บทที่ 801 เปลี่ยนมาโดนลูกหลงจากทางอื่น

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

บทที่ 801 เปลี่ยนมาโดนลูกหลงจากทางอื่น
โดย
Ink Stone_Fantasy
หวังหลิ่นที่กำลังโมโหถูกหลิงม่อห้ามก็เกิดอาการงง ทำไมเขายังมีเรื่องอื่นอยู่อีกล่ะ? สำหรับเธอ หลังผ่านความเป็นความตายมา เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือต้องสั่งสอนคนร้ายให้สาสมก่อนไม่ใช่หรือ? แม้แต่คนที่ดูเหตุการณ์อยู่อย่างเธอยังตกใจจนเหงื่อท่วมเลย เพราะไม่ต้องเดาก็รู้ว่าลูกเตะนั้นรุนแรงขนาดไหน

สำหรับหวังหลิ่นแล้ว เธอคิดว่าคนที่มีจิตใจเหี้ยมโหดอย่างนี้ไม่ควรอ่อนข้อให้!

แต่หลังจากใจเย็นและคิดดูอีกที เธอก็เข้าใจ

หลิงม่อไม่ได้กำลังอ่อนข้อให้ แต่เขาไม่ได้เห็นการลอบโจมตีของเหอหงเยี่ยนอยู่ในสายตาเลยซักนิดต่างหาก…

เหตุการณ์เมื่อกี้อาจดูอันตรายมากในสายตาพวกเขา แต่สำหรับตัวหลิงม่อเอง มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย เขาทิ้งมีด แต่ก็ไม่ได้แสดงว่าไม่มีอาวุธ เพราะอาวุธของเขาไม่ใช่สิ่งนั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เหอหงเยี่ยนนั้นถึงแม้เจ้าเล่ห์และชั่วร้าย แต่เธอกลับพ่ายแพ้เพราะดูเบาศัตรูเกินไป เธอประมาทจนเชื่อการแสดงหลอกๆ ของหลิงม่อ

สุดท้ายแผนการชั่วร้ายและการโจมตีกะทันหันของเธอ ล้วนล้มเหลวต่อหน้าหน้าหลิงม่อที่มีการเตรียมตัวมานานแล้ว

แม้แต่พวกหวังหลิ่นสองคนยังต้องยอมจำนน คิดจริงหรือว่าหลิงม่อจะกลัวนิพพานที่เหอหงเยี่ยนยกขึ้นมาขู่ ถึงได้ยอมประนีประนอม

เขาคนนี้จะประนีประนอมได้อย่างไรกัน?!

“ชิ โกหกแม้กระทั่งฉันด้วย!” หวังหลิ่นคิดในใจ แต่เธอกลับทำตัวไม่ถูก โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงท่าทางโมโหเกินเหตุของตัวเองเมื่อกี้ เธอยิ่งรู้สึกกระอักกระอ่วนมากขึ้น

“โชคดี…ที่เขาไม่สังเกตเห็น…” หวังหลิ่นลอบถอนใจเงียบๆ แต่ไม่นานเธอกลับรีบแก้ตัวให้ตัวเองในใจ “ฉันทำไปเพื่อยัยโง่ซย่าน่าต่างหาก…เดี๋ยวก่อน! ทำไมฉันต้องทำเพื่อยัยนั่นด้วย! ฉันทำเพราะไม่อยากเห็นภาพนองเลือดต่างหาก! ถูกต้องแล้ว ฉันทำเพราะอย่างนั้นแหละ…”

เหอหงเยี่ยนกลับรู้สึกคับข้องใจมาก เจ้าหมอนี่ทั้งที่มีฝีมือขนาดนี้ แต่กลับทำตัวเหมือนคนอ่อนแอ

และที่หลิงม่อห้ามหวังหลิ่น สำหรับเธอมันกลับเป็นเหมือนการตบหน้าเธอแรงๆ มากกว่า

แต่เพราะถูกหลิงม่อใช้ปืนจ่อหัวอยู่อย่างนี้ เธอจึงไม่กล้าขยับตัว ทำได้เพียงจ้องหลิงม่อเขม็ง บอกว่า “ถ้านายฆ่าฉันวันนี้ ต้องนึกถึงผลที่จะตามมาทีหลังให้ดีด้วยนะ”

“ตอนที่เธอตัดสินใจทำแบบนี้เคยคิดถึงผลที่ตามมาไหมล่ะ?” หลิงม่อย้อนถาม

เหอหงเยี่ยนกระตุกมุมปาก บอกว่า “ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ”

จู่ๆ เธอก็หันไปมองหวังหลิ่นกับเหล่าเจิ้ง แล้วตะโกนบอกว่า “พวกนายยังจำจำนวนคนในตอนแรกของพวกฉันได้ใช่ไหม?!”

