ตอนที่ 143 ไม่มีแรงจะร้องไห้

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซียิ้ม กล่าวว่า “หือ ? คาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมีอำนาจของความเป็นโอรสอยู่บ้าง “

ไป๋มู่เฟิงยิ้มเจื่อน ๆ “หากไม่มีอำนาจแม้แต่น้อย เช่นนั้นคงทําให้ท่านปู่ต้องผิดหวัง”

“เฮ้! องค์ชายช่างเหลวไหลเสียจริง”

“ใช่ ถ้าท่านกั๋วกงเป็นอะไรไป ใครจะรับภาระนี้ได้”

“นายท่านรองดูนั่นสิ…” พวกเขาพากันมองไปที่ไป๋จื้อหลิน

ไป๋จื้อหลินกล่าว “ในเมื่อมู่เฟิงเชื่อในตัวหมอปีศาจคนนี้ ก็ให้เขาลองดูเถอะ  เมื่อถึงเวลานั้น ต่อให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับท่านพ่อจริง ๆ ก็ไม่ใช่ความผิดของปรมาจารย์ทุกท่าน”

เมื่อได้ยินคําพูดของไป๋จื้อหลิน พวกเขารู้สึกดีใจที่เจ้าเด็กนั่นปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ  มิเช่นนั้น หากพวกเขาทำการรักษาออกมาไม่ดี คงยากที่พวกเขาจะไม่มีปัญหากับราชวงศ์และคนจวนกั๋วกง  บัดนี้มีแพะรับบาปโผล่เข้ามา สวรรค์ช่างช่วยพวกเขาดีแท้

พวกเขาเหลือบมองเข้าไปในห้องของจวนกั๋วกงอย่างเหยียดหยาม พวกเขาไม่เชื่อแม้สักนิดว่าเจ้าเด็กนี่จะสามารถช่วยชีวิตกั๋วกงได้

บนเตียงมีชายชราคนหนึ่งหมดสตินอนอยู่  ใบหน้าเขาซีดเผือด สภาพร่างกายของเขาอ่อนแอ ลมหายใจรวยริน  มู่เฉียนซีจับชีพจรของเขา เปิดเปลือกตาและตรวจสอบสีผิวชายชราอย่างละเอียด

ไป๋มู่เฟิงถามอย่างกระวนกระวายใจ “คุณชายมู่ ท่านปู่ข้า…” บรรดาหมอชราที่อยู่ด้านนอกนั้น สาธยายเหตุผลออกมาต่าง ๆ นานา แต่ไม่มีใครกล่าวถูกประเด็นเลย

มู่เฉียนซีในร่าง ‘มู่ซี’ กล่าว “เอากระดาษมา ข้าจะเขียนใบสั่งยา”

ไป๋มู่เฟิงตื่นเต้นล้นเหลือ หากมีใบสั่งยา เช่นนั้นก็แสดงว่าสามารถรักษาได้ เขารีบเตรียมกระดาษและพู่กันให้มู่เฉียนซีอย่างว่องไว  เมื่อขนปลายพู่กันเริ่มสะบัด มู่เฉียนซีเขียนชื่อยาออกมากว่าสิบชนิด

“เร็ว รีบให้คนไปจัดหายามา”

ขณะนั้นมีคนกล่าวขึ้นอย่างเย้ยหยันว่า “หมอปีศาจหนุ่ม อาการของท่านกั๋วกงเป็นอย่างไรบ้างล่ะ ? เจ้าคงหาหนทางได้แล้วสิ”

มู่เฉียนซียกยิ้มมุมปาก “แน่นอน หมอปีศาจออกโรง ไม่มีคนป่วยไข้ที่ข้ารักษาไม่ได้ ขอแค่หายาสมุนไพรให้ได้ครบ เมื่อข้าปรุงยาออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ท่านกั๋วกงก็จะตื่นขึ้นมาในไม่ช้า”

“พวกเราไม่เชื่อ มันเป็นไปไม่ได้ ?”

