ตอนที่ 1 บทมีปัญหา
วันที่ 5 เดือนเมษายน ปี 2008
วันเสาร์
ห้องเรียนปีสามห้องสี่โรงเรียนมัธยมปลายแห่งหนึ่งในเมืองหยางเฉิง
ฟางผิงใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงถึงค่อยสรุปได้ว่า นี่ไม่ใช่ความฝัน
ไม่ใช่การถ่ายละคร…ไร้สาระสิ้นดี ถ้าการถ่ายละครทำให้เพื่อนร่วมห้องของตัวเองกลับมาหนุ่มสาวอีกครั้งได้ กองถ่ายนี้ก็คงเป็นพระเจ้าแล้ว!
รอจนมั่นใจเรื่องกลับมาเกิดแล้ว ฟางผิงใจเต้นระส่ำอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะค่อยยอมรับได้อย่างใจเย็น
ขึ้นชื่อว่าวัยรุ่นศตวรรษที่ 21 ใครจะไม่เคยได้ยินเรื่องการกลับมาเกิดใหม่บ้างล่ะ?
แม้ว่าตัวเองจะไม่เคยเกิดใหม่ เข้าอินเตอร์เน็ตสักหน่อย ค้นหาแวบเดียวก็รู้ได้แล้ว นี่เป็นอาวุธลับสุดยอดของคนเตี้ย จน ขี้แพ้ที่จะสามารถเอาชนะพวกสูงล่ำหล่อรวยได้!
อีกอย่าง ตัวเองอยากรวยแต่ไร้วาสนา ไม่มีสาวเคียงข้างกาย กลับมาเกิดใหม่ก็ยังสามารถใช้ชีวิตได้นานอีกหน่อย อย่างไรก็ไม่นับว่าเสียเปรียบ
รอจนเสียงกริ่งเลิกเรียนดังขึ้น อาจารย์ที่แฝงทั้งความคุ้นเคยและแปลกหน้า ยังยื้อเวลาต่อหลายนาที ก่อนจะออกจากห้องไปอย่างไม่เต็มใจนัก
ประโยคสุดท้ายที่อาจารย์ทิ้งไว้ก่อนจากไป กลับทำให้ฟางผิงคิดว่าตัวเองหูฝาดไป
“การสมัครสอบวรยุทธ์ จะเริ่มในสัปดาห์หน้า นักเรียนที่สนใจเตรียมตัวให้ดี”
ฟางผิงไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก เขาฟังผิดไปว่าเป็นการสมัครสอบ ‘สังคมศาสตร์’ การสอบเข้ามหาวิทยาลัยล้วนมีการสมัครล่วงหน้า โดยปกติแล้วโรงเรียนจะเป็นคนจัดการให้ ไม่เห็นจำเป็นจะต้องบอกให้เตรียมตัวเองเลย
ยิ่งไปกว่านั้นคือ มัธยมปลายปีสามห้องสี่เป็นห้องเรียนวิทยาศาสตร์ ไม่เกี่ยวอะไรกับสังคมศาสตร์สักหน่อย?
แต่พอมีเรื่องอย่างการกลับมาเกิดใหม่ ฟางผิงไม่มีเวลามาสนใจเรื่องเล็กน้อยแบบนี้หรอก
เวลานี้ สิ่งที่เขาอยากจะทำคือโค่นล้มแจ็คหม่า เอาชนะหม่าฮว่าเถิงมากกว่า
แม้ว่าปี 2008 จะช้าไปอยู่บ้าง แต่ถ้ากลับมาเกิดใหม่แล้วไม่สร้างเรื่องน่าตื่นตาตื่นใจ จะเรียกว่ากลับมาเกิดใหม่ได้อย่างไร?
หรือจะไม่เป็นนักธุรกิจ เปลี่ยนเป็นนักการเมืองดี?
ฟางผิงลอบขบคิดในใจ ไม่มีใจจะคุยเล่นกับเพื่อนร่วมชั้นที่นั่งรายล้อม
เจ้าเด็กพวกนี้ จะไปเข้าใจเป้าหมายยิ่งใหญ่ในสมองของเขาได้ยังไง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเรามันคนละชั้นกันแล้ว!
ขณะที่ฟางผิงกำลังวางแผนร่างอนาคตของตัวเอง
หยางเจี้ยนที่นั่งแถวด้านหน้า รูปร่างสูงใหญ่ ก็หันศีรษะมาเอ่ยถาม “ฟางผิง เฉินฝาน พวกนายจะสมัครหรือเปล่า?”
