บทที่ 186 ลมเปลี่ยนทิศ

Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子]

“ทำอย่างที่ฉันพูดนั่นแหละ”

เซียวเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงเชิงสั่งการ ซึ่งมันทำให้ซือเยี่ยจิ๋งพลอยกังวลไปด้วย เธอประหลาดใจมากว่าทำไมเซียวเฟิงถึงกล้าพูดกับลูกพี่ลูกน้องเธอแบบนั้น เพราะหญิงสาวรู้ดีว่าลูกพี่ลูกน้องผู้นี้ของตนภูมิใจในศักดิ์ศรีตัวเองขนาดไหน

หญิงสาวเตรียมจะเข้าไปขจัดข้อโต้แย้งที่อาจจะเกิดขึ้น ทว่าสิ่งที่ไม่คาดฝันก็ปรากฏขึ้นอีก

“โอเค”

ลูกพี่ลูกน้องคนงามผู้ที่ภูมิใจในตัวเองไม่ว่าจะเผชิญกับสถานการณ์แบบไหนก็ตาม ในครั้งนี้เจ้าตัวกลับเป็นฝ่ายยอมรับและพยักหน้าราวกับไม่ได้ยินเลยว่าเซียวเฟิงใช้น้ำเสียงเชิงสั่งใส่เธอ ไม่นานนักข้อความประกาศก็กระจายลงไปในช่องแชทกิลด์ กลุ่มคนจำนวน 20 กลุ่มรีบเคลื่อนย้ายจากทิศตะวันออกไปช่วยทิศใต้ทันที ในขณะเดียวกันกลุ่มคนอีก 20 กลุ่มก็ย้ายจากทิศตะวันตกไปช่วยทิศเหนือด้วย

การแปรทัพนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อมองจากด้านบนนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่ากำแพงมนุษย์ที่ทิศเหนือและใต้นั้นหนาขึ้นเป็นอย่างมากเลย ทว่าทางฝั่งทิศตะวันออกและฝั่งทิศตะวันออกกลับกลายเป็นทิศที่กำแพงมนุษย์บอบบางแทน แม้สมาชิกทั่ว ๆ ไปของกิลด์จะไม่ได้บ่นอะไรเนื่องจากมันเป็นคำสั่งของหลิวเฉียงเหว่ย แต่สำหรับสมาชิกอาวุโสหรือผู้บริหารคนอื่น ๆ ต่างตั้งคำถามกันทั้งนั้น นั่นเพราะพวกเขาทุกคนเห็นเหมือนกันว่าการจัดทัพแบบนี้จะทำให้การป้องกันฝั่งทิศตะวันออกและทิศตะวันตกอ่อนแอลงไปเยอะ

ทว่าหลิวเฉียงเหว่ยก็ไม่ได้ให้คำอธิบายใด ๆ ลงไปกับการกระทำครั้งนี้ เพราะเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเซียวเฟิงถึงให้ทำแบบนั้น สิ่งเดียวที่เธอมั่นใจนั้นก็คือเซียวเฟิงไม่มีทางทำอะไรให้กิลด์ของเธอต้องพังทลายอีกแน่ ๆ ไม่งั้นแล้วเขาคงจะไม่ยอมมาปรากฏตัวในวันนี้หรอก เขาควรจะอยู่ห่างๆ เนื่องจากยังไงเสียมิดซัมเมอร์ก็ไม่มีทางเอาชนะสงครามป้องกันฐานที่ตั้งในวันนี้ได้อย่างแน่นอน

[มอนสเตอร์เวฟที่ 33 เตรียมจะเปิดฉากโจมตีแล้ว! กรุณาเตรียมพร้อม! คุณจะชนะถ้าหากสามารถต้านมอนสเตอร์เหล่านี้เอาไว้ได้และคุณจะแพ้หากมอนสเตอร์สามารถทำลายฐานบัญชาการของคุณ]

เหล่าคนที่เหลือที่สงสัยในคำสั่งของหลิวเฉียงเหว่ยไม่มีเวลาที่จะไปถามเธอ เพราะประกาศแจ้งเตือนการโจมตีรอบต่อไปดังขึ้นมาเสียก่อน

