บทที่ 118 ใช้กระบี่ด้วยมือซ้าย

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

บทที่ 118 ใช้กระบี่ด้วยมือซ้าย

เฒ่าทะเลเพียงยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้ตอบรับคำใดกับเฉาพั่วเถียน

หลินเป่ยเฉินส่งเสียงหัวเราะออกมาเช่นกัน “เยี่ยมเลยขอรับ ข้าน้อยกำลังอยากได้แหวนเก็บของอยู่พอดี”

ครั้งนี้เขาไม่ได้เสแสร้ง

หลินเป่ยเฉินอยากได้แหวนวงนี้จริงๆ

เพราะมันจะช่วยให้เขาสามารถใช้งานแอพเก็บไฟล์ออนไลน์ในโทรศัพท์ได้สะดวกยิ่งขึ้น

ถ้าหากเขามีแหวนเก็บของอยู่ในมือ ในอนาคตข้างหน้า เผื่อเวลาดาวน์โหลดของออกมาจากพื้นที่เก็บเป็นไฟล์ในโทรศัพท์ หลินเป่ยเฉินก็สามารถอ้างกับทุกคนได้แล้ว ว่าเขานำออกมาจากแหวนเก็บของ เพียงเท่านี้ก็ไม่มีอะไรน่าสงสัยอีกต่อไป จะมีอะไรดีงามไปมากกว่านี้อีก?

“เอาละ” เฒ่าทะเลกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังอีกครั้ง “เรามาเริ่มประลองรอบสุดท้ายกันเลยดีกว่า”

หลินเป่ยเฉินนิ่งคิดอยู่เล็กน้อย มือซ้ายของเขายังคงถือกริชเจิ้งอี้ ส่วนมือขวาหยิบกระบี่โดรานที่เหน็บอยู่ข้างเอวติดตัวขึ้นเวทีไปด้วย

เฉาพั่วเถียนเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุด

ต่อจากนี้จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด

มิเช่นนั้นแล้ว หลินเป่ยเฉินอาจกลายเป็นตัวตลกให้ทุกคนหัวเราะเยาะได้ในพริบตา

“หากเจ้ายอมวางอาวุธและคุกเข่าลงเสียตั้งแต่ตอนนี้ ข้าจะไม่ทำให้เจ้าพ่ายแพ้อย่างน่าอับอายเกินไปนัก” เฉาพั่วเถียนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “จะอย่างไร เราก็เหมือนเป็นศิษย์ร่วมอาจารย์กันมาก่อน”

“เจ้าไม่คู่ควรกับตำแหน่งนั้นหรอก” หลินเป่ยเฉินโต้กลับไปทันที “คนที่ทรยศอาจารย์ของตัวเองได้ลงคอเช่นเจ้า ทำให้ข้ารู้สึกอยากจะอาเจียนเหลือเกิน คอยรับการโจมตีของข้าให้ดีเถอะ”

เด็กหนุ่มยังคงเลือกเปิดฉากการจู่โจมด้วยกริชเจิ้งอี้

กริชเงินสาดประกายแวววาว

เสียงคลื่นน้ำดังขึ้นอีกครั้ง

ในขณะที่ตัวกริชพุ่งแหวกอากาศ ก็บังเกิดเสียงเหมือนคลื่นน้ำกำลังซัดใส่ชายฝั่งจากทุกทิศทุกทาง

นี่คือกระบวนท่าแรกของวิชากระบี่สายน้ำไหล

เฉาพั่วเถียนแสยะยิ้ม ตวัดกระบี่พิฆาตสวรรค์ขึ้นปัดป้อง

เขาก็กำลังใช้กระบวนท่าแรกของวิชากระบี่สายน้ำไหลเช่นกัน

เคล้ง!

อาวุธของทั้งสองฝ่ายปะทะกัน

ร่างของหลินเป่ยเฉินสั่นสะท้านเล็กน้อย

เฉาพั่วเถียนสูดลมหายใจลึก ใช้กระบวนท่าที่สองตามติด

เสียงคลื่นน้ำซัดใส่โขดหินดังขึ้นในอากาศ

ปรากฏรัศมีเหมือนคลื่นน้ำสาดกระเซ็นอยู่รายล้อมรอบคมกระบี่พิฆาตสวรรค์

หลินเป่ยเฉินสูดลมหายใจลึก ตวัดกริชในมือตอบโต้เช่นกัน

เขาก็กำลังใช้กระบวนท่าที่สองของวิชากระบี่สายน้ำไหล

เคล้ง! เคล้ง! เคล้ง!

