แต่ในเมื่อประธานออกคำสั่งออกมาแล้ว พวกเขาเองก็ไม่กล้าที่จะไม่ยอมทำตาม จึงรีบไปจัดการ
หลังจากนั้นไม่กี่นาที แสนรักก็ขึ้นมาด้านบนอีกครั้ง เตรียมหยิบกระเป๋าเอกสารไปทำงาน
แต่ตอนที่เขาขึ้นไปนั้น จู่ๆโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น ความโมโหของเขายังไม่หายไป หยิบขึ้นมารับสายด้วยอารมณ์ที่ไม่ดีนัก : “ฮัลโหล?”
“ประธานแสนรัก คุณไม่ต้องการลูกชายของคุณแล้วอย่างนั้นเหรอ? ถ้าหากไม่ต้องการ ถ้าอย่างนั้นผมก็จะฆ่าตัวประกันซะ!”
ไม่คิดว่าจะเป็นคนๆนั้น!
แสนรักหน้าซีดขึ้นมาทันที : “แกคิดถึงเรื่องเงินจนบ้าไปแล้วใช่ไหม? ไม่นึกเลยว่าจะมาเล่นแบบนี้กับฉัน”
“ดูแล้วประธานแสนรักยังไม่เชื่อสินะ ได้ ถ้าอย่างนั้นผมจะส่งรูปไปให้คุณรูปนึง คุณดูให้ชัดเจนแล้ว ถ้าหากมั่นใจว่าเป็นลูกชายของคุณก็รบกวนคุณเอาเงินมาพันล้าน”
พูดจบแล้ว คนๆนี้ก็วางสายไป
หลังจากนั้นแสนรักที่ยืนอยู่ตรงนั้น ไม่นานนักโทรศัพท์ของเขาก็ได้รับรูปถ่ายมาหนึ่งรูป
นั่นเป็นรูปถ่ายของเด็กคนหนึ่งที่ถูกมัดเอาไว้ แล้วก็ไม่รู้ด้วยเช่นกันว่าคือที่ไหน เด็กที่สวมใส่เสื้อคลุมสีส้มตัวหนึ่งเอาไว้ ถูกเชือกป่านเส้นทั้งใหญ่และทั้งหยาบผูกเอาไว้กับเก้าอี้ตัวเล็กตัวหนึ่ง ผิวของเขาขาวราวกับหิมะ ใบหน้ากลมๆเล็กๆทำหน้ามุ่ย ถึงแม้ว่าดวงตาคู่นั้นจะถูกปิดผ้าสีดำเอาไว้ แต่ยังเผยให้เห็นปากเล็กๆและจมูกทางด้านล่าง
หลังจากที่แสนรักเห็นแล้ว เท้ากลับแข็งอยู่ตรงนั้นในทันที
นั่นคืออวัยวะบนใบหน้าของลูกชายของเขาจริงๆ เลือดเนื้อเชื้อสายของเขา เลี้ยงดูมากับมือเองเป็นเวลาห้าปี ไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้จัก
แต่ ชินจัง….
จู่ๆเขาก็เงยหน้าขึ้นมาแต่กลับพบว่าไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ เด็กน้อยที่กำลังหลับอยู่บนเตียงของเขาก่อนที่จะลงไปข้างล่างนั้น ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว และเวลานี้ก็กำลังยืนอยู่ตรงบันไดชั้นสอง ในมือบีบคิงคองที่เปลี่ยนรูปเอาไว้แน่น จ้องมองเขาด้วยใบหน้าซีดเผือด
หัวใจของแสนรักหล่นไปที่พื้น
แล้วลบข้อความขยะที่อยู่ในมือไปอีกครั้ง แล้วเขาก็รีบเดินเข้ามา : “เราตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่? ทำไมไม่ใส่แม้แต่เสื้อผ้าก็ออกมาแล้วล่ะ?”
แสนรักอุ้มเขากลับไปใส่เสื้อผ้า
แต่จู่ๆชินจังกลับก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง หลบเลี่ยงเขา : “แด๊ดดี้ เมื่อกี้นี้แด๊ดดี้คุยโทรศัพท์กับใครครับ? ใครถูกลักพาตัว?”
เจ้าตัวเล็กนี่ ไม่คิดเลยว่าจะได้ยินเขาคุยโทรศัพท์เมื่อครู่นี้ด้วย
แสนรักบอกอย่างขอไปที : “ไม่ใช่หรอกลูก โทรศัพท์จากบริษัทเท่านั้นเอง เราได้ยินผิดแล้ว”
“ผมได้ยินแล้วนะ มีคนบอกว่าลูกชายของแด๊ดดี้ถูกลักพาตัวไปใช่ไหมครับ? ใช่หรือเปล่า?” แล้วทันใดนั้นเองชินจังก็เปลี่ยนไปด้วยความรู้สึกที่ไวมาก เขากำหมัดเล็กๆแน่นจนซีด แล้วเอ่ยถามแด๊ดดี้ขึ้นเสียงดัง
แสนรักแปลกใจ : “ใช่ แต่ว่าเราก็ยืนอยู่ตรงนี้ดีๆอยู่ไม่ใช่เหรอลูก?”
ชินจังไม่พูดออกมาแล้ว….
