ภาคที่ 1 บทที่ 184 ยังไม่หายสงสัย

เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]

บทที่ 184 ยังไม่หายสงสัย

ซูชือถามกลับไปด้วยหัวใจที่เต้นระรัว

“ฉันอยากให้นายช่วยจับตาดูพฤติกรรมการเล่นเกมของซูเย่ให้ฉันหน่อย”

หวังห่าวตอบพร้อมกับจ้องตาซูชือ

“แค่นี้เหรอครับ?”

ซูชือชะงักไปเล็กน้อยและถามว่า “ทำไมต้องให้จับตาดูหมอนั่นด้วย?”

“เรื่องนั้นนายไม่ต้องสนใจหรอก นายแค่มีหน้าที่บอกฉันว่าซูเย่เข้าเล่นเกมเวลาไหนบ้างก็พอแล้ว”

หวังห่าวว่า

“ทำไมผมต้องคอยรายงานคุณด้วยล่ะ?”

ซูชือกวาดตามองหวังห่าวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าด้วยแววตาสงสัย

หวังห่าวหยุดชะงัก หลังจากคิดอะไรบางอย่างอยู่ครู่ใหญ่ เขาก็รู้ตัวว่าตนเองคงปิดบังซูชือไม่ได้อีก จึงหาทางปั้นแต่งเรื่องขึ้นมา

“คือว่าซูเย่สามารถเปิดจุดลมปราณได้เร็วกว่าคนอื่น พวกเราก็เลยอยากวิเคราะห์พฤติกรรมการเล่นเกมและการพักผ่อนของเขา เพื่อเอาไว้ใช้ปรับปรุงแผนการฝึกฝนที่เหมาะสมสำหรับซูเย่ในอนาคตน่ะ”

ความจริง หวังห่าวยังคงไม่หายสงสัยว่าตัวตนที่แท้จริงของเทพ X ก็คือซูเย่

หลายวันที่ผ่านมา เขาเอาแต่คิดถึงข้อความที่ X ส่งมาบอกว่า

“เลิกไปวุ่นวายกับคนที่เขาไม่รู้เรื่องด้วยได้แล้ว!”

ประโยคนี้ยิ่งทำให้หวังห่าวสงสัยหนักมากกว่าเดิมว่าซูเย่จะต้องเป็นเทพ X อย่างแน่นอน

และการที่เทพ X กับซูเย่ออนไลน์พร้อมกัน ก็แค่เป็นความพยายามคลี่คลายความสงสัยของพวกเขาเท่านั้น

แต่มันกลับน่าสงสัยมากกว่าเดิมเสียอีก!

“หืม? ทำไมต้องวางแผนฝึกฝนให้หมอนั่นด้วยครับ?” ซูชือถาม ดวงตาเป็นประกายแวววาว “แล้วผมล่ะ ผมว่าผมก็มีฝีมือไม่แพ้ใครเหมือนกันนะ?”

“นายน่ะเหรอ…” หวังห่าวได้ยินดังนั้นก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี นอกจากบอกว่า “นายก็มีฝีมือเหมือนกันจริง ๆ เอาเป็นว่าระหว่างนี้ นายจะรายงานพฤติกรรมการเล่นเกมของตัวเองให้ฉันรู้ด้วยก็ได้”

“หุหุ…”

ทันใดนั้น ซูชือส่งเสียงหัวเราะออกมาและยิ้มเจ้าเล่ห์ “ผมว่าคุณตั้งใจจะหลอกใช้ผมให้หักหลังเพื่อนตัวเองมากกว่า”

ซูชือไม่ได้โง่

ถ้าพวกของหวังห่าวตั้งใจจะเก็บข้อมูลพฤติกรรมการเล่นเกมของซูเย่ เพื่อไปใช้วางแผนพัฒนาหลักสูตรการฝึกสอนให้แก่หมอนั่นจริง ๆ ทำไมถึงไม่ไปพูดคุยกับซูเย่โดยตรงเลยล่ะ

เรื่องนี้ต้องมีลับลมคมในแน่นอน!

“หยกปราณธรรมชาติหนึ่งชิ้น” หวังห่าวพลันพูดเข้าประเด็นทันที “มันจะช่วยให้นายเลื่อนระดับขึ้นสู่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สองได้อย่างรวดเร็ว นี่ไม่ใช่การหักหลังเพื่อนตัวเอง แต่นี่คือภารกิจที่ผู้เล่นเกมต้องทำให้สำเร็จต่างหาก”

“ตอนนี้ผมเปิดจุดลมปราณได้ 150 จุด อีกไม่นานก็คงเลื่อนระดับขึ้นสู่ขั้นที่สองได้เองอยู่แล้ว” ริมฝีปากของซูชือบิดตัวเป็นรอยยิ้มเหยียดหยาม เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจกับข้อเสนอของนายตำรวจหนุ่มสักเท่าไหร่

“หา?”

