บทที่ 123 พบพาน
“จะไปเมืองฉางผาน ?” อวิ๋นเป้าถามเสียงประหลาดใจ ตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่ในโถงใหญ่คฤหาสน์ซู
ซูเฉินตอบ “ข้าขายวิชาทะลวงสู่ด่านทะลวงลมปราณครั้งนี้ได้เงินมาบ้าง จึงคิดจะไปใช้เงินเพิ่มความแกร่งสักหน่อย เจ้าว่าไง ? ไปด้วยกันหรือไม่ ? เจ้าเองก็อาจได้ประโยชน์นะ”
“ก็ได้ !” เมื่อได้ยินว่าจะไปใช้เงิน อวิ๋นเป้าก็สนอกสนใจทันที
เมืองฉางผานเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรหลงซาง ฉะนั้นก็เหมือนกับอาณาจักรอื่น ๆ ของมนุษย์ มันเป็นที่ที่มีของและสมบัติล้ำค่าที่สุดรวมตัวกันอยู่ น่าเสียดายที่สมัยยังเป็นศิษย์สถาบัน พวกเขาเอาแต่ร่ำเรียนอยู่ภายใน อีกทั้งส่วนมากยังมีค่อยมีเงินให้ใช้ ดังนั้นจึงหาโอกาสออกมาท่องเที่ยวเมืองหลวงได้ยากนัก ตอนนี้ซูเฉินทำเงินได้จำนวนมาก ถึงเวลาเดินทางไปถลุงเงินที่เมืองฉางผานแล้ว มีหรืออวิ๋นเป้าจะไม่สนใจ ?
นอกจากเพิ่มความแกร่ง ซูเฉินยังมีอีกหนึ่งเหตุผลหนึ่งให้ออกเดินทาง เขาคิดถึงกู่ชิงลั่ว
ไม่กี่วันก่อน กู่ชิงลั่วถูกส่งมาทำงานที่เมืองฉางผานและยังรั้งอยู่ที่นี่ ซูเฉินกับกู่ชิงลั่วคอยติดต่อกันตลอด เมื่อเขารู้ว่านางอยู่ที่นั่น เขาก็วางแผนไว้แล้ว
ชายหนุ่มที่เพิ่งได้เงินมาต่างก็อยากดูแลแฟนสาวที่รักของตนให้ดีทั้งนั้น ซูเฉินก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
ดังนั้นหลังจากร่างแผนในใจ ซูเฉินก็พาอวิ๋นเป้ากับกังเหยียนเดินทางไปพร้อมกัน
เดินทางราว 10 วัน คนทั้งสามก็มาถึงเมืองฉางผาน
เงาร่างหนึ่งเหินเข้ามาด้วยความเร็ว ก่อนจะกระโจนเข้าสู่อ้อมแขนซูเฉิน เป็นกู่ชิงลั่วนั่นเอง
นางจับแขนซูเฉินไว้ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความสุข แต่ยังหน้ามุ่ยเล็กน้อย “ทำไมถึงนานนักเล่า ?”