เสียงโลหะปะทะกันดังกระแทกหู

เสียงอาวุธของทั้งสองฝ่ายยิ่งมายิ่งชัดเจน

บรรดามือกระบี่ดาวรุ่งต่างจ้องมองการต่อสู้ด้วยดวงตาเบิกโต

พวกเขาทุกคนเพิ่งตกรอบมาหมาดๆ และได้รับโอกาสอ่านคัมภีร์กระบี่สายน้ำไหลในเวลาที่เท่ากับเด็กหนุ่มทั้งสองคน แต่สิ่งที่พบก็คือ หลินเป่ยเฉินกับเฉาพั่วเถียนมีฝีมือกระบี่ที่ทุกคนไม่อาจเทียบเคียงได้แม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวของท่าร่าง การเคลื่อนที่ของอาวุธ ล้วนแต่มีพลังโจมตีหนักหน่วงรุนแรงมากกว่าพวกเขาทั้งสิ้น

จากนั้น ท่าร่างของสองเด็กหนุ่มก็พลิกแพลงอย่างรวดเร็ว

เพียงพริบตาเดียว ทั้งสองก็ใช้ออกมาแล้วถึง 17 กระบวนท่า

นับเป็นจำนวนเทียบเท่ากับที่ปาต้าจุยเคยใช้โจมตีใส่เฉาพั่วเถียน

“หลินเป่ยเฉินสามารถต้านรับมาจนถึงบัดนี้ได้อย่างไร?”

“ไหนว่าเขาเป็นเศษขยะไร้ค่าประจำเมืองไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงได้มีความเก่งกาจถึงเพียงนี้?”

มือกระบี่ดาวรุ่งจำนวนมากอดสงสัยอยู่ในใจไม่ได้

แม้แต่ในดวงตาของหมิงลั่วเถียนก็แสดงออกถึงความประหลาดใจ

“คนที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นเศษขยะไร้ค่าประจำเมือง กลับสามารถใช้วิชากระบี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ…แท้จริงแล้วนี่เป็นเรื่องราวใดกันแน่?”

เด็กสาวผู้งามสง่าครุ่นคิดด้วยความสงสัย

หลิงอู๋ที่ดูการต่อสู้จากระยะไกล ก็กำลังพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว

ไม่เลวเลย

หลินเป่ยเฉินยังไม่ได้เปิดจุดก่อกำเนิดพลังปราณธาตุ หมายความว่าขั้นพลังสูงสุด ก็คงอยู่ที่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับ 10 เท่านั้นเอง

ในขณะที่เฉาพั่วเถียนก้าวขึ้นสู่ขั้นปรมาจารย์นานแล้ว ถ้าหลิงอู๋คาดเดาไม่ผิด เด็กหนุ่มผมทองน่าจะมีพลังอยู่ในขั้นปรมาจารย์ระดับที่ 3

การต่อสู้ที่ดำเนินไป เฉาพั่วเถียนระเบิดพลังลมปราณต่อเนื่อง แต่โจมตีกว่าสิบกระบวนท่าก็แล้ว หลินเป่ยเฉินยังไม่พลาดท่าเสียทีได้อย่างไร?

นับว่าเจ้าแกะดำซ่อนฝีมือที่แท้จริงเอาไว้อย่างมิดชิดเหลือเกิน

นอกจากหน้าตาจะหล่อเหลาแล้ว ฝีมือการใช้กระบี่ก็ยังน่าสนใจอีกด้วย…

แบบนี้ก็มีคุณสมบัติที่จะเป็นน้องเขยของข้าได้แล้วสิ

เฮ้ย!

“นี่ข้าคิดอะไรของข้ากันนะ?”

