หลินมั่นหรูหัวเราะเย็นยะเยือก ”เธอเป็นผู้หญิงของหนานกงเยี่ยไม่ใช่หรอ ทำไมถึงต้องเป็นห่วงเขาด้วย”
แววตาเย็นชาของเหลิ่งรั่วปิง เหมือนพายุที่หมุนรอบตัวหลินมั่นหรู ”หลินมั่นหรู อย่ามองการฆ่าคนเป็นเรื่องธรรมดา ถังเฮ่าชอบเธอ ไม่เคยทำร้ายเธอมาก่อน เธอจำเป็นต้องเอาชีวิตเขาด้วยเหรอ”
หลินมั่นหรูเหี้ยมโหดกระหายเลือด ”แต่วันนี้ฉันจะฆ่าเขาเพื่อป้องกันไม่ให้มีปัญหาตามมาทีหลัง”
แววตาเหลิ่งรั่วปิงแปรเปลี่ยนเป็นเหี้ยมโหดกะทันหัน ”ถ้าเธอกล้าฆ่าเขา ฉันก็จะฆ่าเธอ เธอเองก็รู้ดี เจ้าวิหารชอบฉันขนาดนี้ ต่อให้ฉันฆ่าเธอ เจ้าวิหารก็ไม่มีวันตำหนิฉันแม้แต่คำเดียว และเธอควรจะรู้มากกว่านั้น เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน”
“เธอ!” หลินมั่นหรูหันขวับไปมองถังเฮ่า ”คุณถังเฮ่า ฉันขอบอกคุณเอาไว้เลย ฉันไม่ชอบคุณแม้แต่น้อย ต่อไปนี้ไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก!”
พูดจบ หลินมั่นหรูกลับเข้าไปในรถด้วยความโมโห
เหลิ่งรั่วปิงมองถังเฮ่านิ่งๆ เงียบไปสองวินาที ”คุณถังเฮ่า เธอไม่เหมาะกับคุณ อย่าดึงดันต่อไปเลยค่ะ ผู้หญิงแบบฉันและหลินมั่นหรู ไม่ควรที่จะแต่งงานและมีความรัก ฉันไม่ควรเข้าไปในชีวิตของหนานกงเยี่ย หลินมั่นหรูเองก็ไม่ควรเข้าไปในชีวิตของคุณ คุณถอดใจเถอะ ฝากบอกคุณหนานกงเยี่ยด้วย ไม่ต้องตามหาฉันอีก”
พูดจบ เหลิ่งรั่วปิงเดินกลับขึ้นไปบนรถ ไล่หลินมั่นหรูไปยังที่นั่งข้างคนขับ แล้วขับรถด้วยตนเอง พุ่งตัวออกไป
ถังเฮ่ามองดูรถที่ขับไปไกล ถอนหายใจด้วยความจนปัญญา ภายในใจเจ็บปวดทรมาน เมื่อกี้ ผู้หญิงที่เขาเฝ้าคิดถึงมาโดยตลอด กำลังจะเอาชีวิตเขาด้วยมีด แต่ว่า เขากลับยังไม่อยากถอดใจ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังเกลียดตัวเอง
ในที่สุดเขาก็รู้แล้ว เธอชื่อหลินมั่นหรู
ถังเฮ่าลุกขึ้นยืน กำลังจะกลับเข้าไปในรถเพื่อไล่ตามพวกเธอต่อ ก่วนอวี้ก็มาถึง ”คุณชายถัง คุณผู้หญิงของผมล่ะครับ”
ถังเฮ่าชี้ไปด้านหน้า ”เมื่อกี้ทำร้ายฉันจนบาดเจ็บ ขับรถตรงไปทางทิศตะวันตกแล้ว”
ก่วนอวี้สั่งให้บอดี้การ์ดที่ติดตามมาด้วยไล่ตามไปทันที จากนั้นหันมามองถังเฮ่าที่ได้รับบาดเจ็บ ”คุณชายถัง คุณขึ้นมาที่รถผมเถอะครับ?”