“ใช่!” เมื่อวานข้าให้ท่านกั๋วกงกินยาวิเศษระดับหกเข้าไป เขายังไม่ฟื้นตื่นขึ้นมาเลย”

“ส่วนข้าใช้วิชาลับพิเศษจากสํานักของพวกเรา ก็ยังไม่เป็นผล…”

มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “พวกเจ้าทําไม่ได้ นั่นเพราะพวกเจ้าเป็นหมอยาไร้ความสามารถ จะมาเทียบกับข้าหมอปีศาจได้หรือ ?”

เมื่อบรรดาหมอเหล่านั้นได้ยินได้ฟังวาจาของชายหนุ่มหน้าตางดงามพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกมา ดวงตาของพวกเขาฉายแววเพลิงพิโรธพุ่งสูงขึ้นมา

“เจ้าเด็กเวร กล้าดีอย่างไรมาต่อว่าว่าข้าเป็นหมอกระจอก!”

“ใช่! เจ้าช่างยโสโอหังนัก”

“เจ้า…”

มู่เชียนซียิ้มเยาะก่อนจะกล่าวว่า “ข้ารู้ว่าพวกเจ้าไม่พอใจ ถ้าพวกเจ้าไม่เชื่อก็สามารถพนันกับข้าได้”

“พนัน ?”

ขณะนี้เอง ไป๋มู่เฟิงบอกคนของเขาให้ไปหาสมุนไพรวิญญาณเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “ตอนนี้บุตรชายแห่งจวนกั๋วกงและนายท่านรองก็อยู่ที่นี่ด้วย หากพวกเจ้าไม่เชื่อก็มาพนันกับข้า ถ้าหากว่าข้าสามารถทำให้ท่านกั๋วกงตื่นขึ้นมาได้ และฟื้นฟูร่างกายจนหายดีกลับมาเป็นปกติ  ปรมาจารย์ทั้งเจ็ด… พวกท่านต้องไปทำงานอยู่ที่หอหมอปีศาจของข้าเป็นอย่างไร ?”

ทุกคนต่างพากันส่งเสียงฮึดฮัด เจ้าเด็กนี่คิดจะให้พวกนักปรุงยาชั้นสูงเช่นพวกเขา ไปทำงานที่หอหมอปีศาจเช่นนั้นรึ ?

“หากเจ้าชนะได้ก็ดีไป แต่ถ้าเจ้าแพ้ล่ะจะอย่างไร ?!”

“หากข้าแพ้ หอหมอปีศาจจะปิดตัวลง แล้วข้าก็จะให้สูตรการปรุงยาวิเศษระดับเจ็ดแก่ทุกท่าน เป็นอย่างไร ?” มู่เฉียนซียิ้มหลังจากกล่าวออกไปอย่างมั่นใจ แท้ที่จริงตัวนางนั้นไม่มีสูตรสำหรับทำยาระดับเจ็ด แต่ก็ได้ไปหลอกเอามาจากจวินโม่ซีอยู่ไม่น้อยเลย

“สูตรการปรุงยาวิเศษระดับเจ็ด ?” คนพวกนั้นถึงกับสูดลมหายใจดัง ‘ซืด’ เข้าไปลึก ๆ

หากได้รับสูตรการปรุงยาระดับเจ็ด ขอแค่เพียงพวกเขาสามารถทำมันออกมาได้ ก็จะได้กลายเป็นนักปรุงยาระดับสูงแล้ว  เงื่อนไขนี้เพียงพอที่จะทำให้นักปรุงยาระดับกลางรู้สึกใจเต้นได้

พวกเขารักษากั๋วกงกงมาครึ่งปีแล้ว พวกเขาล้วนรู้อาการดี ต่อให้เป็นหัวหน้าสำนักปรุงยามารักษาเอง ทำได้อย่างมากก็คงให้เขามีชีวิตต่อไปได้อีกปีสองปีเท่านั้นเอง แต่… แต่เจ้าเด็กนี่ยโสโอหังเหลือเกิน  เช่นนั้นพวกเขาจะรอให้เขาพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวช และกลับไปเสียใจกับความเย่อหยิ่งของวันนี้เถอะ!

