ภาคที่ 1 บทที่ 186 ราวกับปาฏิหาริย์

เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]

บทที่ 186 ราวกับปาฏิหาริย์

ตอนนี้ซูเย่กำลังจะเริ่มทำการช่วยเหลือ

“เดี๋ยวผมจัดการเอง!”

กัวหงหย่วนรีบเดินเข้ามา สีหน้าขึงขัง พูดว่า “นี่คือเรื่องที่คุณรับมือไม่ไหวหรอก”

พูดจบ อาจารย์หนุ่มก็รีบตรวจดูอาการของคนไข้

ในเวลาเดียวกันนี้หัวคิ้วก็ขมวดมุ่น

กัวหงหย่วนสามารถรับรองได้เลยว่าวิธีการฝังเข็มและจุดฝังเข็มที่ซูเย่เลือกปฏิบัติต่อคนไข้นั้นไม่มีปัญหาแน่นอน แล้วปัญหานี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร?

หรือจะเป็นอย่างที่ซูเย่พูด ก่อนหน้านี้จางฮ่าวเฉินรับประทานบางอย่างที่แสลงท้องเข้าไป และของสิ่งนั้นก็เพิ่งจะมาออกฤทธิ์เอาตอนนี้?

ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็คงต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ได้ก่อน!

ในเวลาเดียวกันนี้

จางฮ่าวเฉินผู้ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดก็ตัวอ่อนระทวยและเกิดอาการช็อกขึ้นมาแล้ว!

กัวหงหย่วนมีสีหน้าร้อนใจอย่างเห็นได้ชัด

“อาจารย์ครับ ผมมีวิธี!”

ซูเย่รีบแทรกตัวเข้ามาและไม่รอฟังคำอนุญาตจากกัวหงหย่วน เขาก็เริ่มทำการฝังเข็มอีกครั้ง!

จุดจงหว่าน จุดเน่ยกวน จุดจู๋ซานหลี่ จุดเน่ยถิง…

หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็พลิกตัวคนไข้และฝังเข็มไปที่ด้านหลัง เพื่อบรรเทาอาการกล้ามเนื้อแข็งเกร็ง ซึ่งประกอบไปด้วย : จุดจินซัว จุดเว่ยซู และจุดผีซู

มือของซูเย่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว!

ในเวลาเดียวกับที่ลงมือฝังเข็มนี้

ชายหนุ่มก็โคจรพลังลมปราณเข้าสู่ร่างกายจางฮ่าวเฉิน

เขาใช้พลังลมปราณขับไล่พิษที่ตกค้างอยู่ในตัวคนไข้

ขณะนี้ ถึงกัวหงหย่วนอยากจะห้าม แต่ก็สายเกินไปแล้ว

ทว่า

เมื่อเห็นสีหน้าของจางฮ่าวเฉินผ่อนที่คลายมากขึ้น อาจารย์หนุ่มถึงได้รู้ว่าคนไข้อาสาสมัครผู้นี้หายจากอาการช็อกแล้ว

“ฮื่อ…” ทันทีที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา จางฮ่าวเฉินก็ต้องรีบสูดหายใจลึกหลาย ๆ ครั้ง

เห็นดังนั้น

กัวหงหย่วนก็ชำเลืองมองมาที่ซูเย่ด้วยความตกตะลึง

ต่อจากนั้น อาจารย์หนุ่มจึงได้ขยับเข้าไปจับชีพจรจางฮ่าวเฉิน

ปรากฏว่าจางฮ่าวเฉินกลับมาปกติราวกับปาฏิหาริย์

อาการผิดปกติที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ไม่มีอยู่อีกแล้ว!

กัวหงหย่วนหันขวับกลับมามองหน้าซูเย่อีกรอบ

ดวงตาของเขาแสดงออกถึงความตกตะลึงไม่ปิดบัง

นอกจากซูเย่จะตรวจพบความผิดปกติของคนไข้อย่างรวดเร็วแล้ว ชายหนุ่มคนนี้ก็ยังสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าและให้ความช่วยเหลือคนไข้ได้อย่างรวดเร็วไม่แพ้กัน!

ก่อนหน้านี้ กัวหงหย่วนมีคะแนนอยู่ในใจแล้วว่าควรจะให้คะแนนซูเย่เท่าไหร่ดี แต่เมื่อเหตุการณ์ดำเนินมาถึงขั้นนี้ เขาก็ไม่รู้อีกแล้วว่าควรให้คะแนนนักศึกษาหนุ่มอย่างไรดี

“คนไข้ปลอดภัยแล้ว”

กัวหงหย่วนถอนหายใจยาวแรงและกล่าวว่า “ต้องขอบคุณนักศึกษาซูเย่เขานะ ไม่งั้นคุณคงไม่ฟื้นจากอาการช็อกได้รวดเร็วขนาดนี้ และผลกระทบที่ตามมาอาจจะแรงมากกว่านี้ก็ได้”

เมื่อจางฮ่าวเฉินได้ยินดังนั้น ประกอบกับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายของตนเองอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรง เขาก็อดรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาไม่ได้

“ขอบคุณมากครับ!”