ซูเฉินยิ้มยินดี “ระยะทางจากเมืองธารน้ำใสมาที่นี่มันไกลนัก เราเร่งฝีเท้าสุด ๆ แล้ว ไม่ได้เฉื่อยชาเลยนะ”
กู่ชิงลั่วใช้นิ้วเรียวจิ้มหน้าผากซูเฉิน “ข้าบอกแล้วว่าเจ้าน่ะบื้อนักใช่หรือไม่ ? เจ้าน่าจะซื้อเรือเคลื่อนเมฆามาเสียก็สิ้นเรื่อง”
เรือเคลื่อนเมฆาเป็นเครื่องกลลอยฟ้าที่ผู้เชี่ยวชาญพลังใช้กัน เป็นเครื่องมือต้นกำเนิดขนาดใหญ่ที่ใช้หินพลังต้นกำเนิดให้พลังงาน สามารถนั่งแล้วบินไปได้ มันเร็วและมีประโยชน์มาก กระทั่งคนด่านสู่พิสดารยังใช้ เป็นเครื่องมือที่ไม่ว่าจะในสถานการณ์ไหนก็เอามาใช้ประโยชน์ได้
แต่มันก็มีราคาสูงมาก กระทั่งเรือเคลื่อนเมฆาระดับต่ำยังมีราคาสูงถึงหินพลังต้นกำเนิดหลายล้านก้อน เป็นเงินจำนวนที่ซูเฉินไม่คิดอยากใช้จ่าย
แต่ในเมื่อตอนนี้หาเงินได้มากแล้วก็ถึงเวลาใช้ให้มากหน่อย
ซูเฉินหัวเราะ “ข้าก็คิดอยู่ เช่นนั้นไปร้านจันทร์ลอยเด่นเป็นไง ?”
ร้านจันทร์ลอยเด่น คือร้านขายเครื่องมือต้นกำเนิดอันดับหนึ่งในอาณาจักรหลงซาง มีของหายากสมบัติประหลาดอยู่มากมาย
ในเมื่อพวกเขามาเพื่อซื้อของล้ำค่า ย่อมต้องใฝ่หามันจากร้านที่ดีที่สุด
กู่ชิงลั่วกำลังจะตอบ พลันมีเสียงหนึ่งตะโกนมาจากที่ไกล “น้องเจ็ด เจ้าออกมาแต่เจ้าตรู่เพื่อมาหาคนนี้น่ะหรือ ?”
พวกเขาหันไป พบว่าต้นเสียงคือชายหนุ่มที่กำลังเดินเข้ามาหา
เขาเดินเข้ามาใกล้ซูเฉิน เหลือบมองหัวจรดเท้า จากนั้นกล่าวขึ้น “นี่น่ะหรือซูเฉินที่เจ้าคิดถึงทั้งวันทั้งคืน ? ก็งั้น ๆ”
“หากไม่รู้จะพูดอะไร เช่นนั้นก็เงียบไปเถอะ !” กู่ชิงลั่วเอ่ยเสียงโกรธ
จากนั้นหันมาเอ่ยกับซูเฉิน “นี่คือญาติผู้พี่คนที่สี่ของข้า กู่จิ่นถัง ชอบพูดจาอะไรไปเรื่อย เจ้าไม่ต้องไปต่อความยาวสาวความยืดกับเขา”
กู่ชิงลั่วมีพี่ชายแท้ ๆ เพียงคนเดียว แต่มีญาติทางฝั่งพ่ออยู่มาก กู่จิ่นถังก็เป็นหนึ่งในนั้น
ซูเฉินรู้ดีว่าการที่คน ๆ หนึ่งเพิ่งพบกันแล้วจะพูดจาไม่ดีใส่กันมีอยู่เพียง 2 เหตุผล
หนึ่งคือนิสัยเย่อหยิ่งแต่กำเนิด สองคือมีแรงจูงใจอื่น
กู่ชิงลั่วว่ามาเช่นนั้น หมายความว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีความคิดอื่นใด เพียงแต่นิสัยเสียเท่านั้น หากเป็นเช่นนั้นก็ไม่มีอะไรให้มากความ
กู่จิ่นถังเอ่ยว่า “น้องเจ็ด ตระกูลถังยังรอเจ้าอยู่ เจ้าไม่ทำงานทำการ แต่กลับมาพบเจ้าหนุ่มนี่หรือ ? หากเจ้าทำเรื่องนี้วุ่นวาย อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเจ้า”
ซูเฉินจับใจความได้ ถามกู่ชิงลั่วขึ้น “เจ้ายังมีธุระอื่นอีกหรือ ?”