จากทั้ง 4 ทิศทาง จู่ ๆ ทุ่งโล่งก็กลายเป็นสนามรบที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์มากมายในพริบตาเดียว พวกมันค่อย ๆ เคลื่อนที่เข้าหาแคมป์กิลด์ราวกับคลื่นสีดำที่ดูไม่มีที่สิ้นสุด

มอนสเตอร์ที่กำลังโถมเข้ามานี้มาจากเวฟที่ 32 หากเซียวเฟิงมาช้ากว่านี้ล่ะก็ ชายหนุ่มคงจะไม่แปลกใจเลยถ้าหากมิดซัมเมอร์จะไม่สามารถรับมือได้ เมื่อครั้งก่อนที่เซียวเฟิงเข้าร่วมป้องกัน พวกเขาก็มาถึงเวฟที่ 31 เป็นเวฟสุดท้าย ดังนั้นต่อจากนี้ไป มันคือสิ่งที่เขาและสมาชิกคนอื่น ๆ ของมิดซัมเมอร์ไม่เคยได้พบเจอมาก่อน

เลเวลของเหล่ามอนสเตอร์ในเวฟที่ 32 นั้นอยู่ที่ 26 ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยหากมันจะแข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์ในเวฟก่อน ๆ สถานการณ์ทางทิศใต้และทิศเหนือนั้นเป็นไปได้ด้วยดี ทว่าผู้บัญชาการทางฝั่งทิศตะวันออกและทิศตะวันตกนั้นกำลังเหงื่อแตกพลั่กแล้วในตอนนี้

พวกเขาคอยถามถึงแผนสำรองจากหลิวเฉียงเหว่ยอยู่เรื่อย ๆ นั่นเพราะพวกเขามองแล้วว่าไม่มีทางที่กำแพงมนุษย์ทาง 2 ทิศที่ถ่ายโอนกำลังไปนี้จะสามารถยืนหยัดต้านมอนสเตอร์เหล่านี้ไว้ได้แน่ ๆ

หลิวเฉียงเหว่ยไม่มีทางเลือกอื่น เธอหันกลับไปหาเซียวเฟิงเพื่อขอความช่วยเหลือ ในตอนนี้เซียวเฟิงถือเป็นความหวังรวมถึงที่พึ่งสุดท้ายของเธอแล้ว

“เฮ้ แบบนี้แล้วนายจะทำยังไงต่อ? มอนสเตอร์พวกนั้นเข้าประชิดแล้วนะ!”

ซือเยี่ยจิ๋งเองก็เอ่ยถามออกมาด้วย เธอดูกังวลมาก ๆ ในขณะที่ลิลลี่ยังเงียบอยู่เพราะกลัวว่าตนเองจะเผลอไปรบกวนเซียวเฟิงแบบไม่ได้ตั้งใจ

“ไม่ต้องกังวล”

เซียวเฟิงค่อย ๆ ก้าวเท้าไปยังทิศตะวันออก เขาไม่ได้ยกคทาแห่งการรักษาขึ้นมาร่ายในทันทีและรอจนกระทั่งเวฟมอนสเตอร์เข้ามาเกือบจะถึงตัวฐานเสียก่อน

เริ่มจากกำแพงมนุษย์ฝั่งตะวันออกที่เหล่าผู้เล่นมากมายกำลังเตรียมปะทะกับฝูงมอนสเตอร์ ในขณะเดียวกันนั้นแสงสว่างมากมายที่สว่างขึ้นมาจากตัวผู้เล่นก็ปรากฏขึ้นติดต่อกันหลายครั้งและปรากฏขึ้นจากผู้เล่นทุกคนในทิศตะวันออก แสงสว่างเหล่านั้นคือผลจาก บัฟ!

ทันทีทันใดช่องแชทกิลด์มิดซัมเมอร์ก็เต็มไปด้วยข้อความเต็มไปหมด ความคลางแคลงใจของเหล่าสมาชิกระดับสูงนั้นหายไปแล้ว และทั้งหมดก็ดูจะโล่งใจกันด้วย

“ท่านหัวหน้าสุดยอดไปเลย! ตอนนี้สถานการณ์ทางฝั่งตะวันออกควบคุมได้แล้วครับ!”

“เกิดอะไรขึ้นน่ะ? เกิดอะไรขึ้นที่ทิศตะวันออก? ตอนนี้ทิศเหนือกำลังอยู่ในอันตรายแล้ว! พวกเราต้องการความช่วยเหลือเดี๋ยวนี้เลย!”