“อืม” ถังเฮ่าขึ้นไปที่รถก่วนอวี้ ตอนนี้เขาไม่มีแรงจะขับรถต่อแล้วจริงๆ เขาต้องการพักผ่อน
หนานกงเยี่ยขับรถ ด้วยความเร็วสูงบนท้องถนนในยามเช้าตรู่ มือซ้ายของเขามีเลือดไหลไม่หยุด ใช้กระดาษชำระเช็ดลวกๆ ตอนนี้เขาเวียนหัวมาก แต่เขาก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น พยายามเบิกตากว้าง ไม่รถความเร็วลงแม้แต่น้อย เธอเคยหนีไปจากเขาแล้วครั้งหนึ่ง เขาจะไม่มีวันยอมให้เธอไปจากเขาเป็นครั้งที่สองเด็ดขาด
ท้องถนนในยามเช้าตรู่ ฟ้ายังมืดมาก ข้างทางเต็มไปด้วยไฟสลัว และเขาก็เวียนหัวมาก ด้วยเหตุนี้เขาจึงขับรถได้ไม่นิ่งเท่าไร มีหลายครั้งที่เกือบจะชนกับราวกั้น แต่ก็หักพวงมาลัยกลับมาได้ทันเวลาพอดี
เมืองหลงในตอนเช้าตรู่ บนท้องถนนที่มุ่งหน้าไปยังลานบินชาญเมืองตะวันตก เสียงไซเรนรถตำรวจดังขึ้น มู่เฉิงซีนั่งในรถตำรวจคันหน้าสุด
เหลิ่งรั่วปิงรู้ดี มีตำรวจและบอดี้การ์ดไล่ตามเธอมามากมาย ถังเฮ่าจับได้ว่าเธอหนีออกมากลางดึก ถ้าอย่างนั้นต้องมีคนช่วยปลุกหนานกงเยี่ยแล้วแน่นอน สิ่งแรกที่เขาทำหลังจากที่ตื่นขึ้นมาคือทำทุกอย่างเพื่อตามล่าเธอ
แต่ว่า เธอไม่ไปไม่ได้จริงๆ
ดังนั้น เธอต้องไปให้ถึงลานบินชาญเมืองตะวันตกก่อนที่ทุกคนจะตามทัน และต้องขึ้นเครื่อง
ทักษะการขับรถของเหลิ่งรั่วปิงดีกว่าคนทั่วไปเป็นทุนเดิม ร่วมกับร้อนใจอยากจะไปจากที่นี่ ดังนั้นเธอจึงขับรถด้วยความเร็วแรง รถคันสีดำขับอยู่บนท้องถนนเหมือนลูกดอกธนูสีดำ ที่พุ่งตัวไปด้านหน้า วาดเป็นแสงไฟตลอดทาง
ตอนที่รถของเธอไปถึงลานบินชาญเมืองตะวันตก ก่วนอวี้และมู่เฉิงซีก็อยู่ไม่ห่างจากลานบินมากแล้ว
เวลานี้ ท้องฟ้าเริ่มสว่าง ภายใต้แสงแดดยามเช้า เครื่องบินส่วนตัวขนาดกลางสีขาวจอดอยู่บนรันเวย์ เหมือนกับนกอินทรีย์เตรียมบิน
ทั้งสองด้านของประตู มีบอดี้การ์ดชุดดำยืนเข้าแถวเรียงราย รอด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
หมาป่าสีเทายืนอยู่ด้านหน้าสุดของพวกบอดี้การ์ด สายตาจับจ้องไปยังทางเข้าลานบิน วินาทีที่รถของเหลิ่งรั่วปิงขับเข้ามา เขาเดินไปด้านหน้าสองก้าวด้วยความดีใจ
เหลิ่งรั่วปิงจอดรถ ลงจากรถด้วยความรวดเร็ว วิ่งไปตรงหน้าหมาป่าสีเทา ”รีบบินเถอะค่ะ ด้านหลังมีคนจำนวนมากกำลังตามมา”
หมาป่าสีเทาพยักหน้า ”อื้ม”
บันไดเคลื่อนตัวลงช้าๆ เหลิ่งรั่วปิงหันกลับไปมองขบวนรถที่ตามมาด้านหลัง ถอนหายใจเบาๆ เดินขึ้นไปบนบันได หมาป่าสีเทาและหลินมั่นหรูรีบเดินตามหลัง