หวังห่าวอุทานออกมาทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของซูชือก่อนจะต้องสำรวจมองชายหนุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความประหลาดใจ “นายก็เปิดจุดลมปราณได้เร็วกว่าปกติเหมือนกันเหรอ?”

“เสี่ยวเย่เป็นเพื่อนรักของผม ต่อให้ผมจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่ผมก็ไม่มีวันขายเพื่อนกินเด็ดขาด แล้วคุณจะมาบอกให้ผมทรยศเพื่อนตัวเองเนี่ยนะ?”

พูดมาถึงตรงนี้ ซูชือก็หัวเราะในลำคอและกล่าวเสริมว่า “อย่างน้อยก็น่าจะมีเงินติดปลายนวมให้สักหน่อยสิ”

“หยกปราณธรรมชาติสองชิ้น” หวังห่าวพูดอีกครั้ง และมองหน้าซูชือด้วยแววตาดุดัน ก่อนตัดบทว่า “นี่คือภารกิจ อย่าหวังอะไรให้มากนัก”

“ก็ได้ครับ” ซูชือรีบรับปากทันที “เดี๋ยวผมขอนึกก่อนว่าก่อนหน้านี้ซูเย่มันเข้าเล่นเกมวันไหนบ้าง”

“ข้อมูลก่อนหน้านี้ไม่สำคัญอีกแล้ว” หวังห่าวยกมือโบกสะบัด “ข้อมูลที่ฉันต้องการคือพฤติกรรมการเล่นเกมหลังจากนี้ของซูเย่ต่างหาก ฉันอยากรู้ว่าเขาเข้าเล่นเกมเวลาไหนวันไหนบ้าง!”

“ไม่มีปัญหาครับผม” ซูชือยกมือขึ้นทำท่าตะเบ๊ะ ก่อนถามต่อ “แล้วผมจะได้รับหยกปราณธรรมชาติเมื่อไหร่?”

“แน่นอนว่าคงไม่ใช่ตอนนี้” หวังห่าวส่ายหน้าปฏิเสธ “ฉันจะมอบให้นายในเวลาที่เหมาะสม ถ้านายทำได้ดี ฉันก็อาจมีรางวัลพิเศษเพิ่มให้ด้วย!”

“แบบนี้ไม่เอาเปรียบกันมากเกินไปหน่อยเหรอครับ?”

ซูชือขมวดคิ้ว

“นี่คือภารกิจ! ฉันไม่ได้มีหน้าที่มาคอยเอาใจนาย!”

หวังห่าวพยายามอดกลั้นอารมณ์ความหงุดหงิดที่ถูกชายหนุ่มต่อรองตลอดเวลา

“ก็ได้ครับ แต่อย่าให้ผมรอนานเกินไปก็แล้วกัน”

ซูชือว่า

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ”

พูดจบ

นักศึกษาหนุ่มก็หมุนตัวเดินจากไป

ในเวลาเดียวกันนี้

นักศึกษาทั้ง 50 คนที่ได้รับเลือกให้เป็นคนไข้อาสาสมัครส่วนใหญ่รู้จักกันเป็นอย่างดี พวกเขาจึงแอบสร้างกรุ๊ปวีแชทขึ้นมาโดยที่ไม่มีใครรู้

“พวกเราเด็กจากคณะแพทย์แผนจีนไม่มีความลับปิดบังต่อกัน ผู้ที่ผ่านเข้ารอบ 100 คนสุดท้ายมาได้ 99 คนต่างก็เป็นเด็กคณะแพทย์แผนจีน มีแค่ซูเย่คนเดียวเท่านั้นที่เป็นเด็กจากคณะอื่น”

“ฉันไม่คิดมาก่อนเลยนะว่าซูเย่จะมีฝีมือดีขนาดนี้ แต่ตลอดการสอบที่ผ่านมา คณะแพทย์แผนจีนของเราโดนหมอนี่ตบหน้านับครั้งไม่ถ้วน พวกเราต้องหาทางแก้แค้นบ้างแล้วล่ะ!”

ผู้ตั้งกลุ่มวีแชทเปิดประเด็นขึ้นมาด้วยความโกรธแค้น

“เรื่องนั้นก็จริงนะ แต่พวกเราสู้เขาไม่ได้ จะให้แก้แค้นยังไงล่ะ?”

