บทที่ 147 ปล่อยมันไปไม่ได้

บัญชามังกรเดือด

บทที่ 147 ปล่อยมันไปไม่ได้
หยางยู่หลันก็โกรธจัด

เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายผิดก่อน ตัวเองเป็นเพียงแค่เหยื่อเท่านั้น อีกฝ่ายไม่คิดจะขอโทษ กลับกันยังมาประฌามตัวเองก่อนอีกด้วย

แล้วอีกอย่าง เพียงแค่สีชิ้นเดียวเท่านั้นเอง บอกว่าจะต้องการห้าพัน นี่คงไม่ใช่การขู่กรรโชคหรอกใช่ไหม

ยังโชคดีที่เธอยังไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร เธอลุกขึ้นด้วยตัวเอง

“เด็กคนนี้ ทำไมถึงพูดอย่างนี้กันล่ะ?” เธอก็ยังคนรักษาความปรารถนาดีและความยับยั้งชั่งใจไว้ได้อย่างถึงที่สุด

ไม่คาดคิดว่า หญิงสาวที่ขับรถบีเอ็มดับเบิลยูได้คืบจะเอาศอก : “ฉันจะพูดยังไงแล้วทำไม? เห็นอยู่ชัดๆ ว่าคนแก่อย่างยายตาบอดไปแล้วหรือไง!”

“ถนนออกจะกว้างขนาดนี้ แกยังจะมาให้ฉันชนได้ ฉันดูแล้วแกคงคิดที่จะเสแสร้งว่าตนเองเป็นเหยื่อเพื่อขอรับการชดเชยสินะ?”

“คุณอย่างแก ฉันเจอมาเยอะแล้ว”

“เพียงแต่ยายแก่ วันนี้แกมาเจอฉัน ถ้าไม่มีเงินห้าพันหยวน เรื่องนี้ไม่มีทางจบแน่!”

“วันนี้ฉันจะต้องกำจัดคนประเภทที่เสแสร้งว่าตนเองเป็นเหยื่อเพื่อขอรับการชดเชยจะกำจัดแล้วขุดรากถอนโคนซะ!”

“รีบเอาเงินออกมา!”

ผู้คนโดยรอบเริ่มมารวมตัวกันมากยิ่งขึ้น คำพูดประณามค่อยๆมากขึ้น : “ไร้ยางอายเกินไปแล้ว!”

“นี่มันยุคไหนแล้ว ยังมีเรื่องแบบนี้อีก”

“คุณผู้หญิง บนรถของคุณควรจะมีกล้องติดรถยนต์ใช่ไหม? ถ้ามีหลักฐาน ก็สามารถแจ้งตำรวจได้”

“จะต้องลงโทษพวกคนที่เสแสร้งว่าตนเองเป็นเหยื่อเหล่านั้นให้หมดแน่นอน”

เสียงของคนหมู่มากทำให้ผิดกลายเป็นถูกได้

หยางยู่หลันเป็นคนที่ต้องการรักษาหน้าของตัวเอง ปกติในชีวิตก็ทะเลาะกับคนอื่นไม่เก่งเลย

เมื่อถูกกล่าวหาเช่นนี้ เธอโกรธจนใบหน้าแดงก่ำไปหมด และไม่รู้ว่าตัวเองควรจะโต้กลับไปอย่างไรอยู่ชั่วขณะหนึ่ง

เมื่อได้เห็นถึงตรงนี้ ฉินเทียนก็รีบร้อนก้าวเดินออกไป

“เธออยากตายอย่างนั้นเหรอ?”

“ชนคนแล้วไม่ขอโทษยังไม่พอ แล้วยังคิดที่จะหาเรื่องกลับอีก เชื่อไหมว่าฉันจะใช้ฝ่ามือตบเธอให้ตาย?”

“แกเป็นใคร?” หญิงสาวรถบีเอ็มดับเบิลยูโต้กลับมา อย่างอับอายและโกรธจัด : “ไม่รู้ก็อย่ามาพูดจาไร้สาระ!”

“เห็นชัดๆ ว่ายายแก่คนนี้เสแสร้งว่าตนเองเป็นเหยื่อ!”