ขบวนรถด้านหลังยิ่งใหญ่อลังการ มีรถของตระกูลหนานกง และมีรถตำรวจที่นำโดยมู่เฉิงซี รถของตระกูลหนานกงเป็นสีดำทั้งหมด ภายใต้แสงแดดยามเช้าขบวนรถนั้นราวกับมังกรดำ รถตำรวจนับสิบคัน แสงไฟสีแดงและน้ำเงินกะพริบไม่หยุด เปล่งแสงระยิบระยับใต้แสงแดดยามเช้า
เห็นเหลิ่งรั่วปิงและหลินมั่นหรูขึ้นเครื่องบินจากที่ไกลๆ มู่เฉินซี ก่วนอวี้และถังเฮ่าร้อนใจ รีบเปิดประตูรถยนต์ วิ่งไปยังลานบิน ด้านหลังมีตำรวจและบอดี้การ์ดของตระกูลหนานกงจำนวนมากวิ่งตามมาด้วย
“คุณผู้หญิง ได้โปรดอยู่ที่นี่ต่อเถอะครับ!”ก่วนอวี้วิ่งไปด้านหน้า พร้อมกับร้องตะโกนสุดเสียง
มู่เฉิงซีเป็นคนใจร้อน ตัดสินใจเด็ดเดี่ยว เห็นเหลิ่งรั่วปิงยืนอยู่ตรงประตูเครื่องบิน เขาคว้าปืนพกออกมาด้วยความโมโห จากนั้นยิงขึ้นฟ้าสองนัด
ปัง ปัง!
เสียงปืนสองนัดทำลายความเงียบในตอนเช้า ดวงดาวบนท้องฟ้าที่ยังไม่ลาลับเหมือนจะสั่นเทาไปด้วยสองสามครั้ง
มู่เฉิงซีหยุดฝีเท้า ใช้แรงทั้งหมดที่มี ”เหลิ่งรั่วปิง ถ้าคุณกล้าไป ผมจะยิงคุณทิ้ง!” เขารับปากหนานกงเยี่ยแล้ว ต้องพาเหลิ่งรั่วปิงกลับไปให้ได้ เขาไม่มีวันผิดคำพูด ครั้งที่แล้ว เหลิ่งรั่วปิงหนีรอดไปได้ ครั้งนี้เขาจะไม่มีวันปล่อยให้เธอหนีได้สำเร็จ
เสียงปืนสองนัดที่ดังขึ้น ระเบิดเป็นดอกไม้ภายในใจของเหลิ่งรั่วปิง ซึ่งดอกไม้ชนิดนี้มีชื่อว่าความเจ็บปวด
ท้องฟ้าสดใสในเช้าฤดูใบไม้ผลิ อากาศเย็นเล็กน้อย เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สองครั้ง สูดอากาศเย็นเข้าปอด ตอนที่เธอหันหน้ากลับไป เธอเห็นรถของหนานกงเยี่ย วินาทีนั้นม่านตาของเธอหดเล็กทันที
ถึงแม้จะห่างกันไกลมาก แต่เธอก็เห็นเลือดบนข้อมือของเขา เวลาสั้นๆ แค่สามวินาที เหลิ่งรั่วปิงเข้าใจทุกอย่างทันที ความรู้สึกเจ็บปวดปะทุขึ้นมาในใจกะทันหัน
หมาป่าสีเทามองหนานกงเยี่ย แล้วหันกลับมามองเหลิ่รั่วปิง ”นางฟ้ารัตติกาล เธอต้องรู้ว่า เธอเปลี่ยนใจไม่ได้แล้ว”
ถ้าเธอเปลี่ยนใจตอนนี้ ซือคงอวี้ต้องโมโหมากแน่ๆ ชีวิตของอาเธอร์อยู่บนเส้นด้าย
เหลิ่งรั่วปิงหลับตาลง เธอรู้ดี ดังนั้นเธอจึงไม่เปลี่ยนใจ
เหลิ่งรั่วปิงก้มหน้าลง ถอดแหวนหมั้นบนนิ้วนาง จากนั้นโยนไปทางหนานกงเยี่ย วินาทีที่แหวนหมั้นกระทบพื้น เธอหันหลังทันที
รถของหนานกงเยี่ยเหมือนวัวป่าคลุ้มคลั่ง พุ่งชนราวกั้นของลานบิน ขับไปยังด้านหน้าสุดของฝูงชน
