อาคารไม้ไผ่ ในห้องที่ดูสูงส่งงดงาม สายลมพัดผ่าน

หานเฟิงคีบเนื้อปลาเข้าปาก

“สบายใจมาก ศิษย์พี่ใหญ่ไม่มา ถือว่าเขาขาดทุนมาก ที่ไม่ได้กินของอร่อยแบบนี้ ฮ่าๆๆ ฉันไม่ห่อกลับไปให้เขาหรอกนะ”

หานเฟิงพูดพลาง ก็เริ่มกินเหมือนพายุ ท่าทางการกินของเขาทุเรศมาก ทำให้หลิงเหยา ที่นั่งอยู่ข้างๆ ขมวดคิ้วขึ้นมาเบาๆ

ลู่ฝานกระแอมหนึ่งที แล้วพูดกับหานเฟิงว่า “ศิษย์พี่หานเฟิง พี่กินแบบนี้ในคณะได้นะ แต่ตอนนี้ควรเป็นผู้ดีสักหน่อย”

หานเฟิงชะงักไป เช็ดเม็ดข้าวที่ปาก แล้วพูดว่า “ทำไมล่ะ ศิษย์น้องหลิงเหยา เธอคงยังไม่รู้ ในคณะหนึ่งเดียวของเรา คนที่กินช้า ต้องหิวโหย เห็นว่าตอนนี้ศิษย์น้องลู่ฝาน ดูเป็นผู้ดี อันที่จริง กินข้าวเร็วกว่าใครในคณะ ฉันยังแย่งเขาไม่ทันเลย”

ลู่ฝานสีหน้าเหยเก แต่หลิงเหยากลับหัวเราะอย่างมีความสุข “งั้นเหรอ คณะพวกนาย น่าสนใจขนาดนี้ คณะสงบใจของเราน่าเบื่อไปเลย อยู่ในลานขนาดใหญ่ เพียงคนเดียว ของกินเป็นของที่คนทำเสร็จแล้วส่งมาให้ ปกติฉันไม่ค่อยได้ออกไปไหนเท่าไร พวกนายทำอาหารกันเองเหรอ”

หานเฟิงพูดว่า “เดิมทีเป็นอย่างนั้น แต่ตอนนี้เจ้าดำทำแล้ว อ้อ เจ้าดำเป็นสัตว์อสูรของลู่ฝาน”

หลิงเหยาพูดอย่างตกใจ “สัตว์อสูรทำอาหารเหรอ”

อาหารที่เจ้าดำทำ อร่อยมาก แม้เทียบไม่ได้กับที่นี่ แต่รสชาติไม่เลวเหมือนกัน ถ้ามีโอกาส เธอไปเดินเล่นที่คณะหนึ่งเดียวของเราได้นะ ลู่ฝาน

ลู่ฝานถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ เขาขี้เกียจบอกให้หานเฟิง เอาผักที่ติดฟันออก หันไปสั่งอาหารอีกสองสามอย่าง

หลิงเหยาตาเป็นประกาย “งั้นฉันต้องไปดูสักหน่อยแล้ว ใช่สิ พวกนายจะเข้าร่วมการต่อสู้จัดอันดับของสถาบันไหม”

ลู่ฝานพยักหน้า “ว่าจะเข้าร่วมนะ”

หลิงเหยายิ้มแล้วพูดว่า “ดีมากเลย ฉันเข้าร่วมเหมือนกัน ถึงตอนนั้น เราจะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน พวกนายเก่งขนาดนี้ ต้องชี้แนะฉันอย่างเต็มที่แน่นอน”

หลิงเหยากะพริบตา ทำให้หานเฟิงชะงักไป

หานเฟิงหัวเราะออกมา “ได้เลยๆ ฉันว่าเธอให้ศิษย์น้องลู่ฝาน ชี้แนะให้เธอแบบตัวต่อตัว ก็พอแล้ว ทางที่ดีชี้แนะ จนมีลูกออกมา……ฮ่าๆ ฉันไม่ได้พูดอะไรเลยนะ”

ลู่ฝานอยากบีบคอหานเฟิงจริงๆ ทำไมไอ้หมอนี่ ชอบพูดนอกเรื่องตลอดเลย

เห็นความอาฆาตในแววตาลู่ฝาน หานเฟิงหุบปากอย่างรู้งาน ลู่ฝานรีบพูดเปลี่ยนเรื่อง “ศิษย์พี่หานเฟิง ผมว่าพลังปราณของเหลิ่งหานไม่ด้อยเลยนะ พี่เตะเขาจนปลิวได้ยังไง”

หานเฟิงรีบบอกให้พูดเบาๆ “เรื่องนี้เหรอ ฉันพูดความจริงเลยนะ ฉันแหกกฎนิดหน่อย แม้ฉันใช้เท้า แต่ฉันใช้วิชานั้นออกมา ตอนนี้ยังเจ็บขาอยู่เลย”

ลู่ฝานพยักหน้าเข้าใจ หลิงเหยาท่าทางไม่เข้าใจ

หานเฟิงส่ายหน้า แล้วพูดว่า “หึหึ ยังไงอาจารย์ก็ไม่รู้ว่า ฉันฝึกวิชานี้จนถึงที่ขาแล้ว เขาให้วิชากระบี่ แต่ฉันใช้การเคลื่อนไหวขา ไม่ถือว่าแหกกฎหรอก รอให้ถึงการต่อสู้จัดอันดับของสถาบัน ฉันต้องทำให้พวกเลวคณะอื่น เห็นความเก่งกาจของฉัน”

หลิงเหยาหัวเราะ “ฮ่าๆ ครั้งนี้คณะหนึ่งเดียว ต้องโดดเด่นมากแน่ๆ ใช่สิ อันนี้น่าจะมีประโยชน์กับพวกนาย พวกนายจะดูไหม”

หลิงเหยายื่นมือลงไปคลำในถุงเล็กๆ แล้วหยิบกระดาษออกมาหนึ่งแผ่น วางลงบนโต๊ะ

ลู่ฝานกับหานเฟิง เอากระดาษขึ้นมา จากนั้นจึงเพ่งมอง ข้างบนมีตัวอักษรตัวใหญ่ชัดเจน

“รายชื่อบู๊”