บทที่ 223 ต้องการพลังวิญญาณนิดหน่อย

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บทที่ 223 ต้องการพลังวิญญาณนิดหน่อย!

ลำแสงหลากสีปกคลุมตัวจินอวี่และดูดเข้าไปในหอคอย

จนเมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าตนมาปรากฏบนเวทีประลองแห่งหนึ่ง เวทีประลองมีความกว้างหลายร้อยจั้ง ทุกที่เปล่งแสงสีม่วง ประกายแสงสีสันสวยงามและมั่นคงแข็งแรง

“เจ้าพญาอินทรีทองหนุ่ม! ยินดีต้อนรับสู่หอคอยเทพสงคราม เตรียมรับการต่อสู้มาดีแล้วรึยัง”

เสียงสตรีอบอุ่นดังขึ้นรอบๆ เวทีประลอง ได้ยินแล้วจะอดรู้สึกเหมือนอาบสายลมใบไม้ผลิไม่ได้

ปรากฏกลุ่มแสงขึ้นตรงหน้าจินอวี่ทีละวง วนเวียนรอบตัวเขาไม่หยุด แผ่ท่วงทำนองออกมาทีละนิด

และทางมือขวาเขามีศิลาโบราณสีดำโผล่ขึ้นมา มีความสูงเก้าจั้งห้าฉื่อ ด้านบนแกะสลักรายนามเอาไว้

‘หนึ่ง ฮวงสือ โอรสสวรรค์หกดาว’

‘สอง เป่ยเฉินเสวียน โอรสสวรรค์ห้าดาว’

‘สาม เป่ยอวี่ซี โอรสสวรรค์ห้าดาว’

‘สี่ ฉู่หรงเหอ โอรสสวรรค์ห้าดาว’

……

‘สามสิบเอ็ด ข่งเมิ่ง ธิดาสวรรค์สี่ดาว’

‘สามสิบสอง เฉินเป่ยโต้ว โอรสสวรรค์สี่ดาว’

‘สามสิบสาม เริ่นอินหยาง โอรสสวรรค์สี่ดาว’

……

เมื่อเห็นอักษรบนศิลานั่นแล้ว จินอวี่อดจริงจังขึ้นมามิได้ “อันดับบนศิลาโบราณนี่หมายความว่าอะไรกัน”

เสียงสตรีดังขึ้นบนเวทีประลองอีกครั้ง “นี่คืออันดับโอรสสวรรค์ที่เข้ามาฝึกฝนในหอคอยตลอดหมื่นปีมานี้ ทั้งยุติธรรมและตรงไปตรงมายิ่ง”

ทุกคนที่เข้ามาฝึกฝนในหอคอยนี่ตลอดหมื่นปีมานี้จะมีชื่ออยู่บนศิลาโบราณนี้หรือ

หรือก็คือบนนี้คือโอรสสวรรค์ตลอดหมื่นปีมานี้

ไม่อยากเชื่อว่าบัวมรกตจะอยู่อันดับสี่ บัดซบ!

จินอวี่มองไล่ลงมาตามลำดับช้าๆ ก่อนจะเห็นว่าสิ้นสุดที่อันดับร้อย ไม่มีไปต่อ

“ไฉนมีเพียงท่านหญิงเซียนข่งเมิ่งที่อยู่ในอันดับร้อย กำลังรบของเสิ่นเทียนยังไม่ติดร้อยอันดับแรกอีกหรือ”

จินอวี่ไม่ยอมนิดๆ จึงพูดโพล่งออกมา

เสียงสตรีในความว่างเปล่าชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะอธิบาย “การทดสอบของเขายังไม่เริ่ม นี่เป็นการจัดอันดับแบบตลอดเวลา ยุติธรรมแน่นอน”

เสียงเพิ่งดังขึ้นก็พบว่าอันดับของข่งเมิ่งขยับแสงอ่อนๆ จากนั้นนามของข่งเมิ่งหายไปจากอันดับสามสิบเอ็ด มาปรากฏตรงอันดับสิบสอง

‘อันดับสิบสอง ข่งเมิ่ง ธิดาสวรรค์ห้าดาว’

เมื่อเห็นการเปลี่ยนอันดับแบบตลอดเวลา จินอวี่ก็รู้สึกสนใจขึ้นมา

นี่คือการจัดอันดับได้มาตรฐานโดยมีของวิเศษเซียนประเมิน ซึ่งมีอำนาจบารมียุติธรรมอย่างยิ่ง

หากมีชื่อบนศิลาเทพสงครามนี่ได้ ภายภาคหน้าโอรสสวรรค์ที่เข้ามาในหอคอยนี้ก็จะมองข้าด้วยความเคารพไม่ใช่หรือ

ศักยภาพของท่านหญิงเซียนข่งเมิ่งอยู่เหนือข้าก็จริง แต่นางอยู่อันดับสิบสอง ข้าติดอันดับสามสิบห้าสิบก็ไม่ยากกระมัง!

