บทที่ 27 ท่านอ๋องสงสารคนรักที่ไม่ได้แต่งงานกัน

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

อดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 27 ท่านอ๋องสงสารคนรักที่ไม่ได้แต่งงานกัน
สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นมาในทันที

ผู้คนล้วนมามุงดู

พระชายาเฉิงขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น

นางเห็นหนานหว่านเยียนมาตั้งแต่เด็ก เป็นคนไม่เอาไหนที่มีนิสัยอ่อนโยน แม้แต่แม่นมก็ยังรังแกได้ตามต้องการ ยกเว้นเรื่องที่รักรักกู้โม่หานจนทำได้ทุกอย่าง แม้จะต้องอับอายขายหน้าอยู่ทุกวี่วัน ส่วนเรื่องอื่นก็ไม่ได้เรื่องได้ราว แต่ตอนนี้กลับพูดออกมาอย่างกำเริบเสิบสานเช่นนี้?

นางยังคิดไม่ทันจบ หนานหว่านเยียนก็เริ่มนับนิ้วแล้ว “สาม”

เจียงหรูเยว่กัดฟันแน่น และโกรธจนตัวสั่น

ตั้งแต่เกิดมานางไม่เคยถูกเหยียดหยามเช่นนี้มาก่อน หนานหว่านเยียนหญิงชั่วผู้นี้หักหน้าของตนเอง!

หนานหว่านเยียน “สอง”

ดวงตาของเจียงหรูเยว่แดงด้วยความโกรธ

หากนางไม่คุกเข่าจริงๆ หญิงบ้าผู้นี้จะต้องให้คนลากนางออกไปโบยอย่างแน่นอน……

หนานหว่านเยียน “หนึ่ง…… ”

ก่อนที่จะพูดจบ เจียงหรูเยว่ก็คุกเข่าลงตรงหน้าหนานหว่านเยียนอย่างแรง!

เจียงหรูเยว่ระงับความอัปยศอดสูและความเกลียดชังในใจ นางกัดริมฝีปากแน่นอย่างไม่เต็มใจ

วันหน้านางจะต้องสะสางบัญชีนี้กับหนานหว่านเยียน!

หนานหว่านเยียนมองไปที่เจียงหรูเยว่ที่คุกเข่า และยิ้มอย่างเบิกบานในใจ คนกำเริบเสิบสานอย่างเจียงหรูเยว่ เอะอะอะไรก็ตบหน้าเจ้าของร่างเดิม และเหยียบย่ำหัวใจของเจ้าของร่างเดิม ตอนนี้มีจุดจบเช่นนี้ก็มีความสุข!

แต่นางส่ายหน้าด้วยความไม่พอใจ “แค่นี้ก็สิ้นเรื่องแล้ว? กราบสามครั้งคำนับเก้าครั้งเล่า?”

ทันใดนั้นผู้คนต่างก็ไม่กล้าหายใจแรง!

ในขณะนี้หนานหว่านเยียนเป็นเหมือนปีศาจ และรอยยิ้มที่ดูไม่มีพิษมีภัยก็น่าสะพรึงกลัว!

เจียงหรูเยว่จ้องมองไปที่หนานหว่านเยียนอย่างโหดเหี้ยม นางกำหมัดทั้งสองไว้แน่น โกรธจนตัวสั่น และเริ่มคุกเข่า กราบสามครั้งคำนับเก้าครั้ง “หม่อมฉันสำนึกผิดแล้ว พระชายาได้โปรดให้อภัย!”

พูดทีละคำด้วยความเกลียดชังเกินบรรยาย!

กู้โม่หานที่อยู่ด้านข้างสีหน้าดูล้ำลึก แต่ไม่ได้ส่งเสียงห้าม

ตอนที่เขากับหนานหว่านเยียนเข้ามาในงาน ล้วนได้ยินคำพูดเยาะเย้ยเหล่านั้น เจียงหรูเยว่ไม่เพียงใส่ร้ายหนานหว่านเยียน แต่ยังทำลายชื่อเสียงของจวนอ๋องอี้ด้วย ถึงแม้จะงุนงงกับวิธีการที่เฉียบขาดของหนานหว่านเยียนที่แตกต่างไปจากนิสัยของเจ้าของร่างเดิม แต่หนานหว่านเยียนก็สั่งสอนได้ไม่เลว

เขาจะไม่ห้ามนาง

สิ่งที่ทำให้กู้โม่หานคิดไม่ถึงคือ “การรู้เห็นเป็นใจ” ครั้งนี้ของเขา ในสายตาของหยุนวี่โหรวกลับกลายเป็นเขาลุ่มหลงและเข้าข้างหนานหว่านเยียน

หยุนวี่โหรวอดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก หรือว่ากู้โม่หานจะเข้ากันได้ดีกับหนานหว่านเยียนแล้ว?

แต่ไม่นานนางก็ปฏิเสธการคาดเดานี้

ถึงแม้จะไม่รู้ว่าหนานหว่านเยียนกลับมามีรูปลักษณ์หน้าตาเหมือนเดิมได้อย่างไร แต่กู้โม่หานเกลียดหนานหว่านเยียนเข้ากระดูก เป็นไปไม่ได้ที่นางจะกลับมามีอำนาจอีกครั้ง!