ผู้บัญชาการทางทิศเหนือน่าจะเป็นเพียงคนเดียวที่ยังตื่นตกใจอยู่ ณ ตอนนี้ เขามองกลุ่มของมอนสเตอร์ที่เข้าใกล้มาเรื่อย ๆ ความกระสับกระส่ายของเขามันถูกปลุกขึ้นมาหลังได้เห็นข้อความที่บอกว่าทิศตะวันออกควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว

“ฮ่า ๆ ท่านหัวหน้าส่งฮิลเลอร์มาช่วยทางฝั่งตะวันออก พวกเราทุกคนก็เลยได้บัฟกันหมดเลย!”

“ใช่ ฉันเองก็ได้เหมือนกัน บัฟทุกอย่างเลย แถมยังโดนฮีลด้วย นี่ฉันสามารถรับมือพวกมอนสเตอร์เลเวล 26 ได้ด้วยตัวเองตั้งหลายตัวเลยนะ!”

“อ่า ๆ ฉันเองก็ได้เหมือนกัน สเตตัสของฉันเพิ่มขึ้นอย่างละ 2 เท่าหมดเลย! ด้วยทีมนักบวชที่เข้ามาช่วยซัพพอร์ตเนี่ย มันทำให้งานนี้ดูเหมือนจะจบง่ายขึ้นแฮะ”

ผู้เล่นแนวหน้าทุกคนจากทุกทิศนั้นจะหันหน้าออกไปรับศึกและหันหลังให้แคมป์ ดังนั้นพวกเขาจะไม่รู้เลยว่าด้านหลังเขามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เช่นเดียวกับที่ผู้เล่นทางฝั่งทิศตะวันออกกำลังประสบอยู่ พวกเขาไม่รู้เลยว่าด้านหลังพวกเขานั้นไม่มีกลุ่มนักบวชอยู่แต่อย่างใด มันเป็นเรื่องจริงที่เขาได้บัฟ และด้วยบัฟขนาดนี้มันทำให้มอนสเตอร์ตรงหน้าไม่ต่างอะไรกับมอนสเตอร์ทั่วไป พวกเขาสามารถฆ่าพวกมันเป็นโหลยังได้เลย

แต่ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวในสนามรบเอะใจว่าใครเป็นคนร่ายบัฟให้ แม้ระบบจะแจ้งเตือนว่าพวกเขาได้บัฟจาก ‘แด๊ด’ ที่เป็นชื่อตัวละครของเซียวเฟิง แต่ก็ไม่มีใครสนใจอยู่ดี อาจจะเป็นเพราะสงครามมันประชิดเข้ามา พวกเขาเลยไม่มีเวลาที่จะมาสนใจหรือฉุกคิดกันได้เลยว่า บัฟของทุกคน ถูกร่ายมาจากคนคนเดียว…

เมื่อได้เห็นความวุ่นวายของข้อความในช่องกิลด์ หลิวเฉียงเหว่ย ซือเยี่ยจิ๋ง และลิลลี่ต่างก็ตระหนักได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งสามหันมองเซียวเฟิงพร้อม ๆ กันด้วยความตกใจ

“นะ…นาย!? นายร่ายบัฟให้ทุกคนในทิศตะวันออกเหรอ?”

ใบหน้าสวยของหลิวเฉียงเหว่ยที่ตามปกติจะเยือกเย็นและดูซับซ้อนไปด้วยความรู้สึกต่าง ๆ นั้น บัดนี้ดูจะตกใจมาก ๆ

“นายทำได้ยังไงน่ะ? ตรงนั้นน่ะมีผู้เล่นอยู่มากกว่า 100,000 คนเลยนะ!”