เสียงสตรีในความว่างเปล่าดังขึ้นอีกครั้ง เหนือวงแสงพวกนั้นค่อยๆ ปรากฏร่างเงาขึ้น กำลังแสดงวิชาและทักษะยุทธ์ชั้นสูง กระทั่งจินอวี่ยังเห็นวงแสงสีทองหนึ่งกำลังแสดงมรดกเผ่าอินทรีที่หายสาบสูญไปนานแล้ว…วิชาอินทรีสวรรค์ปะทะมังกร!

นั่นคือหนึ่งในทักษะยุทธ์ที่แกร่งที่สุดของเผ่าอินทรี เมื่อฝึกถึงระดับลึกซึ้ง ถึงขั้นปะทะกับมังกรแท้จริงได้

ต้องบอกว่าจินอวี่สนใจแล้ว

“ดวงจิตหอคอย มรดกวิชาอินทรีสวรรค์ปะทะมังกรนี่เป็นของจริงหรือไม่”

เสียงเฉยชาดังขึ้น “วิชาอินทรีสวรรค์ปะทะมังกรคือมรดกสามดาว เอาชนะโอรสสวรรค์สามดาวสำเร็จก็จะได้มรดกนี้”

เอาชนะโอรสสวรรค์สามดาวถึงจะได้หรือ

จินอวี่ทำหน้าดีใจ ถึงอย่างไรข่งเมิ่งก็เอาชนะได้กระทั่งโอรสสวรรค์สี่ดาว บุกไปถึงชั้นห้า

ต่อให้เขาจินอวี่แย่กว่านี้ ก็เอาชนะโอรสสวรรค์สามดาวได้ไม่ใช่ปัญหากระมัง!

“ดวงจิตหอคอย ส่งโอรสสวรรค์สามดาวมาให้ข้าเลย ข้าจะสั่งสอนมันให้เป็นคนเดี๋ยวนี้!”

“การจะท้าสู้กับโอรสสวรรค์สามดาวต้องวางเดิมพันหนึ่งพันแต้มเทพสงคราม สามารถนำศิลาวิญญาณหรือสมบัติวิเศษมาแลกได้ นอกจากนี้ แต้มเทพสงครามสามารถใช้แลกกับสิทธิ์การเยียวยา ชี้แนะหรือเอาตัวรอดในหอคอยได้ ตรวจสอบท่านแล้วไม่มีแต้มเทพสงคราม จะแลกเลยหรือไม่”

การจะท้าสู้กับโอรสสวรรค์ในหอคอยต้องใช้แต้มเทพสงครามรึ

จินอวี่อึ้งไปครู่หนึ่ง ยังดีที่บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คืนสมบัติให้ข้าแล้ว

ถ้าไม่อย่างนั้นกว่าข้าจะเข้าหอคอยเทพสงครามมาไม่ใช่ง่ายๆ แต่กลับท้าสู้ไม่ได้ นั่นไม่เท่ากับเสียเที่ยวหรือ

เขาจึงนำศิลาวิญญาณล้านก้อนในแหวนเก็บของออกมาทั้งหมด ก่อนจะพูดอย่างยิ่งใหญ่ “กับอีแค่ศิลาวิญญาณไม่มีปัญหา เจ้าคำนวณหน่อยว่าศิลาวิญญาณล้านก้อนแลกกับแต้มเทพสงครามได้เท่าไร พอท้าประลองหรือไม่”

เสียงสตรีดังขึ้น “ศิลาวิญญาณล้านก้อนแลกได้หนึ่งร้อยแต้มเทพสงคราม ถ้าจะท้าประลองโอรสสวรรค์สามดาว ยังขาดแต้มเทพสงครามอีกเก้าร้อยแต้ม

ขอให้รวมแต้มเทพสงครามให้ครบก่อนค่อยท้าประลอง หากเอาชนะก็จะได้แต้มเทพสงครามคืนมาทั้งหมด หากแพ้จะหักแต้มเทพสงครามเท่านั้น นำมาแลกไม่ได้อีก”

เสียงอธิบายอย่างละเอียดดังในหูจินอวี่

“ศิลาวิญญาณล้านก่อนแลกได้แค่ร้อยแต้มสงครามรึ หรือก็คือจะท้าสู้กับโอรสสวรรค์สามดาวหนึ่งครั้ง อย่างน้อยต้องเดิมพันศิลาวิญญาณสิบล้านก้อนหรือ เจ้าหอคอยบ้านี่ ของเดิมพันสูงเกินไปแล้ว!”