หวังหลิ่นที่เพิ่งจะใจเย็นลงได้สองวินาที พลันเดือดดาลขึ้นมาอีกครั้ง “เธอนี่พูดมากจังนะ!”

เหล่าเจิ้งกลับคว้าแขนเธอไว้ พลางขมวดคิ้วบอกว่า “เดี๋ยวก่อน…ตอนแรก พวกเขามีกันสามคน”

“แล้วยังไง?” ปากก็พูดไปอย่างนั้น แต่ตอนนี้สมองของหวังหลิ่นกลับเหมือนคิดอะไรบางอย่างออกแล้ว

เธอจ้องเหอหงเยี่ยนเล็กน้อย และพูดว่า “ใช่แล้ว…เธอบอกว่าจะให้คนนั้นกลับไปรายงานก่อน…”

“หึหึ ฉันจะเชื่อคำพูดของคนแปลกหน้าสองคนง่ายๆ ได้อย่างไร…รายงานงั้นหรอ? เหอะ มันเป็นการเตรียมแผนรับมือของฉันต่างหาก ตอนแรกฉันคิดว่าคงไม่ต้องใช้ แต่ไม่คิดว่าจะได้ใช้มันกับนาย” สายตาของเหอหงเยี่ยนเบนกลับมาที่หลิงม่อ เธอบอกว่า “นายคิดดูให้ดีๆ แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะทำอะไรฉันหรือเปล่า”

“อย่างนั้นเองหรอ…ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้แล้ว…” หลิงม่อพยักหน้า

“รู้ก็ดีแล้ว ทันทีที่ฉันตาย คนคนนั้นก็จะรายงานนิพพานทันที พอถึงตอนนั้น พวกนายจะยังรอดชีวิตออกไปจากพื้นที่นี้ได้อีกหรือ?”

เหอหงเยี่ยนแค่นเสียงเย็นชา ท่าทางที่เหมือนกำลังกุมอำนาจทุกอย่างไว้ในมือกลับมาอีกครั้ง…

แพ้ก่อนแล้วยังไงล่ะ? อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ไม่กล้าแก้แค้นเธออยู่ดี

เพราะมีจิตวิทยาอย่านี้ เธอถึงได้มีสไตล์การทำงานที่บ้าคลั่งอย่างสมบูรณ์แบบ ต้องบอกว่า วิธีนี้ใช้ได้ผลมาก ถึงแม้ว่าจะใช้ได้ไม่กี่ครั้งก็ตาม…

แต่พอได้ยินประโยคถัดไปของหลิงม่อ เหอหงเยี่ยนก็แทบจะล้มคะมำหน้าทิ่มพื้นทันที

“แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เห็นเป็นไร” หลิงม่อพูดด้วยสีหน้าเฉยเมย

ไม่ใช่แค่เหอหงเยี่ยน แม้แต่เหล่าเจิ้งกับหวังหลิ่นก็อึ้งค้างไปด้วย

มันเป็นมากต่างหากเล่า!

เพราะนั่นหมายความว่าพวกเขาไม่ได้กำลังเผชิญหน้ากับเหอหงเยี่ยนแค่คนเดียว แต่เป็นทั้งนิพพาน

ถึงแม้นิพพานอาจส่งคนออกมาเพื่อเหอหงเยี่ยนไม่มาก แต่ถึงจะมากันแค่ทีมเดียว ก็ถือว่ามากสำหรับพวกเขาแล้ว!

เหล่าเจิ้งกับหวังหลิ่นในตอนนี้ ก็เหมือนกับหลิงม่อในตอนแรก ที่มีความหวาดกลัวต่อกลุ่มผู้รอดชีวิตขนาดใหญ่อย่างนิพพาน ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นกลุ่มผู้รอดชีวิตหนึ่งเดียวในปัจจุบันที่มีการขยายสาขาออกไป บางทีจำนวนคนของพวกเขาอาจไม่ได้มากนัก แต่พวกเขากลับขยายอำนาจครอบคลุมอย่างกว้างขวาง!

โดยเฉพาะเหล่าเจิ้ง ตอนนี้เขาแทบจะร้องไห้ออกมาแล้วจริงๆ!

