อัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งยุค

แปลโดย iPAT

 

ฟางหยวนกลับไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู

 

ค่าชดเชยของนางมารผลาญสวรรค์น่าพอใจมาก

 

ประการแรก ทรัพยากรทั้งหมดที่นางมารผลาญสวรรค์เคยมอบให้ฟางหยวน เขาไม่จำเป็นต้องจ่ายคืน

 

ประการที่สอง นางให้ฟางหยวนยืมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไฟจำนวนสามดวงและวิญญาณระดับมนุษย์อีกมากมาย

 

วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไฟทั้งสามรวมกับวิญญาณระดับมนุษย์อื่นๆสามารถสร้างท่าไม้ตายอมตะเพลิงนิพพาน!

 

กล่าวถึงเรื่องนี้ นางมารผลาญสวรรค์ค่อนข้างโชคร้าย นางให้ทุนจำนวนมหาศาลกับฟางหยวนแต่กลับไม่ได้สิ่งใดตอบแทน

 

นอกจากนั้นด้วยสัญญาพันธมิตร นางยังต้องสอนท่าไม้ตายอมตะเพลิงนิพพานให้กับฟางหยวน

 

อย่างไรก็ตามท่าไม้ตายนี้จำเป็นต้องพึ่งพาพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งไฟจากร่างกายของผู้อมตะ

 

นางมารผลาญสวรรค์ปกปิดเรื่องนี้เอาไว้อย่างชาญฉลาดด้วยช่องโหว่เล็กๆของข้อตกลง

 

นางต้องการควบคุมฟางหยวนด้วยสิ่งนี้!

 

เนื่องจากฟางหยวนไม่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งไฟ หากเขาต้องการใช้ท่าไม้ตายนี้เพื่อเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ที่มีชีวิต เขาต้องขอความช่วยเหลือจากนางมารผลาญสวรรค์

 

แต่แผนการของฟางหยวนคือแก้ไขท่าไม้ตายเพลิงนิพพานด้วยการเปลี่ยนวิญญาณอมตะที่เป็นแกนกลางของมันและจะดีที่สุดหากเป็นวิญญาณอมตะที่เขาครอบครองอยู่

 

การแก้ไขท่าไม้ตายอมตะเป็นเรื่องยากสำหรับผู้อมตะทั่วไป กระทั่งผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาก็ยังต้องพบกับความยากลำบาก แต่ฟางหยวนมั่นใจมาก เหตุผลก็คือวิญญาณสติปัญญาที่อยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู

 

พลังอำนาจของวิญญาณระดับเก้าอัศจรรย์เกินกว่าจะกล่าวออกมาเป็นคำพูดเพียงไม่กี่คำ

 

นี่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับฟางหยวน

 

แม้เขาจะมีวิธีฟื้นฟูมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตาย แต่วิธีนี้จะทำให้เขาเปลี่ยนเป็นมนุษย์ที่มีชีวิตอย่างถาวร สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเขาจะไม่สามารถใช้ประโยชน์จากวิญญาณสติปัญญาได้อีก

 

หากฟางหยวนสามารถแก้ไขท่าไม้ตายเพลิงนิพพาน เขาจะสามารถเปลี่ยนร่างได้ตามใจปรารถนาและจะสามารถใช้แสงแห่งปัญญาได้ตลอดไป

 

“ตอนนี้นางมารผลาญสวรรค์ต้องใช้ทรัพยากรของตนเพื่อหลอมรวมวิญญาณอมตะและทำภารกิจของกองกำลังพันธมิตรผีดิบให้สำเร็จ หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ นางจะไม่ให้ข้ายืมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไฟทั้งสามแม้ข้าจะร้องขอก็ตาม ด้วยวิญญาณอมตะทั้งสามดวง มันช่วยในการอนุมานของข้าได้เป็นอย่างมาก”

 

ฟางหยวนพอใจมากกับเรื่องนี้

 

แผนการของกองกำลังพันธมิตรผีดิบทำให้เขาได้รับผลประโยชน์โดยไม่คาดคิด

 

วันต่อมาฟางหยวนอาบแสงแห่งปัญญาเพื่อหาวิธีแก้ไขท่าไม้ตายอมตะเพลิงนิพพาน

 

ในความเป็นจริงเขามีซากศพผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งจำนวนมากและสามารถสร้างมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตาย

 

แต่หลังจากได้เรียนรู้เกี่ยวกับท่าไม้ตายอมตะเพลิงนิพพาน เขาไม่ต้องการใช้วิธีฟื้นฟูมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตายอีกต่อไป

 

ขณะที่ฟางหยวนกำลังแก้ไขท่าไม้ตายดังกล่าว จ้าวเหลียนหยุนกำลังมุ่งหน้าสู่หุบเขาเหล่าโป

 

นางเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยฟงจิวเก้อ

 

มีสมาชิกนิกายคฤหาสน์วิญญาณเพียงผู้เดียวที่มาพร้อมกับนาง

 

เขาก็คือองค์ชายฟงเซี่ยน!

