บทที่ 30 เสี้ยวเจตจำนงค์ไม่สิ้นสูญ ผู้ศักดิ์สิทธิ์อันสูงส่งฟื้นคืนชีพ

จอมบงการเทพยุทธ์

ชุดเกราะแตก ย้อมเป็นสีทองด้วยเลือด ลอยอยู่ในความว่างเปล่า เต็มไปด้วยมีจิตวิญญาณการต่อสู้อันดุเดือด

มันพอที่จะจินตนาการได้ว่า อดีตเจ้าของชุดเกราะนี้ได้ต่อสู้ในศึกวิปโยค ก่อนที่เขาจะจบชีวิตลงและย้อมชุดเกราะนี้เป็นสีทอง

แต่ทว่า แม้เป็นเพียงเศษเสี้ยวของชุดเกราะแต่มันก็เผยให้เห็นถึงกระแสพลังอันไร้ที่สิ้นสุดที่สยบทั้งสามภพหกด้าน ซึ่งน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เลือดสีทองสดที่อยู่บนชุดเกราะ แม้ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่หมื่นปีแล้ว แต่มันก็ยังแววาวและยังหยดอยู่ราวกับมันมีชีวิต

“ในหลุมศพอันโดดเดี่ยว มีเศษชุดเปื้อนเลือดฝังอยู่…”

หยุนรั่วซีมองไปที่เศษชุดเกราะที่ลอยขึ้นๆ ลงๆ อยู่ในความว่างเปล่า มันส่องประกายออกมา ความตกใจของนางนั้นเหลือล้นจนไม่อาจอธิบายได้

เจ้าของชุดเกราะนี้ เป็นใคร❓

เขาผ่านอะไรมาบ้างในชีวิต❓

ทำไมท้ายที่สุดแล้วจึงมีเพียงเศษชิ้นส่วนชุดเกราะที่แตกหักถูกฝังอยู่ในสุสานอันโดดเดี่ยวนี้❓

ไม่เพียงแค่หยุนรั่วซี สิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์มนุษย์ในเหมืองโบราณต่างก็ตกใจและสับสน

ในหลุมศพที่น่าจะมีอายุเป็นล้านๆ ปี กลับพบชุดเกราะเปื้อนเลือดสดๆ เป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก

ตูม——❗️

มิติโอดครวญ แสงเจิดจ้าที่ส่องสว่างไปทั่วท้องฟ้า ราวกับดวงดาวหลายร้อยล้านดวงมารวมตัวกันที่นั่น จนไม่อาจมองไปตรงๆได้

สุดท้ายนี้ ฉากที่ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในเหมืองโบราณตกใจก็ปรากฏขึ้น

บริเวณที่ชุดเกราะอยู่ มีร่องรอยเต๋าแห่งเซียนเทพนับพันลงไปที่นั่น เคลื่อนสวรรค์ทั้งเก้าดินแดนทั้งสิบ ร่างอันงดงามที่ห่อหุ้มด้วยแสงอันไร้ขอบเขตก็ได้ปรากฏขึ้น❗️

ร่างที่สง่างามและศักดิ์สิทธิ์พร้อมด้วยแสงอันไร้ขอบเขต ฟ้าดินดูราวจะสั่นสะเทือนเพราะร่างนั้น❗️

ลวดลายที่เต็มไปด้วยพลังเทพเซียนถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบบนผิวหนัง มันมีพลังศักดิ์สิทธิ์อันท่วมท้นที่ทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน❗️

ในมิติ มีดอกบัวทองกำลังผลิบาน แสงสีอันเป็นมงคลทุกชนิดกำลังร่วงหล่นลงมา เทพปีศาจสามพันตนจำแลงร่างโผล่ออกมาล้อมรอบร่างอันสูงส่งตรงกลางและพากันกราบไหว้บูชา❗️

ความรู้สึกนั้นเหมือนการบูชาจอมจักรพรรดิโบราณอันสูงศักดิ์ ช่างเป็นภาพที่น่าตื่นตายิ่งนัก❗️

เขายืนนิ่งเงียบ ส่องสว่างมากจนไม่มีผู้ใดสามารถมองไปตรงๆ ได้

กระแสพลังที่ไม่อาจอธิบายก็ได้แผ่ออกมา มันทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดสั่นสะท้านราวกับเผชิญหน้ากับเทพเซียนอันสูงส่ง และทำได้แต่คุกเข่าลงไป

ชุดเกราะได้หายไป แล้วก็มีเงารางๆ รูปร่างคล้ายมนุษย์ปรากฏขึ้น ราวกับจักรพรรดิโบราณยืนอยู่ในหมอกนั้น ทำให้ทั้งพิภพต้องตกตะลึง❗️

“ไป❗️”

หัวใจของหลี่ต้าวหลินสั่นสะท้าน เมื่อเผชิญกับร่างที่ปรากฏมาอย่างฉับพลันนี้ เขาถึงกับมีความรู้สึกไม่ดีและตื่นกลัวอยู่ในใจ

สัญชาตญาณของเขาบอกให้หนีไปจากที่นี่ในทันที ไม่อาจอยู่ต่อไปได้อีก❗️

เถิงยีและหลี่ต้าวหลินมีความคิดเช่นเดียวกัน ทั้งสองมองหน้ากันและเข้าใจความคิดซึ่งกันและกัน วินาทีต่อมา ทั้งสองก็หันหลังกลับและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะพุ่งออกจากเหมืองโบราณนี้โดยไม่รีรอ❗️

