บทที่ 881+882 โดย Ink Stone_Romance
บทที่ 881 นางร่วมเล่นละครกับข้า
เธอเอ่ยขอบคุณคราหนึ่ง รับน้ำเต้าสุรานั้นมา กำลังจะดื่มเข้าไปติดๆ กันสามอึก ตี้ฝูอีก็ยื่นมือมาห้ามเธอไว้ “ค่อยๆ ดื่มทีละนิด อย่ากระดกเหมือนวัว”
ชิ เธอกระดกเหมือนวัวรงไหนกัน? เธอดื่มสุราอย่างมีภาพลักษณ์ยิ่งนักมาตลอดไม่ใช่หรือไง?
กู้ซีจิ่วก้มจิบอึกเล็กๆ อึกหนึ่ง จากนั้นก็รอฟังตี้ฝูอีพูด
ตี้ฝูอีตวัดข้อมือคราหนึ่ง หงส์ครามย่างตัวนั้นปรากฏขึ้นบนฝ่ามืออีกครา “เจ้าจะกินแค่ปีกสองข้างไม่ได้ ต้องกินน่องทั้งสองข้างด้วย” แล้วฉีกน่องทั้งสองมาให้เธอ
กู้ซีจิ่วไม่อยากติดหนี้น้ำใจเขาอีก ส่ายหน้าแล้วเอ่ยไปว่า “นกตัวนี้ล้ำค่าถึงเพียงนี้ ท่านกินเองเถิด”
ตี้ฝูอียิ้มแวบหนึ่ง ไม่ได้เกลี้ยกล่อมเธออีก เพียงนำน่องนกย่างสีเหลืองอร่ามที่คล้ายไก่ย่างสองข้างนั้นใส่จานแล้ววางบนแท่นหินแท่นหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอ
จากนั้นเขาก็เริ่มกินส่วนที่เหลือของนกย่างตัวนี้
เขากินอย่างสง่างามยิ่ง กินสิ่งใดก็สามารถกินได้ลื่นไหลไม่เคอะเขิน กู้ซีจิ่วนับถือเขาเลย!
เห็นเขาก้มหน้ากินอยู่ตรงนั้น กู้ซีจิ่วอดไม่ได้ที่จะเร่งรัดเขา “ท่านมีเรื่องจะพูดกับข้าไม่ใช่หรือ?”
ตี้ฝูอียกนิ้วหนึ่งแตะริมฝีปาก ส่งเสียวชู่ว “กินไม่คุยนอนไม่พูด”
กู้ซีจิ่วตะลึงงัน เอ่ยโพล่งออกมา “กฎนี้ท่านมิได้ปฏิบัติยามอยู่กับผู้อื่น แค่พุ่งเป้ามาที่ข้าใช่ไหม?” เธอเห็นกับตาว่าตอนที่เขาร่วมโต๊ะอาหารกับเล่อจื่อซิ่งทั้งพูดทั้งหัวเราะ…
สายตาของตี้ฝูอีจับจ้องเธอ “เจ้าพูดถึงข้ากับเล่อจื่อซิ่งยามกินอาหารเช้าด้วยกันเมื่อวานกระมัง?” ยิ้มอีกแบหนึ่ง ดวงตาคล้ายทอประกายระยิบระยับ “ซีจิ่ว เจ้าหึงหรือ?”
หึงบ้าหึงบออะไร?!
เธอแค่รู้สึกว่าเขาปฏิบัติต่อเล่อจื่อซิ่งอย่างค่อนข้างพิเศษเท่านั้น…
“ข้าไม่ได้หึง ต่อให้ท่านปฏิบัติต่อผู้อื่นเป็นพิเศษกไม่เกี่ยวอะไรกับข้า ข้า…”
ตี้ฝูอีแย้มยิ้ม “อย่าด่วนรีบร้อนชี้แจงความสัมพันธ์กับข้าเลย บางเรื่องก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าคิด เพียงแต่ข้าก็ปฏิบัติต่อเล่อจื่อซิ่งเป็นพิเศษจริงๆ นั้นแหละ…”
หัวใจกู้ซีจิ่วดิ่งวูบ “เห็นไหม ท่านปฏิบัติต่อนางเป็นพิเศษ…”
ตี้ฝูอีถอนหายใจอีกครั้ง “ซีจิ่ว เดิมทีแล้วยามกินอาหารปกติเล่อจื่อซิ่งก็กินไม่พูดเช่นกัน อันที่จริงในด้านนี้นางก็ไม่ต่างจากข้าเท่าไหร่”
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้วมองเขา “ท่านอยากคุยกับข้าเรื่องที่ปฏิบัติต่อนางเป็นพิเศษหรือไง? คุยเรื่องที่พวกท่านพูดจาเข้าขากันดีสินะ? ข้ารู้สึกว่าหากท่านต้องการยกย่องนางมิสู้ไปชมเชยนางต่อหน้าดีกว่า ไม่จำเป็นต้องมาพูดต่อหน้าข้า…”
“นางร่วมเล่นละครกับข้า” ตี้ฝูอีตัดบทเธอทันที
“หะ?” กู้ซีจิ่วไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองชั่วขณะ
ตี้ฝูอีถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “นางเคยมาสารภาพรักกับข้าจริงๆ แต่ข้าก็ทให้นางตัดใจได้อย่างรวดเร็วยิ่ง นางรู้ว่าข้ามีความรู้สึกต่อเจ้า รู้สึกซาบซึ้งนัก ดังนั้นจึงตกลงเล่นละครกับข้า บนโต๊ะอาหารนางก็พูดมากเช่นกัน แต่เพื่อร่วมมือกับข้า จึงตั้งใจหาเรื่องมากมายมาพูด…”
กู้ซีจิ่วใจเต้นแรง ดูเหมือนจะเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว เธอเป็นคนที่คิดต่อยิดได้มากมาย เธอจับจุดได้อย่างรวดเร็ว “ยามนี้นางเป็นสายให้ท่านกระมัง? เรื่องที่ข้าจะย้ายห้องเป็นนางที่ไปรายงานท่านใช่ไหม?”