“ข้าตกลง!”

“ข้าเอาด้วย”

“ข้าด้วย…”

มุมปากของมู่เฉียนซีค่อย ๆ เผยอแง้มออกเล็กน้อย “ดี! เช่นนั้นสัญญาการพนันกันเริ่มขึ้นตั้งแต่บัดนี้ บุตรชายของท่านกั๋วกงและนายท่านรองก็อยู่ด้วย ข้าไม่กลัวที่พวกเจ้าจะกลับคำ”

“นายท่าน ยาสมุนไพรได้มาครบแล้วขอรับ” ข้ารับใช้ของจวนกั๋วกงมารายงาน

มู่เฉียนซีกล่าวกับข้ารับใช้ “ส่งไปให้นักปรุงยา ข้าจะเข้าไปในไม่ช้า” ก่อนจะหันไปกล่าวกับไป๋มู่เฟิง “เฝ้าตรงนี้ให้ดี ก่อนที่ข้าจะออกมา ห้ามให้ใครเข้าไปรบกวนข้าทั้งนั้น”

ไป๋มู่เฟิงพยักหน้ารับ เขาเดินเข้าไปในห้องปรุงยา  หากบอกว่าร่างกายของท่านกั๋วกงมีปัญหา เช่นนั้นแล้วก็เห็นได้ชัดเจนว่าขั้นตอนการรักษาจะต้องซับซ้อนอย่างมาก แต่ทว่าท่านกั๋วกงนั้นโดน… วางยาพิษ!

นี่ทำให้เรื่องมันง่ายขึ้นเยอะ มู่เฉียนซีถนัดอยู่แล้ว นางปรุงยาไปมาอยู่ครู่หนึ่งก็เปิดประตูออกมา กล่าวขึ้น “ไปกันถอะ เอายาไปให้ปู่ของเจ้า”

“รวดเร็วจริง ๆ” ไป๋มู่เฟิงเบิกตากว้าง

โดยทั่วไปแล้ว หากเขาหลอมยาออกมาคงใช้เวลาตั้งสองถึงสามชั่วยามกระมัง!

มู่เฉียนซีรีบกลับมาอย่างรวดเร็ว นางใช้เวลาไปไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ทำให้บรรดานักปรุงยาทั้งหลายดูหมิ่นนางเข้าไปอีก

“ครึ่งชั่วยามเองรึ ? สามารถปรุงยาที่จะรักษาอาการของท่านกั๋วกงออกมาได้ นับเป็นเรื่องประหลาดแล้ว  ข้าว่าแม้แต่ยารักษาอาการไข้หวัดธรรมดายังไม่น่าจะปรุงออกมาได้เลยกระมัง ?”

“ใช่  ไอ้หนุ่มนี่คงไม่คิดว่ายาวิเศษคือการนำเอาสมุนไพรวิญญาณหลาย ๆ อย่างมายัดรวมกันแล้วต้มทีเดียวหรอกนะ”

มู่เฉียนซีเดินเข้ามา กล่าวว่า “พวกเจ้าควรเก็บแรงเอาไว้ให้มากกว่านี้ และหยุดพูดเรื่องไร้สาระเถอะ ไม่เช่นนั้นถึงเวลาที่ต้องร้องไห้จะไม่มีแรงเอาได้”

พวกเขากล่าวอย่างหงุดหงิดใจ “เจ้าเด็กนี่จะถึงเวลาตายอยู่แล้ว ยังจะปากดีอีก”

“ใช่แล้ว! เวลาที่เขาจะได้เย่อหยิ่งต่อไป กำลังจะจบลงในไม่ช้านี้”

มู่เฉียนซีหยิบเข็มยาออกมาแถวหนึ่ง นางเริ่มใส่ยา

ไป๋มู่เฟิงตะลึงงัน กล่าวว่า “คุณชายมู่ ไม่ใช่ว่าจะใช้ยาลูกกลอนรักษาท่านปู่ แต่จะใช้ยาในตํานานนั้นแทนรึ ?”