ผู้ชมโดยรอบต่างตะโกนขึ้น : “ที่จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้น ดูที่บันทึกกล้องหน้ารถก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอ”

“ใช่แล้ว”

“พวกเราใส่ร้ายกลั่นแกล้งอย่างไม่เป็นธรรมกับคนดี แต่ก็ไม่สามารถอดทนกับพวกเสแสร้งว่าตนเองเป็นเหยื่อได้เหมือนกัน”

เมื่อได้ยินว่าต้องการที่จะตรวจสอบกล้องหน้ารถ หญิงสาวรถบีเอ็มดับเบิลยูก็ร้อนตัวเล็กน้อยแล้วพูดว่า : “รถฉันพึ่งจะขัดข้องเล็กน้อย กล้องหน้ารถพังไปแล้ว”

ฉินเทียนหัวเราะเยาะแล้วพูดว่า : “ไม่เป็นไร ห้องรักษาความปลอดภัยมีกล้องวงจรปิด”

เขาให้ห้องรักษาความปลอดภัยตรวจสอบเรื่องที่พึ่งจะเกิดขึ้นตรงหน้าจอมอนิเตอร์ ชัดเจนมากกว่า หยางยู่หลันขี่รถมาปกติ เพราะว่าหญิงสาวรถบีเอ็มดับเบิลยูเลี้ยวโค้งโดยไม่ลดความเร็ว จนชนเข้ากับหยางยู่หลัน

หลังจากที่รู้ความจริงทั้งหมดแล้ว ผู้ชมโดยรอบเหล่านั้นต่างก็เริ่มประณามหญิงสาวรถบีเอ็มดับเบิลยู

“ขับรถบีเอ็มดับเบิลยูก็ไม่สามารถที่จะไม่ฟังเหตุผลได้นะ”

“รีบขอโทษแล้วก็ชดใช้เงินเสียเถอะ”

หญิงสาวรถบีเอ็มดับเบิลยูขบฟันหน้าแดงก่ำพูดไม่ออก

หยางยู่หลันพูดอย่างรีบร้อน : “ฉินเทียน ยังไงซะฉันก็ไม่ได้เป็นอะไร ไม่อย่างงั้นก็ช่างมันเถอะนะ”

ฉินเทียนกล่าวอย่างเคร่งขรึม : “อย่างนั้นมันจะได้อย่างไร”

“แม่ พวกเราไม่ต้องการการชดเชยจากเธอ แต่ว่าคนอย่างนี้ จำเป็นจะต้องสั่งสอนบทเรียนให้เธอสักหน่อย ทำให้เธอจดจำไปอีกนาน”

“ยังไม่รีบขอโทษอีก!”

เมื่อเห็นสีหน้าสังหารของฉินเทียน แล้วยังได้ยินเขาเรียกหยางยู่หลันว่าแม่ หญิงสาวรถบีเอ็มดับเบิลยูก็หวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว

เธอถอยหลังไปก้าวหนึ่ง คิดอยากที่จะขับรถออกไป

ในขณะนั้นเอง จากข้างในชุมชน คนที่เดินอย่างกังวลมาอย่างรวดเร็ว ก็มียายแก่คนหนึ่งออกมา

“เชี่ยนเชี่ยน ไม่ต้องกลัว แม่มาแล้ว!”

“ใครกัน กล้ามารังแกเชี่ยนเชี่ยนของฉัน!”

“แม่จะสู้ตายกับมัน!”

“แม่!”

“ในที่สุดแม่ก็มาแล้ว พวกมันรังแกฉัน!” เมื่อหญิงสาวรถบีเอ็มดับเบิลยูเห็นผู้ที่ช่วยชีวิต ก็เปลี่ยนเป็นกระฉับกระเฉงขึ้นมาทันที

และเมื่อเห็นคนที่ หยางยู่หลันชะงักงันไปชั่วขณะ ที่แท้ ก็คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเพื่อนบ้านหน่วยเดียวกัน

“หวูเฉียวเหมย นี่คือลูกสาวของเธออย่างนั้นเหรอ?”

“เธอก็คือเชี่ยนเชี่ยนที่คุณพูดถึงบ่อยๆ ก่อนหน้านี้เหรอ”

“ต่างก็เป็นคนบ้านเดียวกัน ฉันคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด อย่างนั้นก็ช่างมันเถอะ”

หวูเฉียวเหมยยิ้มเยาะแล้วพูดว่า : “หยางยู่หลัน ใครเขาไปเป็นคนบ้านเดียวกันกับเธอ?”

“รบกวนเธอจำเอาไว้ให้ชัดเจนด้วย เชี่ยนเชี่ยนของฉันพึ่งจะกลับมาจากต่างประเทศ แล้วยังพาสามีต่างชาติกลับมาด้วยคนหนึ่ง”

“อะไรคือช่างมันเถอะ?”