“เหลิ่งรั่วปิง คุณหยุดเดี๋ยวนี้!” เสียงทุ้มต่ำของหนานกงเยี่ยตัดผ่านท้องฟ้า
ทว่า เหลิ่งรั่วปิงไม่ได้หันกลับมา ก้าวท้าวสุดท้าย ประตูเครื่องบินปิดลงช้าๆ เครื่องบินเคลื่อนตัวบนรันเวย์
“เหลิ่งรั่วปิง…” หนานกงเยี่ยทุบพวงมาลัยอย่างแรง เหยียบคันเร่งจนมิด ขับตามหลังเครื่องบินที่อยู่บนรันเวย์
แต่ว่า รถยนต์จะเร็วสู้เครื่องบินได้อย่างไร สองนาทีหลังจากนั้น เครื่องบินบินขึ้นจากพื้น ยิ่งบินยิ่งสูง ยิ่งบินยิ่งไกล
มองดูเครื่องบินบินมุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตก เข้าสู่เส้นขอบฟ้า หนานกงเยี่ยขบกรามแน่น ดวงตาแดงก่ำ ”เหลิ่งรั่วปิง ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินซีหลิง ผมก็จะเอาตัวคุณกลับมาให้ได้!”
รถของหนานกงเยี่ยจอดตรงรันเวย์ ว่างเปล่า เงียบเหงา เจ็บปวด
ทุกคนที่นั่นต่างสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านออกมาจากหนานกงเยี่ย ราวกับบทเพลงเก่าแก่ที่เปี่ยมด้วยความทุกข์ระทม
ถังเฮ่ายืนอยู่ที่เดิมเงียบๆ แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ผู้หญิงที่เขารัก ตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่เคยตามเธอทันเลย
มู่เฉิงซีขมวดคิ้วเป็นปม ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เหลิ่งรั่วปิงหนีไปต่อหน้าต่อตาเขาอีกแล้ว เขาโทษตัวเอง เกลียดตัวเอง
ก่วนอวี้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทุกคนที่นี่ ไม่มีใครเจ็บปวดไปกว่าหนานกงเยี่ย เงียบอยู่นาน เขาเดินไปด้านหน้าช้าๆ ยืนอยู่ข้างรถของหนานกงเยี่ย ปลอบเขาโดยไร้เสียง
เหนือความคาดหมายของทุกคน หนานกงเยี่ยไม่ได้บ้าคลั่ง และไม่ได้เสียใจจนล้มลงแล้วขึ้นมาไม่ได้ แต่เขากลับเปิดประตูรถ เดินลงจากรถ ไม่ชายตามองก่วนอวี้แม้แต่น้อย วิ่งไปยังพื้นที่โล่งกว้างด้านข้าง ย่อตัวลง หาอะไรบางอย่าง
ทุกคนรู้ว่าเขากำลังหาอะไร มู่เฉิงซีและถังเฮ่ามองหน้ากัน ทนมองหนานกงเยี่ยต่อไปไม่ได้ หันหน้าหลบไปอีกทางหนึ่ง
ก่วนอวี้สูดลมหายใจเข้า ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เดินไปยังที่โล่งกว้าง และย่อตัวลง
“ฉันหาเอง” เสียงของหนานกงเยี่ยไม่ดังมาก แต่ทำให้คนไม่อาจขัดคำสั่งได้
ด้วยเหตุนี้ ก่วนอวี้จึงลุกขึ้นด้วยความจนปัญญา ยืนอยู่ด้านข้าง