ดวงตาของจางฮ่าวเฉินทอประกายความรู้สึกบางอย่าง และเขาก็ไม่กล้าสบตาซูเย่อีกเลย

“เอาละ การสอบสิ้นสุดลงแล้ว ขอเชิญนักศึกษาออกไปได้”

กัวหงหย่วนผายมือส่งสัญญาณให้ซูเย่ออกจากเต็นท์ไปก่อน

ระหว่างที่กำลังจะเดินออกไป

ดวงตาของซูเย่ก็สะดุดเข้ากับถ้วยน้ำชาที่วางอยู่บนโต๊ะ

แล้วเขาก็นึกถึงอากัปกิริยาผิดแปลกที่คนไข้มีก่อนเริ่มการวินิจฉัย ตอนนั้น ชายหนุ่มจำได้ว่าเมื่อคนไข้เห็นเขาเดินเข้ามา คนไข้ก็รีบดื่มน้ำชาถ้วยนี้ด้วยความร้อนรนผิดปกติ

“อาจารย์กัวครับ ผมว่าเราตรวจถ้วยน้ำชาที่คนไข้ดื่มถ้วยนี้ดีไหมครับ”

ซูเย่พูดออกมา

“หืม?”

กัวหงหย่วนชำเลืองมองไปที่ถ้วยน้ำชาด้วยความประหลาดใจ ก่อนพยักหน้า รับคำว่า “ไม่ต้องห่วง เรื่องนี้เดี๋ยวผมจัดการให้”

ซูเย่หมุนตัวเดินออกมา

ช่วงบ่าย

ยังไม่ทันที่ผลการสอบจะถูกประกาศออกมา ก็มีใครบางคนโพสต์กระทู้ที่สร้างความแตกตื่นให้แก่เว็บบอร์ดรวมมิตรมหาลัยเป็นอย่างยิ่ง

“งามหน้า! การสอบช่วงเช้าวันนี้ การรักษาของซูเย่ทำให้คนไข้เกิดอาการช็อกและทรมานแสนสาหัส!”

เพียงชื่อกระทู้ก็ชวนให้กดเข้าไปดูแล้ว

แต่เนื้อหาในกระทู้มีเพียงข้อความประโยคเดียวเท่านั้น

“ต้นสายปลายเหตุของอาการป่วยคนไข้ยังไม่ทราบแน่ชัด แม้สุดท้ายซูเย่จะสามารถรักษาคนไข้ได้ในที่สุด แต่ขณะนี้ คณะอาจารย์กำลังปรึกษาหารือกันว่าควรอนุญาตให้ซูเย่เข้าร่วมการสอบต่อไปดีหรือไม่!”

แน่นอนว่าเมื่อทุกคนอ่านกระทู้นี้จบลง คอมเมนต์จำนวนมากมายก็ปรากฏตามมา…

“บ้าเอ๊ย นี่มันอะไรกันครับเนี่ย? รักษาจนคนไข้เกิดอาการช็อกเนี่ยนะ? ยังจะต้องปรึกษาอะไรกันอีก? ควรไล่ออกได้แล้วไหม!”

“ถ้าเป็นหมอก็ถือว่าบกพร่องต่อหน้าที่มากเลยนะ ดูคนไข้ยังไงให้ช็อกคามือได้เนี่ย โชคดีนะที่คนไข้ปลอดภัย เกิดคนไข้เป็นอะไรขึ้นมา ซูเย่จะรับผิดชอบยังไง!”

“ทางมหาวิทยาลัยต้องมีมาตรฐานในการคัดเลือกอาสาสมัครอยู่แล้ว คนที่จะมาเป็นคนไข้อาสาสมัครได้ ส่วนใหญ่มหาลัยก็ต้องเลือกคนที่มีอาการไม่รุนแรงมาทั้งนั้น นั่นหมายความว่าคนไข้ของซูเย่ต้องไม่ใช่ผู้ป่วยอาการหนักแน่ ๆ แล้วเขารักษายังไงถึงทำให้คนไข้ช็อกได้ถึงขนาดนี้?”

“พูดอีกอย่างก็คือ ซูเย่มันทำให้คนไข้ตกอยู่ในอันตรายโดยไม่จำเป็นสินะ?”

“ก็ใช่น่ะสิ อยู่ดี ๆ คนเราจะช็อกเองได้ไง”

“ฉันได้ข่าวลือมาว่าคนไข้ช็อกตอนซูเย่ฝังเข็มละ”

“นั่นไงละ หมอนี่เพิ่งจะศึกษาเรื่องแพทย์แผนจีนได้แค่สองเดือน ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนจะฝังเข็มให้คนอื่น? แบบนี้มันเห็นชีวิตคนอื่นเป็นของเล่นเลยนี่หว่า”

“เพิ่งเรียนไม่กี่เดือนยังก่อเรื่องขนาดนี้ ไม่อยากจะนึกเลยว่าในอนาคตมันจะก่อเรื่องอีกขนาดไหน ฉันว่าทางมหาลัยควรไล่ซูเย่ออกสถานเดียว ไม่งั้นหมอนี่ได้สร้างความเดือดร้อนไม่รู้จบแหง ๆ!”