ซือเยี่ยจิ๋งเองก็ไม่สามารถปกปิดความตกใจนั้นได้ เธอมองไปยังเซียวเฟิงพร้อมกับลิลลี่ที่มองเซียวเฟิงอยู่แล้วด้วยความตกตะลึง

เซียวเฟิงไม่ได้อธิบายอะไรและไม่สนใจท่าทีตกใจของทั้ง 3 สาวด้วย 27 วินาทีให้หลัง หลังจากที่สกิลบัฟทั้งหมดของเขาคูลดาวน์เสร็จ เขาก็หันไปร่ายบัฟให้กับเหล่าผู้เล่นทางทิศเหนือ ก่อนที่มอนสเตอร์เวฟใหญ่จะวิ่งเข้าหาพวกเขา

ทันทีทันใด ผู้บัญชาการและผู้เล่นที่ประจำอยู่ทิศเหนือก็ดูจะมีแรงใจขึ้นมาเหมือนกัน พวกเขากล่าวสรรเสริญหัวหน้ากิลด์ผ่านช่องแชทที่เตรียมแผนอันชาญฉลาดเอาไว้แบบนี้

ศูนย์บัญชาการภายในแคมป์นั้นมีความสูงจำกัด ดังนั้นเซียวเฟิงจึงไม่สามารถมองภาพรวมของสมรภูมิทั้งหมดได้ มันทำให้เขาสามารถมองผู้เล่นได้ทีละทิศเท่านั้น ไม่งั้นแล้วเขาอาจจะสามารถร่ายบัฟให้กับผู้เล่นทั้งทิศเหนือและใต้พร้อม ๆ กันเลยก็ได้

ในขณะที่ร่ายบัฟให้คนอื่นนั้น เซียวเฟิงจงใจถอดอุปกรณ์ของตนออก 1-2 ชิ้นเพื่อปกปิดความสามารถในการรักษาของเขา ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้ตัวตนของเขาถูกเปิดเผยด้วย

“ลิลลี่ เธอไปก่อน พากลุ่มนักบวชของเราออกไปช่วยทางใต้กับทิศเหนือตามลำดับ”

หลิวเฉียงเหว่ยหันไปพูดกับลิลลี่ ภายในแคมป์แห่งนี้มีกลุ่มนักบวชถูกแสตนด์บายเอาไว้แล้วจริง ๆ พวกเขาถือเป็นกำลังสำรองสำหรับกรณีฉุกเฉินที่ไม่อาจคาดเดาได้ แต่ดูเหมือนตอนนี้อาจจะไม่ต้องการแล้วก็ได้

ด้วยศักยภาพที่เพิ่มขึ้นสูงจนน่ากลัวของเซียวเฟิง มันทำให้มุมมองของหลิวเฉียงเหว่ยที่มีต่อเซียวเฟิงพลอยเปลี่ยนไปด้วย เมื่อลิลลี่ออกไปจากห้องนี้แล้ว เธอก็หันไปมองเซียวเฟิงด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความตกใจ เหมือนกับตอนที่เจอกันครั้งแรกเลย

“จิ๋งจิ๋ง เธอพาพวกนักฆ่าออกไปเลย จากนั้นก็เตรียมเคลียร์สนามรบได้” หลิวเฉียงเหว่ยหันไปพูดกับซือเยี่ยจิ๋งต่อ

“โอเค ไว้ใจฉันได้เลย” ซือเยี่ยจิ๋งมองไปยังเซียวเฟิงครู่หนึ่งก่อนจะออกไป

นอกจากกลุ่มนักบวชแล้ว ภายในแคมป์แห่งนี้ก็ยังมีกลุ่มของนักฆ่าถูกเก็บไว้ในฐานะปราการด่านสุดท้ายและในฐานะทีมสนับสนุนฉุกเฉิน เพราะยังไงซะในสงครามใหญ่ ๆ แบบนี้ นักฆ่าแทบจะไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย หากมีมอนสเตอร์กลุ่มใหญ่บุกถึงภายในแคมป์ได้ พวกเขาก็จะจมลงไปในกองมอนสเตอร์เหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย

อย่างไรก็ตาม นักฆ่ายังคงมีประโยชน์อย่างมากเมื่อใช้พวกเขาไปเคลียร์สนามรบปิดท้าย เพราะว่ามอนสเตอร์เวฟใหญ่ระดับนี้จะนำพามาซึ่งค่าประสบการณ์อันมหาศาลแถมยังทิ้งอุปกรณ์ไว้นับไม่ถ้วนอีกหลังจากพวกมันถอยกลับไปแล้ว