หลังจากนั้นไม่กี่นาที ในที่สุดหนานกงเยี่ยก็เจอแหวนหมั้น เขากำมันเอาไว้แน่น เหยียดตัวลุกขึ้น กลับเข้าไปในรถของตนเอง แล้วขับออกไป
เหน็ดเหนื่อยกับการตามล่าภรรยามาทั้งคืน จบลงด้วยเสียงถอนหายใจ
……
เครื่องบินลำที่เหลิ่งรั่วปิงนั่ง มุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตก บินอยู่ระหว่างน้ำทะเลและท้องฟ้า เหมือนนกอินทรีย์สีขาวตัวหนึ่ง
นั่งอยู่บนโซฟาเงียบๆ รัดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อย เหลิ่งรั่วปิงหลับตาลง นิ่งเงียบไม่พูดอะไร และไม่มีท่าทีใดๆ
ความเงียบเป็นการบอกลาอย่างหนึ่ง บอกลากับเรื่องราวในอดีต บอกลากับคนรัก
ความคิดในหัวของเธอ เหมือนโทรทัศน์ที่กำลังฉายภาพหนานกงเยี่ยตามล่าเธอ ในใจของเธอเหมือนทุ่งนาสีเหลืองทอง ที่ถูกลมในฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่าน ปลิวไปตามแรงลม
ความรักของพวกเขาเหมือนนาผืนนั้น สุกงอมเต็มที่แล้ว แต่กลับไม่อาจเก็บเกี่ยวได้ ความรักและความแค้นที่เกิดขึ้นกะทันหัน เหมือนพายุฝนลูกใหญ่ กวาดเอาผืนนาไปทั้งผืน ถึงแม้ความรักจะยังคงอยู่ แต่กลับอยู่กันไกลห่าง เธอพูดได้แค่คำเดียว ’คุณหนานกงเยี่ย ลาก่อน!’
ผ่านการหวนคิดวนไปมา สุดท้ายหัวใจของเธอก็กลับมานิ่งสงบ ผืนนากลายเป็นพื้นดินที่แข็งแกร่ง เรื่องราวในอดีตถูกผนึกเอาไว้ใต้ผืนดิน
เวลานี้ เธอลืมตาขึ้นช้าๆ แววตาของเธอเหมือนเข้าใจโลกมากขึ้น
หลินมั่นหรูนั่งอยู่ตรงข้ามเหลิ่งรั่วปิง เห็นสีหน้าทุกอย่างของเธอ เป็นผู้หญิงเหมือนกัน เธอรู้ว่าเหลิ่งรั่วปิงกำลังตัดใจเรื่องอะไร
“เหลิ่งรั่วปิง เธอจะตัดใจจากหนานกงเยี่ยแบบนี้จริงๆ เหรอ” หลินมั่นหรูแสยะยิ้ม เคล้าไปด้วยความเย้ยหยัน เธออิจฉาเหลิ่งรั่วปิงที่ทิ้งทุกอย่างได้
หลินมั่นหรูมีเจตนาร้าย เหลิ่งรั่วปิงเองก็ไม่เป็นมิตร เธอเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาดูถูก ”ฉันตัดใจได้ เธอไม่พอใจหรือไง”
หลินมั่นหรูหัวเราะเสียงเหี้ยม ”เธอกำลังจะกลับไปอยู่กับเจ้าวิหารแล้ว แต่ในใจกลับมีผู้ชายคนอื่น เจ้าวิหารต้องรู้สึกว่าเธอสารเลวแน่ๆ”
ซ่า!
น้ำชาสาดไปตรงหน้าหลินมั่นหรูอย่างรวดเร็ว ความร้อนทำให้หน้าของเธอแดงทันที
เหลิ่งรั่วปิงทำด้วยความรวดเร็ว ความเร็วของเธอเหมือนลูกดอกที่ยิงออกไปทำให้หลินมั่นหรูเพียงแค่ทันตั้งตัว แต่หลบไม่ทัน หลินมั่นหรูไม่เคยเป็นคู่ต่อสู้ของเธอมาก่อน
ตอนต่อไป →