ตี้ฝูอีเม้มริมฝีปาก ทอดถอนใจ “นางเสนอตัวเป็นสายให้ข้าเอง และข้าก็เคยบอกไว้จริงๆ ว่าเรื่องที่เกี่ยวกับเจ้าจะเช้าจะดึกก็ต้องแจ้งให้ข้าทราบทันที”
กู้ซีจิ่วเงียบงัน
เธอย่อยข้อมูลเหล่านี้อยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็เลิกคิ้วสูงมองดูเขา รู้สึกว่าโทสะพลุ่งพล่านอยู่ในทรวง “ท่านจัดวางสายข่าวไว้ข้างกายข้า! ซ้ำยังเล่นละครต่อหน้าข้าด้วย…จงใจกระตุ้นข้าใช่หรือไม่? ที่แท้ท่านคิดอะไรอยู่กัน? หากข้าชอบท่านจะอย่างไรก็ชอบ หากว่าไม่ชอบเช่นนั้นจะทำอย่างไรก็ไม่ชอบ การที่ท่านกับนางจงใจเล่นละครต่อหน้าข้ามีแต่จะทำให้ข้าปล่อยไปจริงๆ ท่านคิดวิธีบ้าบอเช่นนี้ออกมาจัดการข้า…แผนนี้ของท่านคือแสร้งปล่อยเพื่อจับกระมัง? แถมยังตบหัวแล้วลูบหลังด้วยสินะ? ท่านคิดว่าข้าเป็นคนยังไงกัน…”
“ขออภัยด้วย!” ตี้ฝูอีกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ออกมา
————————————————————————————-
บทที่ 882 เจ้าก็ชอบข้า!
กู้ซีจิ่วไม่นึกเลยว่าเขาที่สูงส่งอยู่เหนือปวงชนมาโดยตลอดจะเอ่ยขอโทษตนได้ จึงอ้ำอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง
ตี้ฝูอีหลุบตามองนกในมือที่กินไปไม่เท่าไหร่ ถอนหายใจเบาๆ “ซีจิ่ว ข้าไม่มีประสบการณ์”
กู้ซีจิ่วใจเต้นแรงนิดๆ “อะไรนะ?”
ตี้ฝูอีรำพึงรำพัน “เป็นครั้งแรกที่ข้าชมชอบคนผู้หนึ่งอย่างจริงจัง แต่เจ้าผลักไสอยู่เสมอ ข้าไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรกับเจ้าดี มู่เฟิงหาบทละครรักประโลมโลกมากมายมาให้ข้าอ่าน ข้าอ่านไปมากมายยิ่งนัก และละครรักประโลมโลกเหล่านั้นล้วนเป็นรักแรกพบทั้งสิ้น ตกหลุมรักและประคับประคองกันเข้าห้องหออย่างรวดเร็ว ต่อให้มีอุปสรรคจากภายนอกเข้ามากีดขวางบ้าง แต่ก็ไม่สั่นคลอนจิตใจของคนทั้งสอง ละครเหล่านี้ต่างจากสถานการณ์ของข้ากับเจ้า ข้าไม่มีแหล่งให้เรียนรู้ ข้าเคว้งคว้างยิ่ง…”
ขนตาของเขาหรุบหรู่ มองหงส์ครามย่างในมือ เงาร่างนั้นดูเหงาหงอยอยู่บ้าง ถึงขั้นค่อนข้างเปราะบางด้วยซ้ำ “ข้าไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรถึงจะทำให้เจ้าไม่หมางเมินข้าอีก เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเจ้าชอบข้าแล้ว ดังนั้นข้าจึงไม่อาจปล่อยวางและไม่คิดจะปล่อย แต่ข้าไม่รู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะทำให้เจ้ายอมฟังหัวใจของเจ้าจริงๆ มองเห็นเจ้ากับหลงซือเย่พูดคุยกันหัวเราะด้วยกัน แต่พอเจอข้าก็หมางเมินเย็นชาในใจข้าทุกข์ทรมานนัก ข้าอยากเข้าใกล้เจ้าก็เว้นระยะห่างกับข้า อยากแยกเจ้ากับหลงซือเย่ก็ไม่อาจบังคับดึงดันได้…”
กู้ซีจิ่วอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขัดเขา “ไม่ได้เห็นกันชัดๆ เสียหน่อยว่าข้าชอบท่าน…” เธอไหนเลยจะแสดงออกชัดเจนปานนั้น มิเช่นนั้นจะแม้แต่ตัวเองก็ไม่ทราบได้อย่างไร?