กู่ชิงลั่วกลอกตา “ไม่มีอะไรหรอก แค่ต้องไปพบคนที่ไม่อยากพบ ปล่อยให้พวกเขารอไป ข้าจะพาเจ้าไปดูร้านจันทร์ลอยเด่นก่อน”
กู่จิ่นถังพลันเอ่ย “ได้อย่างไรกัน ? ผู้อาวุโสหกถังเรียกพบเจ้าโดยเฉพาะเชียวนะ เจ้าต้องไปเดี๋ยวนี้ !”
ซูเฉินจึงเอ่ย “เรื่องทางการสำคัญกว่า เจ้าไปจัดการพวกเขาเถอะ คราวหน้าพวกเราค่อยพบกัน”
เห็นว่ากระทั่งซูเฉินยังว่างั้น กู่ชิงลั่วจึงได้แต่ตอบรับ “ข้าจะไปรอที่ศาลาลมลอยเลื่อน ห้องที่ห้า ชั้นเซียน”
“ข้าจะจำไว้” ซูเฉินหัวเราะ
กู่ชิงลั่วจึงจากไป โดยมีกู่จิ่นถังตามไปติด ๆ
เดินไปไม่กี่ก้าวก็นึกบางอย่างได้ หันไปเอ่ยกับกู่จิ่นถัง “ซูเฉินไม่รู้จักร้านจันทร์ลอยเด่น เจ้าพาเขาไปแล้วกัน”
“ข้า ?” กู่จิ่นถังชะงักไป
“ใช่ เจ้า !” กู่ชิงลั่วเอ่ยเสียงเข้ม “ผู้อาวุโสหกอยากพบข้า ฉะนั้นเจ้าจะไปหรือไม่ไม่สำคัญ เจ้าอยู่ที่นี่คอยช่วยเหลือซูเฉินก็ได้ไม่ใช่หรือ ?”
“เจ้าจะให้คุณชายผู้นี้ไปรับใช้เจ้าคนไร้สายเลือดนั่นหรือ ?” กู่จิ่นถังเอ่ยเสียงเหยียด
“หากไม่ไป ข้าก็ไม่ไป ยังไงเรื่องนี้พวกเราสองคนต้องรับผิดชอบ หากพลาดก็ถูกลงโทษทั้งคู่ ข้าไม่สนหรอกนะ แต่อาจจะมีบางคนที่ไม่เต็มใจ” กู่ชิงลั่วจงใจเอ่ยขึ้น
“เจ้า !” กู่จิ่นถัง เบิกตากว้างด้วยความโกรธ แต่คิดดูแล้วสุดท้ายก็เอ่ยขึ้น “เจ้าชนะ !”
เขาจึงเดินกลับมาหาซูเฉินแล้วเอ่ยเสียงดูอารมณ์ไม่ดีเท่าไรนัก “ไปเถอะ !”
ซูเฉินมองกู่ชิงลั่วที่เหลือบมองเขาอย่างมีความนัย
ทั้งสองรู้จักกันมานาน รู้ดีว่าอีกฝ่ายคิดอะไร เขารู้ว่ากู่ชิงลั่วหมายจะให้เขาสั่งสอนกู่จิ่นถัง ชายหนุ่มจึงได้แต่พยักหน้าทว่าหัวเราะอยู่ในใจ
ด้วยเขาเองก็มีแผนอื่น
กู่ชิงลั่วเป็นคุณหนูตระกูลกู่ จะทำอะไรตามใจไม่คิดถึงผลก็ยังได้ แต่หากซูเฉินคิดจะเป็นลูกเขยตระกูลกู่ละก็ เขาจำเป็นต้องระมัดระวังตัวนัก
กู่จิ่นถังผู้นี้มีนิสัยผยองมาตั้งแต่ต้น ไม่ได้มีจิตคิดร้ายต่อเขา ให้สั่งสอนเขามิสู้เอาเขามาเข้าพวก คิดได้ดังนั้นเขาก็เริ่มวางแผนในใจแล้ว