หลิงอู๋รีบส่ายหน้าไล่ความคิดฟุ้งซ่านในสมอง

ยิ่งไปกว่านั้น เขารู้จักมารดาของตนเองดี และเด็กหนุ่มก็รู้อีกด้วยว่าการแต่งงานของน้องเล็กกับ ‘เด็กหนุ่มผู้ยิ่งใหญ่’ มีความหมายเช่นไร

กล่าวได้ไม่ผิดว่า นับจากวันที่หลิงเฉินลืมตาดูโลก นางก็ถูกกำหนดให้แต่งงานกับเว่ยหมิงเฉินเรียบร้อยแล้ว

ให้ตายเถอะ

เขาจะทำอย่างไรดี?

เกิดน้องสาวของเขาไม่ยอมตัดใจจากหลินเป่ยเฉินขึ้นมาล่ะ? หากถึงเวลาที่ต้องเข้าพิธีวิวาห์ เหตุการณ์จะเป็นเช่นไร…?

หลิงอู๋หันหน้ามองไปทางโต๊ะของบิดามารดา จึงได้พบว่ามารดากำลังมองมาทางเขาพอดี

แย่แล้วสิ

ท่านแม่เห็นข้าแล้ว

เด็กหนุ่มทำได้เพียงฉีกยิ้มกว้างและยกมือทักทาย

โชคดีที่ชินหลันซูพลันหันหน้ามองไปทางอื่น เหมือนมองไม่เห็นพวกเขาสองพี่น้องอย่างไรอย่างนั้น

ครืน!

เสียงคลื่นน้ำถาโถมใส่กันดังสนั่นหวั่นไหว

ร่างของหลินเป่ยเฉินกับเฉาพั่วเถียนพลันแยกออกจากกัน

เหนือศีรษะของหลินเป่ยเฉินปรากฏควันสีขาวลอยขึ้นมาเห็นได้ด้วยตาเปล่า เหมือนมีใครนำหมั่นโถวร้อนๆ ไปวางอยู่บนศีรษะของเขาก็ไม่ปาน ร่างกายของเด็กหนุ่มในขณะนี้ร้อนผ่าว เป็นสัญญาณที่บอกว่าเขาโคจรพลังลมปราณด้วยความเร็วเต็มอัตรา

สภาพร่างกายของหลินเป่ยเฉินขณะนี้ ไม่ต่างจากเครื่องยนต์ที่เกิดความร้อนสูงหลังเร่งความเร็วสูงสุด

ในขณะเดียวกัน มือของเฉาพั่วเถียนก็มีประกายสีทองคำห้อมล้อมแวววาวระยิบระยับ

นี่คือสัญลักษณ์ที่บอกว่าเด็กหนุ่มผมทองได้เปิดจุดก่อกำเนิดพลังปราณธาตุขึ้นมาแล้ว และเขาก็มีพลังอยู่ในขั้นปรมาจารย์

หลังใช้วิชากระบี่สายน้ำไหลถึง 21 กระบวนท่า ก็ยังไม่สามารถตัดสินผลแพ้ชนะได้อยู่ดี

กลุ่มมือกระบี่ดาวรุ่งจ้องมองการประลองด้วยความพิศวงงงงวย ยิ่งดูก็ยิ่งตกตะลึง

พวกเขาไม่อยากจะเชื่อด้วยซ้ำ ว่าเด็กหนุ่มทั้งสองกำลังต่อสู้กันอยู่ ด้วยวิชากระบี่วิชาเดียวกับที่ทุกคนได้อ่านก่อนหน้านี้

บรรดามือกระบี่อาวุโสให้ความสนใจที่หลินเป่ยเฉินเพิ่มมากขึ้น

ทั้งหมดทราบดีอยู่แล้วว่าเฉาพั่วเถียนเป็นอัจฉริยะตัวจริง เด็กหนุ่มสามารถชนะการประลองทุกรายการที่เข้าร่วม แต่ในทางกลับกัน หลินเป่ยเฉินเป็นเพียงม้านอกสายตามาตั้งแต่แรก เพราะฉะนั้น ไป๋ไห่ชินจึงตั้งใจจะใช้เด็กหนุ่มเป็นเครื่องมือสร้างความอับอายให้แก่ติงซานฉือประจำค่ำคืนนี้

แต่ทว่า…

ต่อให้เฉาพั่วเถียนสามารถชนะได้ในท้ายที่สุด อย่างไรมันก็น่าอับอายอยู่ดี

เว้นแต่เฉาพั่วเถียนจะพบจุดอ่อนที่ทำให้หลินเป่ยเฉินอับอายขายหน้าอย่างย่อยยับเท่านั้น