เมื่อต้องปะทะกับเวฟมอนสเตอร์พวกนี้ ค่าประสบการณ์จะถูกแชร์กันกับคนทั้งกิลด์ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมสมาชิกแต่ละคนถึงไม่กลัวตาย ถึงการตายจะทำให้เขาเสียค่าประสบการณ์ไปบ้าง แต่พวกเขาก็สามารถชดเชยได้ด้วยการฆ่ามอนสเตอร์ให้ได้ ถ้าหากพวกเขาแข็งแกร่งพอที่จะจัดการมอนสเตอร์หมดทั้งเวฟได้ ค่าประสบการณ์ที่ได้ก็จะมากกว่าค่าประสบการณ์ที่เสียชนิดที่เทียบกันไม่ได้เลย

สิ่งเดียวที่จะถือว่าสูญเสียจริง ๆ ก็คืออุปกรณ์ที่พกติดตัวมาด้วย ท่ามกลางสนามรบที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายเหล่านี้ โอกาสมันแทบจะเป็น 0 ที่เราจะสามารถหาอุปกรณ์ของตนเองเจอได้ หลังจากที่มันหลุดออกจากตัวเราไปแล้ว เมื่อเวฟมอนสเตอร์ทั้งหมดถูกกำจัด บนพื้นจึงมีอุปกรณ์ถูกวางปนกันมั่วไปหมด แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีผู้เล่นคนไหนสามารถเก็บมันได้ เนื่องจากกฏของกิลด์กำชับไว้อย่างชัดเจนว่าห้ามเก็บ

การควบคุมสมาชิกระดับ 100,000 คนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย พวกเขาจำเป็นต้องรักษากระบวนทัพเอาไว้ หากสมาชิกแต่ละคนต่างโหยหาในอุปกรณ์ที่ตกตรงหน้าแล้ว ทัพหน้าก็จะแตกพ่าย เรียกได้ว่าต่อให้มอนสเตอร์ไม่ได้โจมตีเข้ามา กำแพงมนุษย์ก็ยังคงสามารถล่มสลายได้อยู่ดีหากผู้เล่นยังมีความโลภ

ดังนั้นแล้วบนพื้นที่เต็มไปด้วยแสงระยิบระยับจากอุปกรณ์ต่าง ๆ ยามที่มอนสเตอร์กลับไปแล้วนั้น น่าเสียดายที่ผู้เล่นแนวหน้าทุกคนทำได้แค่มอง พวกเขาไม่สามารถละตำแหน่งแล้ววิ่งไปเก็บได้ เว้นเสียแต่มันจะกระเด็นเข้าใส่ตัว สิ่งที่พวกเขาทำได้คือยืนรักษาตำแหน่งไว้แล้วคอยดูระบบเก็บอุปกรณ์เหล่านั้นกลับไปเมื่อถึงเวลา

ด้วยเหตุนี้ การที่ให้นักฆ่าที่มีค่าความคล่องแคล่วสูงที่สุดในบรรดาคลาสอื่น ๆ เข้าไปในตอนท้าย จึงถือเป็นการทำความสะอาดสนามรบได้ดีมาก ๆ พวกเขาสามารถเข้าไปเก็บของต่าง ๆ ด้วยความเร็วที่มีมากและนำมันมาเก็บไว้ในคลังกิลด์เพื่อแจกจ่ายต่อไปได้โดยที่คนอื่น ๆ ก็จะไม่ต้องเสี่ยงหลุดตำแหน่งของตัวเองด้วย

หลิวเฉียงเหว่ยนั้นไม่ได้กังวลเรื่องการสนับสนุนอุปกรณ์ต่าง ๆ อีกต่อไปแล้ว เพราะหลังจากที่เธอได้ทำสัญญาการค้ากับเฉียนโตวโตว ด้วยอุปกรณ์กว่าล้านชิ้นในร้านค้ามหาสมบัติมีนั้น ไม่ว่าสมาชิกกิลด์มิดซัมเมอร์จะต้องสูญเสียอุปกรณ์ไปมากมายขนาดไหนในสงคราม พวกเขาก็จะสามารถหาชิ้นใหม่ได้ในทันทีเมื่อสงครามจบลง