“อืม” มู่เฉียนซีพยักหน้าเล็กน้อย นางขยับมือหยิบยาขึ้นมาก่อนเจาะเข้าไปในแขนของท่านกั๋วกงและฉีดมันเข้าไป

“อ๊า!” ไป๋มู่เฟิงตะลึงงัน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นการรักษาเช่นนี้

— ฟึ่บ!  ฟึ่บ!  ฟึ่บ! —

ยังไม่ทันรอนางตอบสนอง เข็มทั้งห้าก็ถูกฉีดจนหมด

ไป๋มู่เฟิงเอ่ยถาม “คุณชายมู่ มันจบแล้วหรือ ?”

“แน่นอนว่าไม่ นั่นเป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น” มู่เฉียนซีขยับนิ้ว จากนั้นเข็มเงินเล็ก ๆ ในมือก็เพิ่มขึ้นมาอีกสองสามเข็ม

เข็มเงินเก้าเข็มจมลงไปในจุดชีพจรเก้าจุดของท่านกั๋วกงในเวลาเดียว ๆ กัน การเคลื่อนไหวดูเบาดั่งเมฆลอยและสายน้ำที่ไหลผ่าน ทําให้ไป๋มู่เฟิงตาลายไปหมด …หมอปีศาจสมแล้วที่เป็นหมอปีศาจ ร้ายกาจเกินไปแล้ว!

ไม่สิ เกรงว่าเขาจะร้ายกาจยิ่งกว่าในตํานานเสียอีก

ในตอนนั้นเอง ไป๋มู่เฟิงเห็นเส้นเลือดบนใบหน้าของท่านปู่เต้นรัว ราวกับมีบางอย่างกําลังคืบคลานอยู่ในเส้นเลือดของเขา

“อ๊า!” ไป๋มู่เฟิงร้องออกมา ปากอ้าค้าง แต่เขาก็รีบปิดปากของเขาเพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวนมู่เฉียนซี

เจ้าสิ่งประหลาดสีดํา ๆ นั้นลื่นไหลไปตามเส้นเลือด จากใบหน้าไปยังคอของเขา จากนั้นมันก็ถึงแขนของเขา  จู่ ๆ กริชเย็นยะเยือกด้ามหนึ่งตกลงมาและมู่เฉียนซีก็กวัดแกว่งไปที่แขนของท่านกั๋วกง

“อ๊า!” ท่านกั๋วกงที่หมดสติอยู่อ้าปาก เปล่งเสียงร้องโหยหวน

เมื่อได้ยินเสียงร้องโหยหวนนี้ นักปรุงยาและไป๋จื้อหลินที่อยู่ด้านนอกพากันนั่งไม่ติด

ไป๋จื้อหลินรีบวิ่งเข้าไปคนแรก

เขาเห็นข้อมือของท่านกั๋วกงมีเลือดไหล พลันรีบวิ่งเข้าไปคว้าไป๋มู่เฟิงแล้วกล่าวเสียงเย็นชา “มู่เฟิง ข้ารู้ว่าเจ้าอยากได้ตําแหน่ง แต่คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะรวมหัวกับคนนอกที่บ้าคลั่งมาฆ่าท่านปู่ของเจ้าเองเช่นนี้!”

ไป๋มู่เฟิงกล่าว “ท่านอารอง ข้าไม่ได้…”

ทันใดนั้นเอง แมลงสีดําตัวใหญ่พุ่งออกมาจากเลือดของท่านกั๋วกง มันพุ่งตรงไปที่ใบหน้าของไป๋จื้อหลินอย่างว่องไว

.