“เธอและเจ้าลูกเขยแต่งเข้าบ้านที่ไม่ได้เรื่องของเธอคนนี้ร่วมมือกันรังแกเชี่ยนเชี่ยนของฉัน จะช่างมันไปได้อย่างไร”

เมื่อได้ยินว่าฉินเทียนที่จริงแล้วไม่ได้เป็นลูกชายของหยางยู่หลัน ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเพียงแค่ลูกเขยแต่งเข้าบ้านหญิงสาวรถบีเอ็มดับเบิลยูหวูเชี่ยนเชี่ยน ก็รู้สึกสบายขึ้นมาในทันที

“ก็เป็นเพียงแค่ลูกเขยที่เกาะผู้หญิงกินก็เท่านั้นแหละ ก็เป็นเพียงแค่หมาเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าจะกล้าพูดว่าจะตีฉัน”

“แม่ยืนอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน แกกล้าตีฉันก็ลองดูสิ?”

“ฉันจะให้แกชดใช้จนล้มละลายแน่!”

“รนหาที่ตายนักนะ!” ดวงตาของฉินเทียนหรี่ลง แล้วก็เริ่มขยับมือ

ในสายตาของเขา ผู้ชายและผู้หญิงไม่มีอะไรที่แตกต่างกันเลย เพียงแค่ไม่เห็นคุณค่าของคนอื่น เป็นแค่คนไร้ยางอาย ก็น่าโดนตีทั้งหมดนั่นแหละ

“ฉินเทียน อย่าหุนหันพลันแล่น!”

หยางยู่หลันรีบไปอยู่ข้างหน้าทันที

เธอยิ้มเยาะกับหวูเฉียวเหมยแล้วพูดว่า : “เป็นลูกสาวของเธอที่ขับรถมาชนฉัน ตอนนี้ฉันไม่ซักถามแล้ว”

“เธอคิดว่าเป็นอย่างไรบ้าง?”

หวูเฉียวเหมยหัวเราะเยาะออกมา หันไปดึงมือของหวูเชี่ยนเชี่ยนแล้วถามอย่างอบอุ่น

“เชี่ยนเชี่ยน ลูกไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

“แก้วตาดวงใจของฉัน ไม่ต้องกลัวนะ พวกเราไม่ประสบการณ์กับพวกไม่มีความรู้อย่างนี้”

“ทำไมลูกถึงกลับมาคนเดียวละ ชาลีสามีของลูกไปไหนแล้ว? เขาไม่มาเป็นเพื่อนลูกเหรอ?”

หวูเชี่ยนเชี่ยนกัดฟันแล้วพูดว่า : “ไม่ได้ ฉันไม่ปล่อยมันไว้แน่!”

“เป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านที่น่าทึงนักใช่ไหม? แกอย่าไปไหนนะ ฉันจะโทรหาสามีของฉันเดี๋ยวนี้แหละ!”

หลังจากที่โทรศัพท์หาอย่างรีบร้อย เธอก็มองไปที่ฉินเทียน พูดอย่างภูมิใจว่า : “จะบอกความจริงอะไรกับแกให้นะ สามีของฉันตอนอยู่ต่างประเทศ เขาเป็นครูสอนเทควันโด”

“แกคนตัวเล็กขนาดนี้ รอถูกเขามาตีตายเสียเถอะ!”

หวูเฉียวเหมยกล่าวอย่างภูมิใจว่า : “หยางยู่หลัน ถ้าไม่อยากที่จะให้เกิดเรื่องแย่ๆ ก็รีบมาขอโทษลูกสาวฉันซะเถอะ”

“ลูกเขยต่างประเทศของฉัน เป็นคนมีเงินมาก”

“รอให้ลูกเขยบ้านๆของเธอถูกตีเข้าจะเป็นยังไง เงินมากเท่าไรพวกเราก็ชดเชยให้ได้ ก็กลัวแค่ว่าพวกเธอจะไม่มีชีวิตเสียมากกว่า”

เมื่อพูดไปแล้ว เธอก็ยังดูถูกต่อฉินเทียน : “ผู้ชายร่างใหญ่คนหนึ่ง ความสามารถอะไรก็ไม่มี เป็นแค่ลูกเขยแต่งเข้าบ้านยังจะมายุ่งวุ่นวายกับเรื่องของผู้หญิงอีก”

“เดี๋ยวคอยดูว่าแกจะดื้อดึงได้อยู่อีกไหม”

เพียงไม่นาน ก็มีเสียงราวกับผิวปากของเครื่องยนต์ดังมาด้วยกัน รถออฟโรดคนหนึ่งที่เคยผ่านการปรับแต่งขับพุ่งเข้ามาแล้ว

จากข้างบน ก็มีผู้ชายผิวขาวคนร่างกายใหญ่โตคนหนึ่งกระโดดลงมา

บนหัวของเขามีผมสีบลอนด์กระจายอยู่ไม่กี่ช่อ เมื่อมองดูแล้ว อย่างน้อยดูจะห่างกันราวสี่สิบกว่า

“ไอหมาตัวไหนมันตาบอด กล้ามารังแกที่รักของฉัน!”