จินอวี่อดบ่นมิได้

เสียงสตรีเอ่ยถาม “ท่านใช้สิบล้านศิลาวิญญาณซื้อวิชาอินทรีสวรรค์ปะทะมังกรอันเป็นมรดกเผ่าอินทรีสวรรค์ที่หายสาบสูญไปนานได้หรือไม่”

จินอวี่ผงะไปเล็กน้อย “ไม่ได้”

เสียงสตรีเอ่ยต่อ “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ใช้สิบล้านศิลาวิญญาณเดิมพันกับวิชาอินทรีสวรรค์ปะทะมังกรจะไม่คุ้มค่าได้อย่างไร”

พอได้ฟังคำอธิบาย จินอวี่ก็ครุ่นคิด

ถ้าแพ้จะเสียสิบล้านศิลาวิญญาณ ถ้าชนะจะได้วิชาชนมังกร

ครึ่งต่อครึ่ง อัตราห้าส่วน ข้ามั่นใจมากว่าจะเอามรดกกลับไปให้เผ่าได้!

ไม่มีอะไรผิดพลาด!

เมื่อคิดได้ดังนั้น จินอวี่ก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที

เขาถอดแหวนเก็บของออกจากนิ้วมือ เริ่มเอาสมบัติออกมาทีละชิ้นและอธิบายประโยชน์ใช้สอยกับมูลค่าของมันอย่างละเอียด

เมื่อลำแสงหลากสีดูดเอาสมบัติไป แต้มเทพสงครามเหนือศีรษะจินอวี่ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ยินดีด้วยท่านรวมแต้มเทพสงครามครบหนึ่งพันแล้ว ได้สิทธิ์สุ่มท้าประลองกับโอรสสวรรค์สามดาว จะเริ่มการต่อสู้เดิมพันเลยหรือไม่”

จินอวี่นำขวดหยกสีขาวที่บรรจุของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานออกมาดื่มอึกเล็กอย่างระมัดระวัง

ดื่มเสร็จแล้วยังไม่ลืมเลียฝาขวดอีกที

พลังงานเอ่อล้นหลั่งทะลักเข้าไปในกายจินอวี่ ทำให้สภาพร่างกายเขาถึงจุดสูงสุด “เริ่มเลยเถอะ!”

ปรากฏแสงสว่างวาววับตรงหน้า หนุ่มร่างกำยำสวมเกราะนักรบสีแดงคนหนึ่งมาอยู่ตรงหน้าจินอวี่

“เหยียนเช่อ ชนรุ่นหลังเผ่าเทพคันศร ขอให้สหายชี้แนะด้วย”

ชายคนนี้แบกคันศรยาวที่มีไฟลุกท่วมข้างหลัง ตรงเอวห้อยลูกธนูยาวสีแดงอมทองเก้าดอก ทุกดอกแผ่พลังแก่กล้า

ทันทีที่เขาปรากฏตัว จินอวี่รู้สึกไม่ดีอย่างมาก เหมือนว่าจะสู้คู่ต่อสู้ที่เหมาะสมนี่ไม่ไหวนิดๆ

เจ้าคนนามเหยียนเช่อแผ่กลิ่นอายพลังแข็งแกร่งไม่ด้อยไปกว่าจินอวี่เลย

และที่สำคัญกว่านั้นคือเขาจินอวี่เป็นนกนะ!

เจ้าให้เจอกับคู่ต่อสู้ที่ใช้ธนู มันจะเหมาะสมจริงๆ หรือ

อีกทั้งข้ายังเป็นเผ่าพญาอินทรีปีกทอง ธาตุทอง เจ้านี่มันธาตุไฟชัดๆ!

ทองกับไฟ เป็นปฏิปักษ์กันตั้งแต่เริ่มสู้แล้ว!

“การต่อสู้เดิมพันเริ่ม”

จินอวี่งุนงง

แต่ตอนนี้เหยียนเช่อยกคันศรในมือขึ้น ข้างหลังมีเงาเทพยิ่งใหญ่ลอยขึ้นรางๆ

ทั่วร่างเขาแผ่เปลวไฟเชี่ยวกราก พริบตาเดียวก็ง้างคันศรเล็งธนู “เจ้าตัวเปล่งแสง ดอกเดียวก็พอแล้ว!”

