนข้างด้อยกว่าผู้ชายทั่วไป ทว่าความสามารถในการควบคุมเช่นนี้กลับทำให้เขาชดเชยจุดอ่อนของร่างกาย กล่าวได้ว่า ลั่วล่างขัดเกลาวิธีการต่อสู้ให้เหมาะสมกับร่างกาย นี่ย่อมเป็นเด็กหนุ่มที่มีพรสวรรค์ด้านการต่อสู้ที่เก่งกาจสุดยอด

เวลานี้ถังอวี้ก็อดยินดีที่เจอคนมีพรสวรรค์ไม่ได้เช่นกัน เนื่องจากความสามารถแบบนี้มีส่วนช่วยในการควบคุมหุ่นรบอย่างยิ่งยวดโดยไม่ต้องสงสัย ขอเพียงความแข็งแกร่งของร่างกายลั่วล่างผ่านการประเมินของปีหนึ่ง ถังอวี้เชื่อว่าเขาไม่มีทางปฏิเสธที่จะรับนักเรียนที่มีพรสวรรค์ขนาดนี้

การโจมตีของลั่วล่างกะทันหันเฉียบพลันอย่างไม่ต้องสงสัย ฉีย่าที่ไม่ได้เตรียมตัวรู้สึกตกใจ แต่ถึงยังไงเขาคือนักเรียนปีห้า ประสบการณ์ต่อสู้มากมาย เขาไม่มีทางเหมือนพวกมือใหม่ที่ตื่นตระหนกเลือกรับมือมั่วซั่ว หากแต่ถอยหลังอย่างว่องไวด้วยความเยือกเย็น พยายามเว้นระยะห่างของทั้งคู่ไว้ ทำให้เขามีพื้นที่มากพอในการรวบรวมพลังโจมตีกลับ

ถึงแม้ว่าลั่วล่างเป็นนักเรียนใหม่ปีหนึ่งของโรงเรียนทหาร แต่ประสบการณ์ต่อสู้ของเขาไม่ได้ด้อยเลยเช่นกัน ควรรู้เอาไว้ว่าฉีหลงเพื่อนของเขาเป็นพวกบ้าการต่อสู้ ขอเพียงมีเวลาว่างก็จะลากเพื่อนๆ รอบข้างไปต่อสู้ไม่หยุด ลั่วล่างเป็นคนที่ถูกลากไปมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ถึงแม้ว่าต่อมามีเซี่ยอี๋เข้าร่วมกลุ่ม แต่ก็ไม่ได้ลดลงเท่าไหร่เลย ผลจากการต่อสู้เป็นประจำย่อมให้ประสบการณ์ไม่เลวอยู่แล้ว

เขาเห็นอีกฝ่ายถอยร่นอย่างว่องไวก็รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามคิดอะไร เขายึดครองความได้เปรียบแล้ว ไหนเลยจะยินดีให้ความได้เปรียบนี้หายไปกันล่ะ ดังนั้นก็เห็นร่างพวกเขาสองคนหนึ่งรุดขึ้นหน้า หนึ่งถอยหลังอยู่บนเวทีประลอง วิ่งทะยานวนเวทีประลองอย่างรวดเร็ว เนื่องจากความเร็วฉับไวอย่างยิ่งยวด ในสายตาของนักเรียนที่ชมการต่อสู้จึงปรากฏเงาเบลอเป็นสายๆ

หลินจื้อตงเห็นฉากนี้ก็อดแค่นเสียงเย็นไม่ได้และเอ่ยว่า “ไม่นึกเลยว่าฉันจะเดาถูก ฝ่ายตรงข้ามคิดจะใช้แผนเถียนจี้แข่งม้าตามที่คาดไว้เลย…ดีนะที่ฉันป้องกันไว้ ไม่อย่างนั้นอาจจะโดนอีกฝ่ายคว้าชัยชนะรอบแรกได้จริงๆ” ถ้าหากเขาส่งคนที่อ่อนแอที่สุดในทีมออกไปซึ่งมีความสามารถสูงกว่าอีกฝ่ายไม่เท่าไหร่ เวลานั้นเกรงว่ายากจะคาดเดาแพ้ชนะแล้ว แต่ว่าตอนนี้ชัยชนะเป็นของพวกเขาแน่นอน…ถึงแม้ความสามารถด้านการต่อสู้ของหลินจื้อตงจะไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก แต่เขาเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของฉีย่า เขาไม่แพ้ให้กับนักเรียนใหม่ปีหนึ่งแน่นอน