 

การบ่มเพาะระดับแปดอนุญาตให้เขาเผชิญหน้ากับทุกสิ่ง

 

ฉากหน้า เขาเป็นผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคเหนือและเป็นผู้อาวุโสนอกของเผ่ากง เขาไม่มีสายเลือดตระกูลฮวงจินและอาศัยอยู่อย่างสันโดษมาตลอดหลายปี

 

แต่ในความเป็นจริงเขาคือสมาชิกนิกายคฤหาสน์วิญญาณของภาคกลาง เขามาที่ภาคเหนือในฐานะสายลับ ภารกิจหลักของเขาคือวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง

 

โดยปกติองค์ชายฟงเซี่ยนจะไม่เคลื่อนไหวอย่างง่ายดาย หากร่องรอยบางอย่างถูกค้นพบ ความพยายามในช่วงหลายปีที่ผ่านมาของเขาจะกลายเป็นสูญเปล่า

 

แต่ตอนนี้เพื่อฟงจิวเก้อที่เป็นใบหน้าของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ นิกายจึงต้องเสี่ยงส่งองค์ชายฟงเซี่ยนออกมา

 

หลังจากทั้งหมดฟงจิวเก้อเป็นตัวตนที่สำคัญเกินไป หากเขาก้าวเข้าสู่ระดับแปด สถานการณ์ของภาคกลางหรือทั่งโลกจะเปลี่ยนแปลงไป

 

องค์ชายฟงเซี่ยนและจ้าวเหลียนหยุนเดินเข้าไปในหุบเขาเหล่าโป

 

“ผู้อาวุโส ข้าอยากรู้ว่าหากข้าสามารถช่วยเหลือท่านฟงจิวเก้อ ข้าจะได้รับตำแหน่งผู้นำนิกายคนต่อไปหรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนถาม

 

องค์ชายฟงเซี่ยนสวมหน้ากาก ร่างกายของเขาถูกปกคลุมไปด้วยชั้นเมฆหมอกทำให้ไม่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริง

 

เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะกลายเป็นผู้นำคนต่อไปของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ แต่หากเจ้าสามารถช่วยเหลือฟงจิวเก้อ มันแทบสามารถรับประกันความสำเร็จของเจ้า ข้าได้ยินมาว่าบุตรสาวของเขาเป็นคู่แข่งคนสำคัญของเจ้า หากเจ้าช่วยชีวิตบิดาของนาง นางอาจถอนตัวออกจากการแข่งขัน”

 

“เป็นเช่นนั้น” ดวงตาของจ้าวเหลียนหยุนส่องประกายขึ้นด้วยความคาดหวัง

 

นางให้ความร่วมมือกับนิกายคฤหาสน์วิญญาณเป็นอย่างดี กล่าวได้ว่านางเข้าใจวิธีอยู่บนโลกใบนี้

 

หากปราศจากความแข็งแกร่ง แม้จะฉลาดเพียงใด มันก็ไม่ต่างจากใบไม้ที่สามารถปลิวไปยังสถานที่อันตราย

 

นางเข้าใจว่าตนเองต้องพึ่งพานิกายคฤหาสน์วิญญาณเพื่อช่วยเหลือหม่าหงหยุน

 

แม้มันจะเป็นเรื่องยากที่นิกายคฤหาสน์วิญญาณจะบุกโจมตีกองกำลังพันธมิตรภูเขาหิมะโดยตรง

 

แต่ตราบเท่าที่นางได้รับตำแหน่งสำคัญ นางจะได้รับการดูแลอย่างดีและกลายเป็นผู้อมตะอย่างรวดเร็ว

 

‘เพื่อช่วยท่านพี่หม่าหงหยุน ข้าต้องพึ่งพาตนเองเท่านั้น ท่านพี่หม่าหงหยุน รอข้าด้วย!’ จ้าวเหลียนหยุนคิด

 

องค์ชายฟงเซี่ยนหยุดเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน “พบแล้ว มันคือที่นี่”

 

ด้วยวิญญาณอมตะจากนิกายคฤหาสน์วิญญาณ องค์ชายฟงเซี่ยนสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบที่ทรงพลังในการค้นหาด่านรับสืบทอดมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์

 

องค์ชายฟงเซี่ยนกับจ้าวเหลียนหยุนเดินเท้าเข้าไปเป็นเวลาสองชั่วโมงก่อนจะพบเป้าหมาย

 

องค์ชายฟงเซี่ยนกระตุ้นใช้วิญญาณบางดวงทำให้ประตูแสงเปิดออก

 

“หวืด…”

 

ลมแรงพัดออกมา

 

องค์ชายฟงเซี่ยนตกใจ “ลมมรณะ! มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?”