แต่ขึ้นชื่อว่าทดแทน หากไม่ปล่อยให้มันเกิด ยังไงก็ดีเสียยิ่งกว่า ดังนั้นแล้วในเมื่อนักฆ่าว่างงานในสงครามขนาดใหญ่ ด้วยความฉลาดมีไหวพริบของซือเยี่ยจิ๋ง เธอจึงแบ่งนักฆ่าออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งไปทิศตะวันออกและอีกกลุ่มหนึ่งไปทิศตะวันตก การแบ่งปริมาณนักฆ่าเป็นกลุ่มนั้นไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเธอนัก ต่อให้เธอจะไม่รู้ก็ตามว่าทิศไหนจะมีจำนวนมอนสเตอร์ที่ถูกฆ่ามากกว่าภายใต้บัฟของเซียวเฟิง แต่เพราะทั้งหมดเกิดขึ้นภายใต้บัฟของเซียวเฟิง เธอจึงมั่นใจว่ามันจะต้องมีปริมาณมอนสเตอร์ที่ตายเป็นจำนวนมาก ๆ แน่ ๆ เพราะหญิงสาวเองก็เคยถูกเขาบัฟจนปราบมอนสเตอร์ปริมาณมากได้อย่างง่ายดายมาแล้ว

“นาย…นายจะเข้าร่วมกับมิดซัมเมอร์ได้ไหม?”

จริง ๆ ที่หลิวเฉียงเหว่ยบอกให้ซือเยี่ยจิ๋งและลิลลี่ออกไปก็เพื่อจุดประสงค์นี้แหละ ในเมื่อตอนนี้ไม่มีใครอยู่ที่นี่นอกจากเธอและเซียวเฟิงแล้ว เธอจึงเอ่ยถามออกมาด้วยเสียงเบา

“ไม่สนใจ”

เซียวเฟิงตอบโดยไม่หันกลับไปมองและไม่ลังเลแม้แต่นิด

“นะ…นายจะเรียกร้องอะไรก็ได้ ไม่ว่าข้อเรียกร้องนั้นจะไร้สาระขนาดไหน ฉันก็ยอมหมดเลย”

ร่างอันงดงามของหลิวเฉียงเหว่ยค่อย ๆ ขยับเข้าหาเซียวเฟิง 2 ก้าว เธอกัดริมฝีปากสีชมพูสวยของตนไว้เบา ๆ ขณะที่แก้มนวลนั้นก็พอกัน มันแดงเพราะความร้อนกายมันเพิ่มขึ้น ทว่าแววตาสวยกลับเสมองไปทางอื่น ไม่สู้หน้าไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เธอไม่กล้าสบตาเซียวเฟิงเลย

“หือ? เธอกำลังหมายความว่ายังไง จะบอกว่าจะไม่ยอมรับข้อเสนอของฉันหากฉันไม่ตอบตกลงตอนนี้ ใช่หรือเปล่า?” เซียวเฟิงหันกลับมามองเพื่อดูปฏิกิริยาของหลิวเฉียงเหว่ยด้วยความสงสัย

“ไม่…ไม่ใช่แบบนั้น” ร่างของเธอสั่นไปทั้งตัวขณะที่รีบอธิบายก่อนที่เขาจะเข้าใจผิดไปมากไปกว่านี้

“งั้นอยากจะพูดอะไรกันแน่?”

ชายหนุ่มหันไปมองทางอื่นและเริ่มสังเกตสถานการณ์ทั้ง 4 ทิศต่อ ชัดเจนเลยว่าเขาไม่ได้สนใจข้อเสนอของหลิวเฉียงเหว่ยแต่อย่างใด

หลิวเฉียงเหว่ยถอนหายใจเบา ๆ และเงียบปากไป เธอมองตามหลังเซียวเฟิงด้วยดวงตาที่เย้ายวนหากแต่ไร้แวว ณ เวลานี้

ยิ่งเธอได้รู้ถึงความแข็งแกร่งของเซียวเฟิงมากขึ้นเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าต้องพึ่งพาเขามากขึ้นเท่านั้น มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งที่เธอไม่สามารถโน้มน้าวเซียวเฟิงให้มาทำในสิ่งที่เธอต้องการได้ หญิงสาวเริ่มจะสงสัยขึ้นมาจริง ๆ แล้วว่าเสน่ห์ของเธอหมดความขลังแล้วหรือเปล่า ทุกครั้งที่เข้าไปถึงที่ทำงาน เธอสามารถชนะใจผู้ชายทุกคนได้ แต่ทำไมเวลาอยู่กับเซียวเฟิงทุกครั้ง เธอกลับต้องเป็นฝ่ายแพ้ตลอดเลย