“เรื่องนั้นไม่เห็นจะยาก พวกเรามีกันตั้ง 50 คน เท่ากับจำนวนครึ่งหนึ่งของคนไข้อาสาสมัครวันพรุ่งนี้ มีโอกาสสูงที่พวกเราคนใดคนหนึ่งจะถูกเลือกให้เป็นคนไข้ของซูเย่ ถ้าเขาได้ทำการรักษาเรา พวกนายก็แค่ต้องหาทางทำให้หมอนั่นดูแย่เท่านั้นเอง!”

“อย่างเช่น ไม่ว่าซูเย่วินิจฉัยและรักษาอาการนายยังไงก็ตาม สุดท้ายนายก็แค่แกล้งทำเป็นป่วยหนักเพราะการรักษาของเขา แค่นี้ปัญหาทุกอย่างก็จบแล้ว!”

“เรื่องนี้ฉันก็คิดอยู่เหมือนกัน ฉันเตรียมใบมะขามแขกเอาไว้แล้ว ถ้าหมอนั่นจะต้มยาให้ฉันกิน ฉันก็จะกินใบมะขามแขกไปด้วย รับรองได้ว่าฉันจะต้องขี้แตกคาห้องตรวจแน่นอน”

เมื่อแผนการนี้ถูกโพสต์ลงไปในกลุ่ม

สมาชิกผู้ร่วมกลุ่มต่างก็พูดอะไรไม่ออก

ช่างเป็นวิธีการที่อำมหิตเหลือเกิน

พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าการปรึกษาหารือแผนการในครั้งนี้ จะมีคนยอมเสียสละตัวเอง เพื่อเล่นงานซูเย่จริง ๆ

ช่างน่านับถืออะไรเช่นนี้!

หลังจากนั้น ในห้องแชทก็มีแต่การส่งสติ๊กเกอร์ยกนิ้วโป้ง เพื่อเป็นการสรรเสริญให้แก่เจ้าของความคิดผู้จะรับประทานใบมะขามแขกให้ตนเองท้องเสียผู้นั้น

วันต่อมา

เวลา 7:30 น.

คนไข้อาสาสมัครจำนวน 100 คนได้รับประทานอาหารเช้า และมีเจ้าหน้าที่ของทางมหาวิทยาลัยดูแลเป็นอย่างดี ก่อนจะพามายังสนามกีฬาเพื่อเข้าประจำที่ของตนเอง

ไม่มีการติดป้ายชื่อ ไม่มีการจัดแจงอะไรนอกเหนือไปจากนี้

เมื่อมาถึงสนามกีฬาแล้ว

คนไข้ทั้ง 100 คนก็ถูกสั่งให้เดินเข้าไปในเต็นท์หลังละหนึ่งคน

กระบวนการทั้งหมดดำเนินไปอย่างรวดเร็ว

เวลา 8:00 น.

ผู้เข้าสอบทั้ง 100 คนก็มาถึง

เพียงเห็นสภาพของสนามกีฬา ณ ปัจจุบัน ทุกคนก็ต้องหยุดชะงักด้วยความตกตะลึง

พวกเขาคาดเดาว่าตนเองอาจจะต้องทำการสอบกลางแจ้ง แต่ที่ไหนได้ ทางมหาวิทยาลัยถึงกับทุ่มทุนสร้างนำเต็นท์ซึ่งคล้ายกับโรงพยาบาลสนามมาจัดตั้งถึง 100 หลัง

ในเวลาเดียวกันนี้ อาจารย์ผู้คุมสอบก็ทักทายกับทุกคนว่า

“สวัสดีนักศึกษาทุกท่าน”

“วันนี้ผมคือหนึ่งในผู้คุมสอบของพวกคุณ”

“ก่อนอื่น ผมมีหน้าที่ประกาศกติกาการสอบให้ทุกคนได้ทราบ”

“ทางมหาวิทยาลัยได้จัดเตรียมตัวยาสมุนไพร และอุปกรณ์สำหรับต้มยาไว้ให้พวกคุณใช้งานอยู่ภายในเต็นท์ส่วนกลางเรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับชุดฝังเข็มและอุปกรณ์การรักษาอีกหลากหลายรูปแบบ หน้าที่ของนักศึกษาก็คือต้องเดินเข้าไปในเต็นท์ของตนเอง วินิจฉัยอาการและทำการรักษาคนไข้ที่อยู่ในนั้นให้ได้”

“สมุนไพรทุกชนิดที่จัดเตรียมเอาไว้ในเต็นท์กลางสนาม จะไม่มีป้ายชื่อระบุประเภท เช่นเดียวกับอุปกรณ์ทุกชนิด ดังนั้น ก่อนที่คุณจะหยิบจับอะไร กรุณาตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่ามันเป็นของที่คุณต้องการจริง ๆ ”