 

เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายบางอย่าง

 

ลมมรณะพุ่งเข้ารวมตัวกันเป็นก้อนอยู่บนฝ่ามือของเขา

 

อย่างไรก็ตามมือขององค์ชายฟงเซี่ยนยังสั่นสะท้านอย่างรุนแรงขณะที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นซีดเผือด “เร็วเข้า ข้าควบคุมมันได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น!”

 

จ้าวเหลียนหยุนก้าวเข้าไปในทันที

 

นางเห็นภาพที่คุ้นเคยเช่นเดียวกับด่านรับสืบทอดมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์จากก่อนหน้า

 

มันมีเพียงความว่างเปล่าและลมมรณะ

 

แม้นางจะไม่รู้ว่าลมมรณะคือสิ่งใด แต่ฟังจากน้ำเสียงขององค์ชายฟงเซี่ยน นางยังตระหนักว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย

 

“ในที่สุดเจ้าก็มาที่นี่ เร็วเข้ามาหาข้า!” เสียงสายหนึ่งดังขึ้นในหูของนาง

 

จ้าวเหลียนหยุนตกใจและถอยหลังกลับ “ผู้ใด?”

 

“ข้าคือฟงจิวเก้อ มาหาข้า” เสียงที่อ่อนแรงดังขึ้นอีกครั้ง

 

จ้าวเหลียนหยุนลังเล

 

นางได้ยินเสียงดังมาจากลมมรณะที่หมุนวนอยู่ด้านหน้า

 

จ้าวเหลียนหยุนตระหนักว่ามันเป็นศูนย์กลางของลมมรณะและกำลังดูดกลืนทุกสิ่งเข้าไปอย่างช้าๆ

 

“อย่ากังวล เจ้าเป็นปีศาจต่างโลกที่ได้รับการยอมรับจากเจตจำนงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ ลมมรณะไม่สามารถทำสิ่งใดต่อเจ้า”

 

ฟงจิวเก้อหยุดก่อนกล่าวต่อ “เจ้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อช่วยข้างั้นหรือ? หากข้าอยู่ที่นี่ เจ้าจะไม่สามารถรับสืบทอดมรดก”

 

ริมฝีปากของจ้าวเหลียนหยุนกลายเป็นแห้งผาก

 

เวลาไม่รอคอยผู้ใด นางต้องตัดสินใจทันที

 

จ้าวเหลียนหยุนค่อยๆก้าวเท้าเข้าไปอย่างระมัดระวังก่อนจะยื่นมือออกไปสัมผัสลมมรณะ

 

หากเป็นผู้อมตะทั่วไป พวกเขาจะกรีดร้องด้วยความตกใจเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ แต่ความไม่รู้ของจ้าวเหลียนหยุนทำให้ความกลัวของนางน้อยกว่าคนทั่วไปและเลือกที่จะเชื่อคำกล่าวของฟงจิวเก้อ

 

ดังคำกล่าวของฟงจิวเก้อ ลมมรณะที่กระทั่งองค์ชายฟงเซี่ยนยังไม่สามารถรับมือกลับไม่เป็นอันตรายต่อจ้าวเหลียนหยุน เมื่อจ้าวเหลียนหยุนสัมผัสมัน ลมมรณะพลันสูญสลายหายไปในพริบตา

 

เสียงของฟงจิวเก้อดังขึ้นอีกครั้ง “เชื่อข้าหรือยัง? มิติแห่งนี้มีพลังอำนาจเหนือกว่าลมมรณะ ดังนั้นมันจึงไม่สามารถทำลายมิติแห่งนี้ได้โดยง่าย เจ้าเป็นปีศาจต่างโลก ดังนั้นเจตจำนงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์จึงปกป้องเจ้า เจ้าจะไม่ได้รับอันตรายใดๆทั้งสิ้น”

 

จ้าวเหลียนหยุนดีใจมาก “ท่านฟงจิวเก้อ ข้าจะไปช่วยท่านเดี๋ยวนี้!”

 

นางทะยานร่างเข้าสู่ลมมรณะ ทุกที่ที่นางเคลื่อนผ่าน ลมมรณะจะสลายไปอย่างรวดเร็ว

 

ไม่นานหลังจากนั้นนางจึงเห็นร่างของฟงจิวเก้อที่กำลังนั่งไขว้ขาปิดเปลือกตาอยู่กลางอากาศสูงจากพื้นสามเมตร

 

“ท่านฟงจิวเก้อ…” จ้าวเหลียนหยุนเรียกเบาๆ

 

ฟงจิวเก้อค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น เขาไม่ได้กล่าวสิ่งใดแต่เปิดฝ่ามือข้างขวาออก

 

มีสองคำเขียนอยู่บนฝ่ามือของเขา

 

จ้าวเหลียนหยุนมองมันด้วยความสับสน

 

ฟงจิวเก้อเผยรอยยิ้มบางก่อนที่ร่างของเขาจะสลายหายไปราวกับหมอกควัน

 

จ้าวเหลียนหยุนเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง

 

อัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งยุคฟงจิวเก้อล่วงลับแล้ว!