แต่ทว่า ในตอนนี้

แสงและเงารูปร่างมนุษย์ที่ยืนอยู่ในมิติก็ได้เริ่มเคลื่อนไหว

เขาเปิดตาขึ้นและมองไปยังทิศทางที่เถิงยีและหลี่ต้าวหลินจากไป

มันยากที่จะอธิบายความรู้สึกได้

เขาเพียงเปิดตาขี้น แต่ในชั่วขณะนั้นราวกับเขาได้เปิดโลกทั้งใบ

ฟ้าดินสั่นสะเทือน เมฆทั้งสิบทิศเปิดออก และจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้อันไร้เทียมทานก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าและกวาดไปทั่วทั้งพิภพ❗️

หลี่ต้าวหลินและเถิงยีที่หนีไปไกล เมื่อถูกกวาดสายตาผ่าน ร่างกายของพวกเขาก็แข็งทื่อและการเคลื่อนไหวก็หยุดกะทันหัน

พวกเขาหวาดกลัวและคุกเข่าไปทางแสงเงาที่มีรูปร่างมนุษย์โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ไม่อาจควบคุมร่างกายและเคลื่อนไหวได้เลย

และในใจพวกเขา มีคลื่นขนาดใหญ่กำลังก่อตัว

“พลังนี้…เมื่อเทียบกับบรรพบุรุษในเผ่าพันธุ์ ช่างแตกต่างราวกับหิ่งห้อยและดวงจันทร์ เกรงว่าจะเทียบเท่าจอมจักรพรรดิดึกดำบรรพ์ด้วยซ้ำไป❗️”

เถิงยีสั่นเทาไปทั้งตัว ความเย่อหยิ่งและความมั่นใจในตนเองที่เคยมี บัดนี้ได้หายสิ้น แม้แต่เสียงนั้นก็ยังสั่นเครือไปด้วยความกลัว

ทุกอย่างเกินความคาดหมายและจินตนาการของเขา

แสงที่เจิดจรัสค่อยๆ จางหายไป ร่างที่กำยำพร้อมผมสีดำสยายออกได้โผล่ออกมาจากแสงนั้น กลืนทั้งภูเขาและแม่น้ำ องอาจหาญกล้า

ในตอนนี้ ทุกคนในเหมืองโบราณตกใจจนพูดอะไรไม่ออก

เพราะร่างนี้ พวกเขาเพิ่งเคยเห็นเมื่อไม่นานมานี้

นั่นคือหนึ่งในกายาจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยเห็นในม้วนคัมภีร์ทั้งเก้านั้น❗️

กายาจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ได้ข้ามแม่น้ำแห่งกาลเวลาอันยาวนานและได้ปรากฏตัวในโลกนี้ราวกับปาฏิหาริย์❗️

ถึงตอนนี้ ในใจของทุกคนก็สั่นไหว

กายาจักรพรรดิเผ่าพันธุ์มนุษย์ ไม่ได้เป็นแค่เรื่องที่แต่งขึ้น มันเป็นเรื่องจริง❗️

กายาจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ทั้งเก้าในม้วนคัมภีร์ก็ย่อมเป็นเรื่องจริงด้วย❗️

“ถือกำเนิดขึ้นใหม่ชั่วนิรันดร์ เวลาได้ล่วงเลย และข้าก็กลับมาอีกครั้ง กลับมาสู่โลกที่เคยได้ปกป้องและต่อสู้”

กายาจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่พึมพำเบาๆ มีร่องรอยของการระลึกความหลังอยู่ในเสียงของเขาและเสี้ยวของความโศกเศร้า

เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยุนรั่วซีซึ่งอยู่หน้าอนุสรณ์อันศักดิ์สิทธิ์ทั้งเก้าอย่างครุ่นคิด

“จวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต ข้าก็ยังคงต่อสู้ ลากศัตรูผู้ยิ่งใหญ่ไปด้วยกัน”

“หลังจากศึกวิปโยค ฟ้าดินล่มสลายเหลือไว้เพียงเศษเสี้ยวของชุดเกราะโชกเลือด เกราะเปื้อนเลือดที่ยังคงเหลือเจตจำนงค์ไม่สิ้นสูญอยู่”

“หลังจากผ่านมาเนิ่นนาน เลือดของกายาจักรพรรดิได้หยดลง กระตุ้นเจตจำนงค์ไม่สิ้นสูญ และได้กลับคืนสู่พื้นพิภพงั้นรึ❓”

หลังจากกลับมา เขาก็รู้เหตุผลในการฟื้นคืนชีพในทันที

มันไม่ใช่การฟื้นคืนชีพ เขาเป็นเพียงเสี้ยวเจตจำนงค์ไม่สิ้นสูญ ที่ข้ามมิติและกาลเวลา ถูกกระตุ้นและปรากฏตัวในโลกนี้

เพียงแต่ว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งแสดงให้เห็นความแข็งแกร่งที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ของกายาจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่

เพียงแค่เจตจำนงค์ไม่สิ้นสูญ ยังสามารถผ่านมาได้หลายล้านปีโดยไม่สูญสลาย ข้ามแม่น้ำแห่งกาลเวลาอันยาวนานมาได้ พลังต่อสู้และเขตแดนเช่นนี้ย่อมทำลายล้างฟ้าดินได้โดยสิ้นเชิง