ยิ่งไปกว่านั้น กู้โม่หานรอตนเองมาห้าปีแล้ว เขามีใจให้ตนเองอย่างเห็นได้ชัด วันนี้หนานหว่านเยียนทำตัวผิดปกติ ดูแปลกๆ และต้องการให้โม่หานมองนางให้มากกว่านี้!

ไม่มีอะไรต้องกลัว!

หลังจากเจียงหรูเยว่คำนับเสร็จแล้ว ใบหน้าที่ถูกตบเบาๆ บริเวณที่เดิมทีเจ็บปวดอยู่แล้วก็รู้สึกแสบร้อน

เสียงหัวเราะเยาะของหนานหว่านเยียน ค่อยๆ ดังเข้ามาในหู——

“เช่นนี้ถึงจะถูก คุณหนูเจียงต่อไปหากเจอข้าก็อย่าลืมคารวะ ผู้อื่นจะได้ไม่คิดว่าเจ้าไม่รู้จักกฎระเบียบ และทำลายชื่อเสียงของใต้เท้าไท่ฟู่”

เจียงหรูเยว่เบ้าตาแดงก่ำด้วยความโกรธ และเต็มไปด้วยน้ำตาในทันที

ในเวลานี้นางอยากจะหนีออกจากไปจากท้องพระโรง แต่เหตุผลบอกนางว่างต้องอดทน!

งานเลี้ยงในวังวันนี้สำคัญมาก นางจะจากไปโดยพลการไม่ได้!

ในขณะที่ร้องไห้ด้วยความอัปยศอดสู นางก็กล่าวว่า “พระชายาสั่งสอนได้ถูกต้องแล้ว”

หลังจากเหตุการณ์นี้ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรเกี่ยวกับหนานหว่านเยียนอีก

แม้ว่าทุกคนจะสงสัยเกี่ยวกับการเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของหนานหว่านเยียน แต่ก็ไม่กล้าแตะต้องคิ้วของนางอย่างง่ายดาย

หยุนวี่โหรวระงับความเดือดดาลในใจ เดินไปหาหนานหว่านเยียน หลังจากมองไปที่กู้โม่หานอย่างเสน่หาแล้ว นางก็ยิ้มให้หนานหว่านเยียน

“วี่โหรวคารวะพระชายา อีกไม่กี่วันวี่โหรวก็จะเข้าไปในจวนอ๋องแล้ว นับว่าเป็นพี่น้องกับพระชายา หวังว่าท่านกับข้าสองคน วันหน้าจะปรนนิบัติรับใช้ท่านอ๋องได้เป็นอย่างดี”

พูดจบ สีหน้าของนางก็ดูเขินอาย และมองไปที่กู้โม่หานอย่างไม่ยับยั้งชั่งใจเลยแม้แต่น้อย

กู้โม่หานมองเข้าไปในตาส่วนลึกของหยุนวี่โหรวอย่างเต็มไปด้วยความสงสาร และสีหน้าของเขาก็อ่อนโยนลง

วี่โหรวยังคงอ่อนโยน ทุกการแสดงออกล้วนเต็มไปด้วยความอ่อนโยน

หนานหว่านเยียนกอดอกแล้วมองไปที่กู้โม่หาน จากนั้นก็เหลือบมองหยุนวี่โหรวที่อ่อนโยนดั่งสายน้ำ

“ใครเป็นพี่น้องกับเจ้า? พระชายาเฉิงยังไม่พูดอะไรเลย ทำไมเจ้าถึงรีบนับญาตินัก? แล้วข้าก็ไม่ได้สนใจที่จะรับเจ้าเป็นน้องสาว”

มุมปากของพระชายาเฉิงกระตุก

หนานหว่านเยียนกลายเป็นคนช่างพูดเช่นนี้ได้อย่างไร?

สีหน้าของหยุนวี่โหรวดูทำอะไรไม่ถูกอยู่ชั่วขณะหนึ่ง และมองไปที่กู้โม่หานด้วยความลำบากใจ

กู้โม่หานสังเกตเห็นแล้ว และหยิกเอวของหนานหว่านเยียนอย่างไม่กระโตกกระตาก เพื่อเป็นการเตือนนาง

หนานหว่านเยียนรู้สึกเจ็บ นางขมวดคิ้วและถลึงตาใส่เขาอย่างดุดัน

ก็แค่พูดเพียงประโยคเดียว! ถึงกับสงสารคนรักที่ไม่ได้แต่งงานกันขนาดนี้เลยหรือ?

หยุนวี่โหรวไม่เต็มใจและพูดด้วยรอยยิ้ม

“เป็นวี่โหรวที่พูดจาโฉ่งฉ่าง พระชายาได้โปรดอภัย วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของไทเฮา มิทราบว่าพระชายาทรงเตรียมของขวัญอะไรมาถวายไทเฮา?”

หนานหว่านเยียนตกตะลึง “อะไรนะ? งานเลี้ยงวันเกิด?!”

ไม่ใช่งานเลี้ยงในวังหรือ? ทำไมถึงกลายเป็นงานเลี้ยงวันเกิดของไฮเฮา? !

นางมองไปที่กู้โม่หานด้วยความงุนงง แต่กู้โม่หานขมวดคิ้ว และกล่าวด้วยน้ำเสียงเมินเฉย

“เจ้ามองข้าทำไม? เรื่องวันเกิดของไฮเฮา หรือว่าเจ้าจำไม่ได้?”