ฉีย่าที่อยู่บนเวทีประลองเห็นว่าต่อให้เขาถอยอีกยังไง ฝ่ายตรงข้ามก็เกาะติดเขาเหมือนกับขนมหนิวผีถัง[1]ไม่สามารถเว้นระยะห่างได้เลย เขารู้สึกว่าตัวเองทำแบบนี้ดูน่าขายหน้าแล้ว ในใจก็ผุดโทสะขึ้น ลั่วล่างที่เขาดูถูกในตอนแรกทำให้เขาเกลียดชังขึ้นมาอย่างลึกล้ำ…เขาจะต้องมอบบทเรียนที่โหดร้ายให้ไอ้เด็กน่ารังเกียจตรงหน้านี้ให้ได้

ต่อให้ตอนนี้ความได้เปรียบถูกยึดไปจนหมด ทว่าอาศัยความสามารถของเขาก็ยังเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้

ฉีย่าที่มั่นใจในตัวเองแน่นอนไม่อยากถอยอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงหยุดฝีเท้าฉับพลัน ปากแผดเสียงดังลั่น พลังปราณในร่างกายรวมตัวอย่างเร็วไวก่อนจะไหลทะลักไปที่มือขวาของตัวเอง และฝ่ามือข้างขวานั้นก็เข้าไปรับการโจมตีของลั่วล่างอย่างดุดัน

“มาได้ดี!” ลั่วล่างเห็นฝ่ายตรงข้ามหยุดวิ่งไม่ถอยต่อ ฝืนโคจรพลังมาปะทะกับเขา ดังนั้นจึงตะโกนเสียงดังลั่น หมัดขวาที่สั่งสมพลังรอคอยอยู่นานแล้วโจมตีเข้าไปอย่างรุนแรง

การเคลื่อนไหวนี้ของลั่วล่างคล้ายกับละเมิดคำสั่งของหลิงหลานในตอนแรก แต่ลั่วล่างไม่คิดว่าตัวเองทำผิด เนื่องจากเขาฉวยโอกาสคว้าความได้เปรียบในตอนแรกเพราะการดูถูกของอีกฝ่าย กอปรกับฝ่ายตรงข้ามรีบร้อนหยุดแล้วออกกระบวนท่า พลังที่โคจรย่อมไม่ได้เต็มเปี่ยมเหมือนอย่างของเขา ดังนั้นลั่วล่างคิดว่า ต่อให้ปะทะกับกระบวนท่านี้ เขาไม่มีทางเสียเปรียบ ถึงขนาดที่มีความเป็นไปได้สูงว่าจะยึดความได้เปรียบมาได้

ดังนั้นก็เห็นกำปั้นและฝ่ามือจู่โจมใส่กันอย่างดุดัน เสียงโจมตีดังอื้ออึงขึ้นบนเวทีประลอง พายุไร้รูปร่างแผ่ออกจากตัวลั่วล่างและฉีย่าไปยังรอบๆ บริเวณ

อย่างไรก็ตามขอบเวทีประลองของพวกเขามีอุปกรณ์ดูดซับพลัง ด้วยเหตุนี้เองนักเรียนที่นั่งอยู่ด้านล่างไม่รู้สึกถึงพลังแฝงสายนี้เลย แต่ว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ ทุกคนต่างรู้ว่าการโจมตีนี้ย่อมไม่ได้เรียบง่ายสบายๆเหมือนที่แสดงให้เห็นแน่นอน