ในกระทู้เต็มไปด้วยข้อความโจมตีซูเย่

แน่นอนว่ามีผู้คนที่พร้อมจะเหยียบย่ำซ้ำเติมชายหนุ่มอยู่มากมาย!

กระแสการโจมตีซูเย่ดำเนินไปตลอดช่วงบ่าย ไม่มีเรื่องอื่นใดจะมากลบกระแสเรื่องนี้ได้อีก

แต่ไม่มีใครรู้เลยว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่

เพราะในระหว่างที่ทุกคนรอคอยการประกาศผลสอบ ก็ได้มีอีกหนึ่งกระทู้ถูกโพสต์ลงในเว็บบอร์ด

ชื่อกระทู้ก็คือ

“อัปเดทความคืบหน้าล่าสุดกรณีซูเย่รักษาคนไข้ผิดพลาด!”

“ข่าวใหม่ล่าสุด อาจารย์คุมสอบที่อยู่คุมสอบในระหว่างการรักษาตั้งแต่ต้นจนจบ ระหว่างการประชุมผู้บริหารได้ออกตัวปกป้องซูเย่ กล่าวว่าซูเย่ไม่ได้ทำอะไรผิดพลาด!”

“ส่วนสาเหตุที่นักศึกษาที่ซูเย่ทำการรักษามีอาการช็อก อาจเป็นเพราะดื่มหรือทานอาหารที่ไม่เหมาะสม ทำให้เกิดอาการเฉียบพลัน”

“ถึงแม้ว่าอาจารย์คุมสอบจะปกป้องซูเย่ แต่สำหรับการเกิดเหตุการณ์เช่นในขณะดำเนินการสอบ คณะผู้บริหารและคณะอาจารย์ยังคงมีข้อกังขา”

“มีอาจารย์สอบถาม ทำไมผู้ป่วยถึงไม่มีอาการผิดปกติในเวลาอื่น พอซูเย่ฝังเข็มถึงได้มีอาการผิดปกติ?”

“ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัด มีข่าวใหม่ออกมาเมื่อไหร่เราจะทำการอัปเดตทันที จากรายงานทุกคนเหมือนกับว่ากำลังรอผลการตรวจสอบอะไรบางอย่าง”

อ่านกระทู้นี้จบ

ทุกคนที่กำลังติดตามเรื่องนี้อยู่ก็อารมณ์เดือดขึ้นมาทันที

“เรื่องมันชัดเจนขนาดนี้ ยังจะปกป้องอะไรอีก? ใครบอกฉันได้บ้างว่าอาจารย์คุมสอบคนนี้เป็นใคร มีลับลมคมในอะไรกับซูเย่หรือเปล่า? ”

“นั่นนะสิ มีอะไรให้ถกเถียงอีก?”

“ความผิดซูเย่ชัด ๆ ก็ควรที่จะให้ซูเย่รับผิดชอบสิ!”

“ใช่แล้ว คนแบบนี้น่ะ ให้เริ่มฝึกตั้งแต่แพทย์แผนจีนฝึกหัดไปเถอะ อย่าออกไปหลอกคนอื่นเลย อยู่ในมหาวิทยาลัยหลอกนักศึกษา อยู่ในสังคมคงหลอกผู้ป่วย จะทำลายชื่อเสียงแพทย์แผนจีนของเราเปล่า ๆ ! ”

“ซูเย่นี่มันก็หนังหน้าหนาดีนะ เป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้แล้ว ยังไม่ออกมาขอโทษอีก ตอนนี้เอาแต่หดหัวอยู่ในกระดอง แน่จริงแกก็ออกมาพูดสิ!”

ซูเย่: “เหอะเหอะ”

ทุกคน: “……”

เวรเอ๊ย! แกยังจะมีหน้ามาเหอะเหอะอีกเหรอ!

“เหอะเหอะที่บ้านแกสิ ทำคนช็อกแกยังมีหน้ามาเหอะเหอะอีก! ฉันละยอมจริง ๆ!”

“หนังหน้าหนาหาใดเปรียบ! นับถือนับถือ!”

“รู้จักยางอายบ้างไหม?”

ซูเย่: “เหอะเหอะ”

ทุกคน: “……”

พวกเขาอึ้งกับการโต้ตอบของซูเย่ ทำไมถึงมีคนที่เผชิญหน้าต่อการประณามของมวลชนแล้วยังคงสีหน้าปกติพูดว่าเหอะเหอะได้

นับถือจากใจ!