ตี้ฝูอีมองเธอ กล่าวอย่างจริงจัง “เจ้าก็ชอบข้า! ข้ารู้!”
กู้ซีจิ่วพุดไม่ออก
เขาช่าง…จริงๆ
กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าตนหาถ้อยคำที่เหมาะสมจะใช้บรรยายเขาไม่ได้
กู้ซีจิ่วไม่คิดจะถกเถียงปัญหาข้อนี้กับเขา เธอรู้สึกว่าวิธีตามตื้อขอความรักของเขาเป็นตรรกะโจรโดยแท้ หากเธอกับหลงซือเย่รักกันด้วยใจจริง เขาทำเช่นนี้มีแต่จะเพิ่มปัญหาให้เธอ…
“ตี้ฝูอี ท่านไม่เคยคิดบ้างหรือว่าข้ากับหลงซือเย่รักกันด้วยใจจริง? ข้า…”
“ซีจิ่ว เจ้าไม่ได้รักเขา ข้าเคยพูดไปนานแล้ว ความรู้สึกที่เจ้ามีต่อเขาไม่ใช่ความรัก แต่เป็นความยึดติดอย่างหนึ่ง…” ตี้ฝูอีกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
กู้ซีจิ่วเงียบงัน เธอรู้สึกว่าเธอกำลังถูกตี้ฝูอีล้างสมองอยู่!
ถูกเขาพูดเช่นนี้ใส่บ่อยเข้า เธอจึงรู้สึกเช่นกันว่าความรู้สึกที่เธอมีต่อหลงซือเย่ไม่ใช่ความรัก แถมยังไม่แน่ว่าจะเป็นความยึดติด คล้ายจะเป็นการเลือกสรรหาสามีที่มีสติปัญญามากกว่า…
ช้าก่อน ดูเหมือนจะผิดประเด็นแล้ว!
เธอถามต่อ “จากนั้นล่ะ? จากนั้นท่านบังเกิดความคิดพวกนี้ขึ้นมาหรือ?”
ตี้ฝูอีถอนหายใจเบาๆ “เป็นมู่อวิ๋น เขาเคยเป็นชายหนุ่มผู้โชกโชนในสนามรัก ในสนามรักไม่เคยพ่าย ดังนั้นข้าจึงได้แต่ทำหน้าหนาไปถามเขา…” เขาเล่าทัศนคติเหล่านั้นของมู่อวิ๋นออกมารอบหนึ่ง
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย ในใจเธอปรารถนาจะเอ่ยทักทายบรรพบุรุษของมู่อวิ๋นนัก!
สายตาเธอร่อนลงบนร่างตี้ฝูอี แววตาค่อนข้างเฉียบคม “ท่านฟังคำเขาจึงเย็นชาต่อข้ายิ่งนัก…”
จากนั้นก็สูดหายใจนิดๆ แล้วพูดต่อ “การที่ท่านกับเล่อจื่อซิ่งร่วมมือกันเล่นละครถึงแม้ข้าจะรู้สึกว่าไม่เป็นไร แต่ตัวท่านปากก็บอกว่าชอบข้า ทว่ากลับจงใจทำให้ข้าขายหน้าต่อหน้าสาธารณะชนถึงเพียงนั้น เธอทราบอยู่ชัดเจนว่าพลังวิญญาณของข้าไม่เข้าขั้น สำหรับตัวข้าในยามนี้ภาคปฏิบัติของวิชาเหินหาวเดิมทีก็เป็นจุดอ่อนอยู่แล้ว…ตี้ฝูอี หากว่าชมชอบคนผู้หนึ่งจริงๆ ควรจะปรารถนาดีต่อนาง เห็นนางมีเกียรติจะยินดียิ่งกว่าตนมีเกียรติ มิใช่คิดหาวิธีให้นางขายหน้าต่อหน้าสารธารณะชน ทำให้นางกลายเป็นที่น่าขบขันของทั้งชั้นเรียน…”
————————————————————————————-