ทันใดนั้นก็ไม่รู้ว่าเป็นภาพลวงตาของแสนรักหรือเปล่า คิดไม่ถึงว่าจะเห็นร่างเล็กๆนี้สั่นเทาไปทั้งร่างกาย ใบหน้าเล็กๆยิ่งซีดเผือดจนน่าตกใจ
เด็กนี่เขาเป็นอะไรไปแล้ว?
แสนรักคิดว่าเขาหนาว ก็เลยเข้ามาอีกครั้ง : “เอาล่ะ เราไม่คุยเรื่องนี้กันแล้ว แด๊ดดี้อุ้มเราไปใส่เสื้อผ้า อากาศหนาวขนาดนี้ เดี๋ยวเราจะไม่สบาย”
เขาก้มตัวลงเตรียมจะอุ้มชินจัง
แล้วจู่ๆร่างเล็กก็เหมือนกับเป็นบ้า ไม่สวมเสื้อผ้า แล้วก็ไม่ใส่รองเท้า แล้ววิ่งลงบันไดมาดด้วยความตื่นตระหนก
“ชินจัง ทำอะไรน่ะ? กลับมานะ!”
แสนรักเห็นแล้วก็รู้สึกร้อนใจ จึงรีบตามลงมาจากทางด้านบน ความโมโหในดวงตา แทบอยากจะจับเจ้าตัวแสบตัวน้อยนี่มาแล้วตีก้นซักสองที
เด็กคนนี้เปลี่ยนไปเป็นเด็กที่ไม่เชื่อฟังแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ขณะที่ตามไปนั้นดีตรงที่ว่าตอนที่ชินจังจะถึงประตูใหญ่แล้วนั้น เขาก็จับตัวชินจังเอาไว้ได้ จากนั้นก็หิ้วคอเสื้อทางด้านหลังพาเขากลับมา
“ชินจัง เรากำลังทำอะไรอยู่กันแน่? เราอยากจะถูกเก็บนักใช่ไหม?”
“ปล่อยผม ผมจะไปหาคุณน้า แด๊ดดี้ปล่อยผมนะ!”
ชินจังดิ้นอย่างแรง ในน้ำเสียงนั้นมีเสียงร้องไห้อยู่ด้วยแล้ว
ใช่ เขาจะไปหาหม่ามี๊ เขาจะไปดูว่าคิวคิวเกิดเรื่องขึ้นหรือเปล่า? หลังจากที่เมื่อคืนเขากลับมา และสงบลงแล้ว ก็โทรหาคิวคิว แต่โทรไม่ติดตลอดเลย
จนกระทั่งตื่นเช้าขึ้นมา โทรไปอีกก็ยังคงโทรไม่ติด เขาก็รู้สึกว่าผิดปกติ
ดังนั้นคนเลวที่โทรมาเมื่อกี้นี้ ลักพาตัวคิวคิวไปจริงๆใช่ไหม? คิดว่าคิวคิวเป็นเขาใช่หรือเปล่า?
ชินจังยิ่งรู้สึกตำหนิตัวเอง เขาดิ้นแรงๆ ใบหน้าเล็กๆที่ขาวสะอาดเป็นเพราะความพยายามอย่างเต็มที่แบบนี้ทำให้อึดอัดเสียจนแดงก่ำขึ้นมาแบบนี้ น้ำเสียงก็แหบแห้ง ร้องตะโกนให้แด๊ดดี้ปล่อยเขา
แสนรักโมโหเสียจนเส้นเลือดเต้นตุบๆ!
เขาอยากจะตีเจ้าเด็กแสบนี่ซักสองที แต่เมื่อเขายกมือขึ้นมาจริงๆแล้ว ก็พบว่าตัวเองตีไม่ลง แต่ทว่ากลับรู้สึกถึงความไม่มีเรี่ยวแรงขึ้นแบบหนึ่งอีกด้วย
หรือว่านี่จะเป็นความสัมพันธ์ทางสายเลือดของแม่ลูกจริงๆ?
ไม่ว่าเขาจะไปขัดขวางอย่างไร? จะตัดขาดอย่างไร? ก็ล้วนแต่ไม่สามารถควบคุมความสัมพันธ์และความห่วงใยระหว่างพวกเขาได้ ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะยังไม่รู้ว่านั่นคือหม่ามี๊ของเขาก็ตาม!
แสนรักหลับตาลง สุดท้ายแล้วเขาก็ยอมในที่สุด
“โอเค พ่อจะพาเราไป แต่เราจะต้องไปใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนนะ”
“ครับ ผมจะไปใส่เดี๋ยวนี้เลย!”
เป็นอย่างที่คิดเด็กน้อยไม่ร้องเอะอะโวยวายแล้ว ลงมาจากร่างของเขา แล้วรีบขึ้นไปด้านบน แล้วเป็นฝ่ายไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเอง
แสนรัก : “………”
ก็ดีเหมือนกัน ตอนสุดท้ายที่เขาไปเจอผู้หญิงคนนั้น ก็จะสามารถบอกกับเธอได้พอดีว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายของการพบกันระหว่างแม่ลูก ต่อไป เขาจะไม่ให้เธอได้มีโอกาสปรากฏตัวอยู่ที่นี่อีกแล้ว
แสนรักอดทนกับความโมโหที่อยู่ในอกเอาไว้ แล้วขึ้นไปหยิบกุญแจรถ