“กูจะทุบให้มันตายเลย!”

เขาเมาอ้อแอ้เดินเข้ามา

“ชาลี!” หวูเชี่ยนเชี่ยนรีบตอบรับอย่างยินดี ทำใบหน้าประจบสอพลอกอดแขนผู้ชายเอาไว้ แล้วพูดอย่างออดอ้อนว่า : “ก็คือไอ้หมอนี่”

“เขามาชนฉัน แล้วยังไม่ยอมขอโทษ ยังพูดอีกว่าจะตีฉันให้ตาย!”

ดวงตาของชาลีจ้องมองไปที่ฉินเทียน พ่นเสมหะไปทีหนึ่ง แล้วแสยะยิ้มกล่าวว่า : “ไอเด็กน้อย คุกเข่าลง มาเลียเสมหะของกูให้สะอาด กูถึงจะยอมปล่อยแกไป”

“ไม่อย่างนั้น——”

เขามองเห็นกระถางดอกไม้วางอยู่บนชั้นใบหนึ่ง พุ่งเข้าไป แล้วทุบลงไปทีหนึ่ง กระถางดอกไม้ถูกตีจนละเอียด

“นี่คือตัวอย่าง!”

เมื่อเห็นเขาก็ไม่คิดเลยว่าจะมีพละกำลังมากขนาดนี้ ผู้คนโดยรอบ ต่างก็ส่งเสียงออกมาด้วยความประหลาดใจ

จากมุมมองแล้วอีกฝ่ายมีสถานะเป็นชาวต่างชาติ ในขณะนั้นต่างก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรขึ้นมา

ฉินเทียนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ไอ้หมอนี่ เห็นได้ชัดว่าดื่มมาเยอะขนาดนี้ ไม่คิดเลยกว่าจะกล้าขับรถมาถึงที่นี่

ในขณะนั้น มีรถตำรวจคันหนึ่งจอดอยู่ด้านนอก แล้วตำรวจจราจรสองคนก็ลงมาจากรถ

“เมาแล้วขับรถ มากับพวกเราเดี๋ยวนี้!”

พวกเขาพุ่งเข้ามาหาชาลี

“ไปให้พ้น อย่ามาโดนตัวฉัน!” ดวงตาของชาลีแดงก่ำ ใช้แขนผลักออก ทำให้ตำรวจทั้งสองคนล้มลงไปอยู่กับพื้น

หวูเชี่ยนเชี่ยนตะโกนเสียงดัง : “แหกตาหมาๆ ของพวกนายดูเสียก่อน สามีของฉันเป็นชาวต่างชาตินะ!”

“พวกแกใครกล้าแตะต้องเขา? ระวังจะทำให้เกิดปัญหาระกับประเทศนะ!”

เมื่อได้ยินประโยคนั้น ถึงแม้ว่าตำรวจทั้งสองจะโกรธเคือง แต่ในตอนนั้นก็ไม่กล้าที่จะก้าวไปข้างหน้า

ชาลียิ่งภูมิใจมากขึ้นไปอีก ร้องตะโกนเสียงดังโวยวาย ราวกับว่าเป็นหมีที่ยโสโอหังมองไม่เห็นหัวผู้อื่นอย่างไงอย่างงั้น

ฉินเทียนทำสีหน้าบึ้งตึงแล้วพุ่งเข้าไป ใช้ฝ่ามือตบเขาอย่างแรงจนลงไปกองที่พื้น

ยิ้มเยาะแล้วพูดว่า : “แหกตาดูสุนัขของคุณให้ดีๆสิ ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่แกจะมากำเริบเสิบสานได้!”

“จับเขาไป”

“นอกจากเมาแล้วขับแล้ว ไอ้หมอนี้พึ่งจะทุบกระถางต้นไม้ใบหนึ่งแตกด้วย จะต้องได้ให้ชดใช้มาด้วย”