ทั้งคู่แข็งทื่อไปหลายวินาที อาจจะสามวินาทีหรือว่าอาจจะแค่วินาทีเดียว ทั้งสองคนพลันทยอยกันกระเด็นไปข้างหลังจากท่วงท่าหยุดชะงัก ลั่วล่างที่เดิมทีอยู่ข้างบนกระเด็นลอยไปด้านหลัง เขาพลิกตัวกลางอากาศกำจัดแรงสะท้อนกลับก่อนจะร่วงลงสู่พื้นอย่างมั่นคง

ส่วนฉีย่าก็ถอยหลังติดต่อกันสามก้าวถึงค่อยยืนได้มั่นคง ทว่าดวงหน้าของเขาแดงฉานขึ้นทันใด ถึงแม้ว่าจะกลับมาเป็นปกติรวดเร็วมาก อย่างไรก็ตาม ในสายตาคนที่มีดวงตาเฉียบแหลม เกรงว่าฉีย่าดูจะเสียเปรียบเล็กน้อยในการปะทะกันครั้งนี้

นักเรียนที่ชมดูมองหน้ากันเอง พวกเขาไม่คาดคิดว่าสถานการณ์การต่อสู้เพียงฝ่ายเดียวในสายตาของพวกเขาจะสามารถต่อสู้ได้สูสีกัน ถึงขนาดที่ลั่วล่างปีหนึ่งได้เปรียบในการโจมตีเมื่อสักครู่นี้อยู่รางๆ ฉีย่าปีห้ากลับเสียเปรียบเล็กน้อย

นักเรียนใหม่บางคนชมดูด้วยความตื่นเต้นอย่างมาก ถึงแม้ในใจพวกเขาคาดหวังมากกว่านักเรียนจะสร้างผลงานได้บ้าง เพื่อให้ผู้คนนับหน้าถือตาพวกเขา แต่พวกเขาก็รู้ว่าความเป็นจริงไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น กอปรกับลั่วล่างดูอ่อนแออย่างหาใดเปรียบ ทำให้พวกเขาไม่ได้คาดหวังไว้ตั้งแต่แรก ไม่นึกเลยว่าเด็กหนุ่มที่สวยงามราวกับภาพวาดบนเวทีประลองจะยอดเยี่ยมขนาดนี้ เริ่มต้นมาก็ต่อสู้รุนแรงแบบนี้เลย ข่มฝ่ายตรงข้ามไว้ในครั้งเดียว…หรือว่ากลุ่มนักเรียนใหม่รับคำท้าต่อสู้อย่างอวดดีจะไม่ได้แสร้งฝืนทำ หากแต่เดิมทีพวกเขาก็มีความสามารถแบบนี้อยู่แล้ว?

ในใจนักเรียนใหม่เหล่านี้มีความหวังเพิ่มสูงขึ้นรางๆ ถ้าหากกลุ่มนักเรียนใหม่เอาชนะได้จริงๆ ละก็…นักเรียนใหม่อย่างพวกเขาจะต้องมีสถานที่ไปที่ดีมากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อเทียบกับกลุ่มอำนาจที่มีอยู่แล้วพวกนั้น กลุ่มนักเรียนใหม่ของนักเรียนใหม่เช่นเดียวกันทำให้พวกเขายอมรับได้มากกว่า

นักเรียนที่ชมการต่อสู้คิดเช่นนี้ กระทั่งในเหลยถิงก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่หน้าเปลี่ยนสีนิดหน่อย ถึงยังไงฉีย่าก็เป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสามของพวกเขา ถ้าหากพวกเขาแพ้…สถานการณ์ก็จะไม่เป็นผลดีต่อเหลยถิงอยู่บ้าง

นักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของฝั่งเหลยถิงเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็อธิบายให้บางคนที่อยู่ข้างกายฟังเงียบๆ คนเหล่านั้นถึงค่อยเผยรอยยิ้มผ่อนคลายออกมา

“ลั่วล่างยังอ่อนด้อยอยู่” หลิงหลานส่ายศีรษะเล็กน้อยพลางทอดถอนใจ

——————————–

[1] เป็นขนมท้องถิ่นเมืองหยางโจว เนื้อเหนียวนุ่ม ยืดหยุ่น มีกลิ่นหอม ตัวขนมทำจากน้ำตาลทรายขาว งาขาว แป้ง และถั่วลิสง