เพิ่งพูดจบ ลูกธนูยาวเปลวไฟก็ยิงใส่จินอวี่ทีละดอก ปิดตายการบุกและถอยของมันทั้งหมด

อ๊าก!

……

ครึ่งชั่วยามต่อมา จินอวี่ที่มีรูทั้งตัวยอมแพ้ด้วยความสิ้นหวัง

พันแต้มเทพสงครามถูกหักไป จินอวี่ปวดใจเสียจนปากกระตุกไม่หยุด

เสียงสตรีดังขึ้นอีกครั้ง “อินทรีทองหนุ่ม ขอให้อย่าละทิ้งจิตมุ่งมั่นในการต่อสู้ สู้ต่อไปเถอะ! ศักยภาพของเจ้าไม่ด้อยไปกว่าเหยียนเช่อ เพียงแค่เผ่าพันธุ์กับธาตุแพ้ทางเขาเท่านั้น มิใช่ศักยภาพของตัวเองไม่ดีพอ!

ลองอีกครั้ง บางทีครั้งหน้าร่างเงาโอรสสวรรค์ที่เหมาะสมอาจจะเป็นโอรสสวรรค์ธาตุไม้ ถึงตอนนั้นเจ้าเอาชนะเขาได้สบายๆ แน่

วิชาอินทรีสวรรค์ปะทะมังกรอยู่ใกล้แค่เอื้อม เจ้าจะทิ้งโอกาสที่ดีที่สุดเช่นนี้ไปจริงๆ หรือ สู้เข้า อย่าถอดใจเด็ดขาด! และเพื่อเป็นกำลังใจให้เจ้า ข้าจะมอบชุดอาหารเยียวยามูลค่าห้าสิบแต้มให้เจ้าโดยไม่มีค่าใช้จ่าย”

เมื่อเอ่ยจบก็มีแสงหลากสีสาดลงบนตัวจินอวี่ ทำให้อาการบาดเจ็บฟื้นกลับมาอย่างรวดเร็ว

นี่พี่สาวดวงจิตหอคอยผู้อ่อนโยนให้กำลังใจข้าจากใจจริงหรือ ทั้งยังเยียวยาให้ข้าโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ทำให้นกซาบซึ้งใจจริงๆ

หรือว่าดวงจิตหอคอยเทพสงครามจะมองข้าในมุมใหม่แล้ว

ในดวงตาเฉียบคมของจินอวี่เกิดจิตมุ่งมั่นในการต่อสู้ขึ้นอีกครั้ง “โอรสสวรรค์เผ่าอินทรีสวรรค์ไม่ใช่แพ้แค่ครั้งเดียวก็จะยอมแพ้!”

จินอวี่ถอดเกราะนักรบอินทรีสวรรค์บนตัวออกมา ก่อนจะทำเสียงหึ “สมบัติวิญญาณระดับสูงสุด แปลงเป็นแต้มเทพสงครามให้ข้า ข้าจะเอาวิชาอินทรีสวรรค์ปะทะมังกรมาให้ได้!

แลกเรียบร้อย คู่ต่อสู้คนใหม่กำลังอยู่ในการจับคู่อย่างเหมาะสม

“จับคู่สำเร็จ!”

ร่างของเหยียนเช่อหายไป ก่อนปรากฏวิหคเทพที่มีเปลวไฟสีแดงทั้งตัวขึ้นช้าๆ

นั่นคืออัจฉริยะเผ่าเทพหงส์ และเอาชนะทางอินทรีทองอีกแล้ว

การต่อสู้ยังดำเนินต่อไป

……

ณ ชั้นเจ็ดหอคอยเทพสงคราม หน้ากระจกปราการลับ

เสิ่นเทียนเหม่อมองเยี่ยฉิงชางที่กำลังนับสมบัติอยู่ ตอนนี้เขาสงสัยนิดๆ ว่าเจ้านี่ใช่คนแซ่หม่าทะลุมิติมาหรือไม่

เจ้านี่อาศัยเวทีประลองเทพสงครามมาตลอดหมื่นปี เกรงว่าคงหลอกโอรสสวรรค์บัตรทองพวกนั้นมาไม่น้อยกระมัง!