ดวงตาของเฒ่าทะเลเป็นประกายระยิบระยับ

เขาพอใจกับการประลองคู่สุดท้ายเหลือเกิน

“หลินเป่ยเฉิน ดูเหมือนเจ้าจะลืมอะไรบางอย่างไปนะ”

ทันใดนั้น เฉาพั่วเถียนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยสีหน้าชั่วร้าย “ก่อนหน้านี้ตอนเจ้าเลือกกระบี่ เจ้าบอกทุกคนว่าตนเองสามารถใช้กระบี่ด้วยมือซ้ายได้เช่นกัน แต่จนถึงตอนนี้ เจ้าผ่านเข้ารอบมาได้ด้วยการใช้อาวุธมือขวาตลอด เจ้ากำลังทดสอบความอดทนของฮูหยินหลิงอยู่หรือไง คิดว่าพวกเรามีสติปัญญาโง่เขลานักหรือ”

เมื่อเด็กหนุ่มพูดจบ

ทุกคนจึงนึกขึ้นได้

จริงด้วยสินะ

ตอนที่ขอเลือกกระบี่เพิ่ม หลินเป่ยเฉินพูดออกมาเองว่า นอกจากใช้กระบี่ด้วยมือขวาได้แล้ว เขายังสามารถใช้กระบี่ด้วยมือซ้ายได้อีกด้วย

“ถูกต้องแล้ว หลินเป่ยเฉิน ข้ากำลังจะพูดอยู่เหมือนกัน หากเจ้าพิสูจน์ไม่ได้ว่าสามารถใช้กระบี่ด้วยมือซ้ายได้จริงๆ เจ้าก็จะถูกตัดสิทธิ์จากการประลองและโดนขับไล่ออกจากจวนผู้ว่าเดี๋ยวนี้” ชินหลันซูกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าเข้มขรึม “บัดนี้ ถึงเวลาที่เจ้าต้องพิสูจน์คำพูดของตัวเองแล้ว”

บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาทันที

ความร้อนใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของไป๋ชินหยุนและฉู่เหิน

เฉาพั่วเถียนยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจ

เขาเลือกที่จะไม่พูดถึงเรื่องนี้ตอนที่หลินเป่ยเฉินสู้อยู่กับคนอื่น เฉาพั่วเถียนเลือกเก็บเอามาพูดในจังหวะที่เหมาะสม หลินเป่ยเฉินไม่สามารถผิดคำพูดตัวเองได้อีกแล้ว หากถูกบังคับให้ใช้อาวุธด้วยมือซ้ายจริงๆ หลินเป่ยเฉินก็จะต้องพ่ายแพ้อย่างย่อยยับแน่นอน

หลินเป่ยเฉินมีแต่ต้องโทษตัวเองเท่านั้น

ก็ใครใช้ให้เขาโลภมากอยากได้กระบี่หลายเล่มกันเล่า?

“หลินเป่ยเฉิน ถ้าเจ้าทำไม่ได้ จะคุกเข่ายอมรับความพ่ายแพ้เสียตอนนี้ ก็ยังไม่สายเกินไป”

เฉาพั่วเถียนหัวเราะเหยียดหยาม “นี่เรียกว่าความโลภมากชักนำเภทภัยมาหาตัวเจ้าเอง เพียงเพราะอยากได้กระบี่เพิ่ม เจ้าถึงกับกล้าพูดสิ่งที่ไม่เป็นความจริง ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าจะเป็นบุตรชายของนายทหารขายชาติ ที่ทำให้คนทั้งจักรวรรดิต้องผิดหวัง และอาจารย์ของเจ้า…”

เมื่อพูดมาถึงตอนนี้ เฉาพั่วเถียนก็หันกลับไปมองติงซานฉือที่โต๊ะอาหาร แล้วกล่าวต่อ “ก็ไม่ได้แตกต่างกัน ลูกศิษย์อย่างเจ้าถึงได้มีพฤติกรรมเหมือนเขาทุกประการ ทั้งไร้ยางอาย โกหกปลิ้นปล้อน ไม่มีความซื่อสัตย์ และยโสโอหังสิ้นดีอย่างนี้”