ในหัวกำลังดีดลูกคิดคำนวณอยู่ คนทั้งสี่ก็เริ่มออกเดินทางไปร้านจันทร์ลอยเด่นแล้ว
เดิน ๆ ไป กู่จิ่นถังยังพึมพำขึ้น “ร้านจันทร์ลอยเด่นเป็นร้านของล้ำค่า มีแต่สมบัติดี ๆ ทั้งนั้น จะให้พวกสามัญชนไปเดินเล่นได้หรือ ? ชิงลั่วมาจากตระกูลสูง ชินชากับอะไรหรูหราโอ่อ่า แต่ไม่รู้ว่าคนไร้สายเลือดมักมีชาติกำเนิดต่ำ ไม่ได้มีเงินมากมายเช่นนั้น เลือกร้านอื่นยังดีเสียกว่าจะได้ไม่เสียเวลา”
ซูเฉินหัวเราะ “ไม่ต้องห่วง ไปที่ร้านจันทร์ลอยเด่นเถอะ”
“ฮึ่ม เจ้าก็วางท่าไปเท่านั้น” กู่จิ่นถังพึมพำ แต่ก็ยังพาคนเดินทางต่อไป
ร้านจันทร์ลอยเด่นนั้นตั้งอยู่ที่ทิศใต้ของเมืองฉางผาน อยู่ภายใต้หอสูงทรงแปดเหลี่ยม
เมื่อมาถึงร้าน สตรีหน้าตางดงามก็ออกมาต้อนรับ น้ำเสียงอ่อนน้อมท่าทางเอาใจใส่
คนที่มาซื้อของที่ร้านจันทร์ลอยเด่นต่างก็เป็นคนมีฐานะสูงและร่ำรวย ต่างเป็นผู้เชี่ยวชาญพลังกันทั้งสิ้น ที่นี่จึงไม่มีใครกล้าแสดงตัวเสแสร้ง
“แขกทั้งสี่ท่าน วันนี้มองหาอะไรหรือเจ้าคะ ?” นางถามเสียงสุภาพ
“ไปดูเรือเคลื่อนเมฆาก่อนแล้วกัน” ซูเฉินว่า
กู่จิ่นถังไม่ได้ยินที่เขาคุยกับกู่ชิงลั่วเมื่อก่อนหน้า ได้ยินเขาว่าดังนั้นก็ชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด
แต่เมื่อคิดดูอีกทีก็คิดว่าเจ้าซูเฉินผู้นี้คงวางท่ากระมัง ไม่มีทางที่เขาจะซื้อไหวหรอก ได้เห็นเรือเคลื่อนเมฆาแล้วก็คงหาข้ออ้างว่าอันนั้นไม่ดีอันนี้ไม่ใช่ สุดท้ายก็ไม่ซื้อ
หญิงสาวจึงพาทุกคนขึ้นไปที่ชั้นสี่
พื้นที่ภายในถูกเพิ่มขนาดด้วยวิชาประเภทพลังงานสูญ ภายในจึงกว้างขวางยิ่งนัก
และเมื่อมาถึงชั้นที่หมาย ชายหนุ่มก็พลันพบว่ามันเต็มไปด้วยเรือเคลื่อนเมฆา
เรือบางลำมีหลายชั้น ทั้งยังมีปืนใหญ่ที่เต็มไปด้วยอักขระค่ายกลอันซับซ้อน ยังมีเรือลำเล็กที่ใช้สำหรับหนึ่งคน หน้าและหลังแคบ ตรงกลางนูนขึ้น ทั้งยังมีเรือเคลื่อนเมฆาที่หน้าตาราวกับคฤหาสน์ลอยฟ้า แต่พวกนั้นมีขนาดใหญ่มากจนกระทั่งร้านที่ใช้พลังงานสูญขยายพื้นที่แล้วก็ยังไม่อาจมีพื้นที่พอ ดังนั้นจึงมีให้เห็นเพียงภาพเท่านั้น