ผู้เข้าสอบทั้ง 100 คนจ้องมองไปยังเต็นท์กลางสนามกีฬา ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับจัดวางอุปกรณ์และสมุนไพรนานาชนิดให้เลือกใช้สำหรับการรักษาคนไข้ในวันนี้

“เต็นท์ทุกหลังจะมีแพทย์แผนจีนมืออาชีพคอยสังเกตการณ์ กฎระเบียบการสอบก็มีแต่เพียงเท่านี้ นี่คือการวินิจฉัยและการรักษาคนไข้อย่างแท้จริง ขอให้นักศึกษาทุกท่านโชคดี” ผู้คุมสอบปิดท้ายด้วยรอยยิ้ม “เราจะมาเริ่มพิธีจับฉลากเลือกเต็นท์ของแต่ละคนเป็นลำดับต่อไป”

ผู้เข้าสอบยืนต่อแถวกันเพื่อจับฉลาก

ในกล่องสำหรับจับฉลากมีลูกปิงปองอยู่ 100 ลูก ลูกปิงปองแต่ละลูกจะติดหมายเลข ซึ่งเป็นตัวแทนของเต็นท์แต่ละหลัง

ซูเย่เอื้อมมือลงไปหยิบได้ลูกปิงปองที่มีหมายเลข 100 ขึ้นมา

ชายหนุ่มพูดอะไรไม่ออกทันที

ดูเหมือนเขาจะมีวาสนาผูกพันกับอะไรที่เป็นลำดับสุดท้ายเหลือเกิน

ในเต็นท์หมายเลข 100

นักศึกษาผู้นั่งอยู่บนเตียงสนามกำลังถือถ้วยชาร้อนอยู่ถ้วยหนึ่ง

“มีอาสาสมัครตั้ง 100 คน เราคงไม่ซวยเจอซูเย่จริง ๆ หรอกใช่ไหม?” ชายหนุ่มจ้องมองถ้วยชาในมือและพึมพำต่อไปว่า “ในที่สุด เราก็มีโอกาสได้ชงชาใบมะขามแขกสักที แต่ถ้าไม่ได้ดื่ม ก็คงไม่ถือว่าเสียของหรอกมั้ง?”

เขาพยายามมองออกไปนอกเต็นท์ด้วยความตื่นเต้น แต่แล้วดวงตาก็ปะทะเข้ากับอาจารย์ผู้คุมสอบซึ่งยืนอยู่หน้าทางเข้าเต็นท์

อาจารย์กัวหงหย่วน

อาจารย์หนุ่มผู้นี้เป็นแพทย์แผนจีนรุ่นใหม่ไฟแรง มีอายุเพียง 40 ปี แต่กลับถูกวางตัวให้เป็นกระดูกสันหลังของวงการแพทย์แผนจีนในอนาคตเรียบร้อยแล้ว

ตอนที่ทางคณะกรรมการร่วมประชุมกันเมื่อหลายวันก่อน ก็เป็นเขาเองนี่แหละที่เสนอความคิดให้มอบโควตาพิเศษแก่ลู่จวิ้น เพราะเสียดายในพรสวรรค์ของเธอมากเกินไป

ขณะนี้ อาจารย์กัวหงหย่วนกำลังสบตามองคนไข้ประจำเต็นท์ 100

เขาสังเกตเห็นความตื่นกลัวปรากฏขึ้นในแววตาของคนไข้อาสาสมัครผู้นี้

“ไม่ต้องกลัว” กัวหงหย่วนพยายามยิ้มปลอบโยน “นี่ก็เหมือนไปตรวจกับหมอที่โรงพยาบาลปกตินั่นแหละ ก่อนหน้านี้ผมลองตรวจร่างกายคุณดูแล้ว ร่างกายคุณแข็งแรงดี ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”

“อ้อ ครับ” คนไข้หนุ่มพยักหน้า แอบบีบถ้วยชาร้อนในมือแนบแน่นโดยไม่รู้ตัว หลังจากนั้นก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตา ไม่กล้าเงยหน้ามองไปที่กัวหงหย่วนอีก

“มาแล้ว” กัวหงหย่วนยิ้มกว้างขณะจ้องมองออกไปนอกเต็นท์

ขณะนี้ ผู้เข้าสอบทั้ง 100 คนจับฉลากเสร็จสิ้นแล้ว และทุกคนก็กำลังเดินตรงไปยังเต็นท์ที่มีหมายเลขตรงกับลูกปิงปองของตัวเอง

ในบรรดากลุ่มคนที่เดินตรงมาทางนี้ ดวงตาของกัวหงหย่วนจ้องมองไปยังชายหนุ่มคนหนึ่งเป็นพิเศษ

ซูเย่!