จู่ๆ เรื่องราวก็เกินควบคุม ถึงแม้เหตุผลหลักจะเกิดจากนิสัยของเหอหงเยี่ยนเป็นเหตุ แต่ท้ายที่สุด หลิงม่อก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยอยู่ดี!

“ตอนที่เขาบอกว่าไม่ถือสาฉันน่าจะรู้แล้ว ว่าเขาไม่ได้ไม่ถือสา แต่เขาต้องการทำให้เรื่องราวบานปลายใหญ่โตต่างหาก! แต่มาทำให้เรื่องราวบานปลายที่นี่ แล้วเขาจะได้อะไรล่ะ?

เหล่าเจิ้งครุ่นคิด แล้วเขาก็กระจ่างขึ้นมา

โจมตีนิพพาน! นี่คือจุดประสงค์ของหลิงม่อ!

ที่เขาปล่อยให้เหอหงเยี่ยนหาเรื่อง ก็เพราะมีจุดประสงค์นี้แฝงอยู่!

ถึงแม้ตอนแรกจะคิดเรื่องนี้ไม่ออก แต่ตอนนี้เหล่าเจิ้งรู้สึกว่ายิ่งคิดมันก็ยิ่งมีความเป็นไปได้สูง

หลิงม่อรู้จักเหอหงเยี่ยน แถมระหว่างทั้งสองก็มีความบาดหมางกันอยู่…ที่เขาใช้ประโยชน์จากจุดนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย

มีหวังหลิ่นอยู่ คนของค่ายกลางอย่างพวกเขาก็ไม่อาจเป็นคนกลางได้เต็มตัว จุดนี้เหล่าเจิ้งรู้ดีแก่ใจ

และตอนนี้เหอหงเยี่ยนก็เป็นคนลงมือก่อน แม้แต่เหล่าเจิ้งยังรู้สึกปวดหัวกับพฤติกรรมของเธอ แน่นอนว่าเขาย่อมไม่เหลือความรู้สึกดีๆ กับเธออีกแล้ว

เดิมทีแต่รู้สึกไม่ดีกับคนคนเดียว ไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่อะไร แต่ตอนนี้เหอหงเยี่ยนเป็นเหมือนตัวแทนของนิพพาน…

ถึงแม้จะเป็นตัวแทนเพียงส่วนเดียว หรือแม้กระทั่งเศษเสี้ยวเดียว แต่ก็ยังเป็นตัวแทนของนิพพานอยู่ดี!

“ไม่มีทาง เขาไม่มีทางคำนวณล่วงหน้ามาได้ไกลถึงขั้นนี้…”

เหล่าเจิ้งส่ายหัวไปมา จากนั้นก็มองหลิงม่อด้วยสายตาสับสน

แต่ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม เขาไม่อาจอ่านอะไรจากสีหน้าของหลิงม่อได้เลย…

“ไม่ว่ายังไงก็ตาม ตอนนี้เขากำลังบังคับให้ฉันเลือกข้างชัดๆ! หักหลังหลิงม่อ? เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว! แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็เท่ากับว่าเขาต้องละทิ้งนิพพาน แถมยังเป็นการละทิ้งอย่างสิ้นเชิง ที่ไม่อาจย้อนไปแก้ไขอะไรได้อีกแล้วด้วย…”

ในที่สุดเหล่าเจิ้งก็เข้าใจแล้ว หลิงม่อต้องดำเนินแผนโยงสถานะ “หนอนบ่นไส้” ของตัวเองเข้ากับค่ายกลางแน่นอน

แค่ลองนึกถึงข้อมูลที่นิพพานได้รับ : คนของค่ายกลางร่วมมือกับหลิงม่อ และพบว่าสมาชิกที่ถูกหักหลังเสียชีวิตเพราะเหตุนี้…

ถ้ายังร่วมมือกันได้ก็บ้าแล้ว!

“หลิงม่อเอ๋ย นายกำลังทำร้ายฉันอย่างหนักหนาสาหัสเลยนะ!”

เหล่าเจิ้งน้ำตานองหน้า ถ้ารู้แต่แรกว่าฟอลคอนกับนิพพานไม่ถูกกัน เขาคงไม่คิดสะสางทั้งสองเรื่องพร้อมกันหรอก!