พอเห็นเสิ่นเทียนทำหน้าแปลกๆ เยี่ยฉิงชางก็พูดนิ่งๆ “ไม่ต้องมองข้า ของพวกนี้เอามาซ่อมแซมหอคอยเทพสงคราม”

ตอนที่ตกมาจากโลกเซียน หอคอยเทพสงครามก็แตกร้าวแล้ว หมื่นปีมานี้ไม่รู้ว่าเขาต้องใช้ทรัพยากรเท่าไรเพื่อไม่ให้หอคอยเทพสงครามถล่มลง

เสิ่นเทียนส่ายหน้าน้อยๆ “ที่ข้าอยากถามคือการจับคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมบนเวทีประลองเป็นการสุ่มจริงๆ หรือ”

เยี่ยฉิงชางมองเสิ่นเทียนพลางพยักหน้าอย่างพอใจ “เด็กโตแล้วพอจะถ่ายทอดวิชาความรู้ให้ได้จริงๆ!”

เฮ้ยๆๆ เจ้ามองคนอื่นด้วยสายตาเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน

ข้าเป็นคนจิตใจดีงาม ไม่ได้หลอกง่ายขนาดนั้นหรอก!

เด็กโตแล้วพอจะถ่ายทอดวิชาความรู้ให้ได้อะไร ไปถ่ายทอดให้น้องเขยเจ้าเถอะ!

เสิ่นเทียนมองเยี่ยฉิงชางสวมชุดคลุมม่วงเหมือนผู้สูงส่งมรรค แต่ในคำพูดกลับไม่มีความถูกต้องชอบธรรมสักนิด เขามักจะรู้สึกว่าอยู่กับตาแก่นี่ไม่ค่อยปลอดภัย อาจจะถูกขายทิ้งได้ทุกเมื่อ

รอเดี๋ยว จู่ๆ ก็รู้สึกมีอะไรแปลกๆ!

เสิ่นเทียนจ้องเยี่ยฉิงชาง “ผู้อาวุโส ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่าขอแค่ข้าเอ่ยปาก หอคอยเทพสงครามนี่จะเป็นของข้าหรือ มีเงื่อนไขอะไรหรือไม่”

เยี่ยฉิงชางกลอกตาไปมา “เงื่อนไขรึ ไม่มีเงื่อนไขอะไร จะมีเงื่อนไขอะไรได้ ไม่มีหรอก”

เสิ่นเทียนไม่พูด เพียงแค่จ้องเยี่ยฉิงชางตรงๆ

ชายชราชุดคลุมม่วงเยี่ยฉิงชางเหมือนถูกจ้องจนกลัว จึงเอ่ยอย่างจำใจ “ก็ได้ๆ! ข้าจะบอกความจริงกับเจ้า!

มันไม่มีเงื่อนไขอะไรจริงๆ เพียงแต่ว่าหอคอยเทพสงครามเสียหายอย่างหนักตอนอยู่โลกเซียน มีแต่รอยแตกร้าว ต้องใช้พลังวิญญาณซ่อมแซม

ดังนั้นถ้าเจ้าผูกกับหอคอยเทพสงครามจริงๆ ก็ต้องให้พลังวิญญาณนิดหน่อยกับมันทุกช่วงเวลา ไม่ได้เยอะมากหรอก เอาแค่ไม่ให้หอคอยถล่มก็พอ ถ้าไม่เช่นนั้นมันอาจจะแตกร้าวต่อไปได้”

เสียหายอย่างหนัก ต้องป้อนพลังวิญญาณนิดหน่อยทุกช่วงเวลา ไม่อย่างนั้นจะถล่มลงหรือ

เสิ่นเทียนมองชายชราชุดคลุมม่วงที่หลบสายตาไป เขามักจะรู้สึกว่าเจ้านี่พูดจาเกินจริงไปหน่อย

นี่เป็นสมบัติที่สังหารเซียนแท้จริงได้ ใช้พลังวิญญาณแค่นิดหน่อยจริงๆ นะ ไม่ใช่นิดหน่อยแบบเป็นร้อยล้านน่ะ

คิดว่าข้าเป็นเซียวเหยียน[1]รึไง!

อีกทั้ง เสิ่นเทียนส่องภายในมองกระบี่ฟ้าสังหารในกลีบปอดแล้ว แม้แต่ของวิเศษเตรียมเซียนหลังยอมรับนายแล้วก็ยังเก็บเข้าไปในร่างกาย!

หากเขาหยดโลหิตเป็นนายแห่งหอคอยเทพสงครามจริงๆ มันจะไม่วิ่งเข้าไปในตัวเขาหรือ

เช่นนั้นถ้าไม่ให้พลังวิญญาณก็จะถล่มลง แล้วมันถล่มที่ใด

ถล่มหรือว่าระเบิดกันแน่

ซี้ด~

ขอลาล่ะ!

………………………………………………

[1]เซียวเหยียน ตัวเอกในเรื่องสัประยุทธ์ทะลุฟ้า