แต่เขาไม่รู้เลย ว่าคนที่มีความแค้นกับนิพพานไม่ใช่ฟอลคอน แต่เป็นหลิงม่อคนเดียว…

มีก็แต่ฟอลคอนที่โดนลูกหลงจากนิพพานไปหลายครั้งแล้ว ตอนนี้ก็เปลี่ยนมาโดนลูกหลงจากค่ายกลางเข้าอีกหนึ่งครั้ง…

อีกหนึ่งคนที่มีหน้าเคร่งเครียดเหมือนเหล่าเจิ้ง ก็คือเหอหงเยี่ยน…

ไพ่ตายก็หงายไปแล้ว แต่กลับใช้ไม่ได้ผลกับหลิงม่อ…

“ทำไมล่ะ? นายไม่กลัวนิพพานไล่ล่านายหรือ? ฉันจะบอกให้ ตามระดับผลงานของฉัน อย่างน้อยนิพพานก็ต้องส่งทีมที่มีกำลังคนสิบคนออกมา…” เหอหงเยี่ยนพูดด้วยริมฝีปากสั่นเทา เธอเริ่มสติหลุดทีน้อยๆ แล้ว…

แต่คิดไม่ถึงว่าหลิงม่อกลับหัวเราะเบาๆ แล้วบอกว่า “ฉันมีหนี้เยอะอยู่แล้ว ไม่กลัวหรอก แต่ในเมื่อเธอมีหนทางรายงานข่าวแล้ว งั้นเรื่องสำคัญของฉันก็ไม่ต้องพูดแล้วล่ะ”

“ที่แท้ก็ใช่จริงๆ ด้วยสินะ? เรื่องสำคัญที่นายพูดถึงคือเล่นงานนิพพานกับสำนักงานใหญ่ไปพร้อมๆ กันจริงๆ ด้วย!” เหล่าเจิ้งคำรามไร้เสียง

แต่หวังหลิ่นที่เป็นเพื่อนร่วมค่ายกับเขากลับเดินถูไม้ถูมือออกไป และพูดกับหลิงม่ออย่างตื่นเต้นว่า “พี่เขย ยกเธอให้ฉันจัดการเถอะ”

“พอเจอพี่เขยก็โยนภาระหน้าที่ทิ้งไปเลยนะ! เมื่อกี้เขาเพิ่งเล่นงานเรานะโว้ย!”

เหล่าเจิ้งล้วงบุหรี่อีกมวนออกมาเงียบๆ ตอนนี้เขาล้มเลิกความคิดที่จะคัดค้านแล้ว…

“ได้สิ” หลิงม่อไม่ได้คิดอะไรมาก เขาพยักหน้าตกลง

หวังหลิ่นฉีกยิ้มทันที พลางบอกว่า “ขอบใจพี่เขย” และหันไปมองเหอหงเยี่ยนด้วยสายตาประสงค์ร้าย “สองวันมานี้ดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยพอใจฉันเท่าไหร่เลยนะ? พอดีเลย ฉันก็รู้สึกมานานแล้วว่าเธอไม่ใช่คนดี…”

“ไม่นะ…” เหอหงเยี่ยนหน้าซีดทันที เธอดิ้นขัดขืนอย่างแรง “ไม่เอา! อย่ามาแตะต้องตัวฉัน!”

น่าเสียดายที่ร่างกายเธอไม่สามารถขยับได้ราวกับว่าถูกเชือกที่มองไม่เห็นมัดไว้ เมื่อหวังหลิ่นคว้าแขนเธอ เธอก็รู้สึกอ่อนแรงไปทั้งตัว

หวังหลิ่นที่ฝึกฝนวิชาอาวุธมาเป็นทุนเดิมถึงแม้จะไม่ใช่ผู้มีความสามารถพิเศษด้านศักยภาพ แต่เธอก็มีความสามารถในการต่อสู้ที่เก่งกาจมาก การจัดการเหอหงเยี่ยนในตอนนี้จึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอเลย

เธอกระชากตัวเหอหงเยี่ยน แต่อีกฝ่ายกลับยังคงตะโกนด่าทอ “ถึงวันนี้ฉันไม่ฆ่าพวกแก แต่พวกแกจะปล่อยฉันไปงั้นหรอ! พวกแกก็ไม่ใช่คนดีอะไรเหมือนกันนั่นแหละ!”

เมื่อเสียงของเหอหงเยี่ยนค่อยๆ ห่างออกไป เหล่าเจิ้งก็พ่นควันบุหรี่ออกมา แล้วถามว่า “ตอนแรกนายตั้งใจว่าจะปล่อยเธอกลับไปใช่ไหม? คนเรานี่นะ ถ้าไม่รนหาที่ตายก็คงไม่ต้องตาย…”

—————————————————————————–