ฟางผิงมีภาพจำต่อหยางเจี้ยนค่อนข้างชัดเจน ไม่ใช่หยางเจี้ยนที่หล่อเหลาอย่างที่เห็นอยู่นี้แน่
หลังจากจบมหาวิทยาลัย พวกฟางผิงเคยนัดกินเลี้ยงรุ่นกับเพื่อนสมัยมัธยมปลาย
คาดไม่ถึงว่าหยางเจี้ยนที่เพิ่งจบการศึกษาจะไว้หนวดไว้เครา แทบจะทำให้ฟางผิงเข้าใจผิดคิดว่าพ่อของหยางเจี้ยนมาเข้าร่วมงานเลี้ยงรุ่นแทน
หลังจากนั้นมา ฟางผิงก็ไม่เคยลืมเพื่อนที่ไว้หนวดเครา มีเอกลักษณ์โดดเด่นผู้นี้เลย
ในใจมัวแต่คิดเรื่องราวเก่าๆ ทำให้เขาหลุดไปจากบทสนทนา
ฟางผิงนั่งโต๊ะเดียวกับเฉินฟาง หนึ่งในสมาชิก ‘คู่หูธรรมดา’ ที่เพื่อนร่วมชั้นเป็นคนตั้งฉายาให้ เฉินฟางพูดพร้อมกับส่ายหัว “ฉันไม่สมัคร เปลืองเงินเปล่าๆ ถ้าสมัครก็ต้องเสียเงินเป็นหมื่น จะสอบผ่านไหมก็ไม่รู้ เงินเยอะขนาดนี้ พอๆ กับค่ากินรวมค่าเทอมมหาวิทยาลัยหนึ่งปีด้วยซ้ำ”
หยางเจี้ยนถอนหายใจ “ก็ถูก แต่ยังไงก็รู้สึกคาใจอยู่ดี ไม่ลอง กลัวว่าจะเสียใจไปตลอดชีวิตน่ะสิ”
เด็กนักเรียนชายที่นั่งอยู่กับหยางเจี้ยน ฟางผิงนึกชื่อเขาไม่ออก ตอนนี้เขาหันเข้ามาร่วมวงสนทนา พูดด้วยใบหน้าหม่นหมอง “นี่เป็นโอกาสพลิกชะตาเพียงครั้งเดียวของพวกเรา น่าเสียดายจริงๆ”
ทั้งสามคนถอนหายใจอย่างเสียดาย ฟางผิงที่ได้ฟังกลับสับสนมึนงง รู้สึกแปลกประหลาด
สมัครสอบ?
ตะกี้อาจารย์บอกว่าสมัคร ‘สังคมศาสตร์’
ค่าสมัครสอบตั้งหมื่นหยวนอย่างนั้นเหรอ?
แต่นี้มันปี 2008 ถ้าจำไม่ผิด ตอนนี้ราคาบ้านในหยางเฉิงตารางเมตรละ 4000 เท่านั้น ค่าสมัครสอบใช้เงินเยอะขนาดนี้เชียว?
เจ้าเด็กพวกนี้คงไม่ได้พูดผิดหรอกนะ?
หรือจะถูกหลอก?
ฟางผิงกำลังคิดจะถามแทรก เฉินฝานที่นั่งด้านข้างเอามือดันแว่นขึ้น แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังขึ้นมา“ถึงจะไม่ได้สอบวรยุทธ์ แต่ไปเรียนสังคมศาสตร์แทนก็ใช่ว่าจะไม่สามารถเชิดหน้าชูตาได้อีกตลอดชีวิตเสียหน่อย! สมัยนี้ก็มีคลาสฝึกวรยุทธ์ รอพวกเราเรียนจบแล้ว เก็บเงินให้ได้ ถึงตอนนั้นก็ฝึกฝนเพิ่มเติมได้ ถึงจะสู้นักเรียนสายวรยุทธ์โดยตรงไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ยังมีหวัง!”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา นักเรียนชายที่นั่งด้านข้างหยางเจี้ยนก็เผยสีหน้ากระตือรือร้นขึ้นมาทันที “ใช่แล้ว สอบสายสังคมศาสตร์ในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง จบออกมาแล้ว ก็ได้รับเงินเดือนและการปฏิบัติที่ไม่น้อยหน้าใคร!”
“แต่ฉันก็ยังอยากลอง…” หยางเจี้ยนลังเลอยู่บ้าง พื้นเพครอบครัวเขานับว่ามีฐานะ รวมกับร่างกายสูงใหญ่แข็งแรง ไม่ลองสักหน่อยก็คงจะค้างคาใจ
พวกเฉินฝานไม่ได้อยากจะขัดความตั้งใจของหยางเจี้ยน เข้าใจดีว่าแม้ความหวังจะเลือนราง แต่เมื่อโอกาสมาอยู่ตรงหน้า ก็คงอยากลองดูสักครั้ง
ถึงพวกเขาจะเป็นเด็ก แต่ก็รู้ดีว่าถ้าขัดขวางเพื่อนจนทำให้พลาดโอกาส ก็อาจจะทำให้เกิดความบาดหมางกันได้
ทั้งสามคนพูดคุยกันอย่างออกรส มีแค่ฟางผิงที่ยังคงงงงวย
นี่มันอะไรกัน?
เขากลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะมองทั้งสามคนไปแวบหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าจะไม่มีท่าทีล้อเล่นเลยสักนิด ฟางผิงถึงค่อยสัมผัสได้ถึงความผิดปกติขึ้นมา
อยากจะถาม แต่ก็มีคนชิงพูดเสียก่อน
ที่จริงโต๊ะด้านข้างพวกเขา ยังมีนักเรียนชายอีกสองคนนั่งซุบซิบกัน เวลานี้คนเหลือน้อย พูดคุยไม่ได้อรรถรสเท่าไร
รอพวกฟางผิงเงียบลงแล้ว นักเรียนชายที่ตัดผมทรงลานบินคนหนึ่งก็เผยสีหน้าตื่นเต้น เอ่ยอย่างดีอกดีใจ “หยางเจี้ยน เฉินฝาน เมื่อคืนพวกนายเห็นข่าวในเน็ตหรือเปล่า?”
พวกหยางเจี้ยนส่ายศีรษะ ใกล้สอบเกาเข่า[1]แล้ว ครอบครัวจึงดูแลอย่างเข้มงวดกวดขัน จะเอาเวลาไหนไปเล่นอินเตอร์เน็ต
เห็นทั้งสองคนไม่รู้เรื่องรู้ราว ฟางผิงและนักเรียนชายอีกคนต่างก็งุนงง นักเรียนที่ตัดผมทรงลานบินจึงกล่าวพร้อมกับหัวเราะ “น่าเสียดายจริงๆ! เมื่อคืนมีข่าวใหญ่ล่ะ! พวกนายรู้หรือเปล่า? ปรมาจารย์หม่าบรรลุขั้นแปดแล้ว! ปรมาจารย์หม่าอายุยังไม่สี่สิบ ก็กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์รุ่นใหม่ที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว เมื่อวานเพนกวินกรุ๊ปส่งหนังสือท้าประลองให้กับประธานบริษัทกูเกิลของเอเชียแปซิฟิก หรือก็คือแทมที่อยู่ขั้นแปดเหมือนกัน!”
“อะไรนะ?”
“เรื่องจริงหรือเปล่า?”
“ปรมาจารย์หม่าบรรลุขั้นแปดแล้ว? ไม่ใช่ว่าไม่กี่ปีก่อนเขาเพิ่งบรรลุขั้นเจ็ดหรอกเหรอ?”
“ไม่อยากจะเชื่อ!”
“จางเฮ่า รีบพูดมา ประลองแบบเปิดเผยหรือแบบส่วนตัวกัน?”
“การประลองขั้นแปด อยากไปดูชะมัด น่าเสียดายที่พวกเราไม่สามารถดูได้…”
นักเรียนมัธยมปลายปีสาม จวนเจียนจะสอบเข้ามหาลัย เลิกเรียนก็มีเวลาเข้าอินเตอร์เน็ตเพียงเล็กน้อย
ดังนั้นข่าวดังของเมื่อวาน แม้ว่าจะก่อคลื่นเป็นวงกว้าง แต่ในห้องเรียนกลับมีคนที่รู้ไม่มาก
เด็กนักเรียนที่ตัดผมทรงลานบิน หรือก็คือจางเฮ่าพูดด้วยเสียงดัง
รอจนเขาพูดจบ ฟางผิงยังไม่ทันได้พูดอะไร เพื่อนนักเรียนรอบๆ ก็พากันกระซิบกระซาบกันอย่างคึกคักขึ้นมา
ในยามนี้จางเฮ่ารับรู้ได้ว่าเรื่องที่ตัวเองเล่ามีคนสนใจเป็นจำนวนมาก สีหน้าภูมิใจเต็มที่ “เป็นเรื่องจริง!ปรมาจารย์หม่าทะลวงขั้นแปดแล้วจริงๆ ไม่ใช่แค่พวกเรา คนทั้งโลกก็ยังไม่อยากเชื่อว่าเขาจะบรรลุขั้นแปดได้เร็วขนาดนี้? พอสารท้าชิงออกมา ทั่วทั้งโลกจึงพากันตกตะลึง! ขอเพียงแค่ครั้งนี้ปรมาจารย์หม่าเอาชนะแทมได้ เพนกวินกรุ๊ปก็จะสามารถแผ่ไปในทุกประเทศของเอเชีย กลายเป็นราชาเพียงหนึ่งเดียวของภูมิภาคเอเชีย! อีกไม่กี่ปี ถ้าปรมาจารย์หม่าทะลวงขั้นเก้าได้ เพนกวินกรุ๊ปก็จะกลายเป็นราชายักษ์ใหญ่เพียงหนึ่งเดียวของโลก!”
“พระเจ้า จะเร็วเกินไปแล้ว ปรมาจารย์ขั้นแปด!”
“มีการจัดลำดับปรมาจารย์ใหม่หรือยัง? ปรมาจารย์หม่าเข้าใกล้สามสิบอันดับแรกแล้วหรือเปล่า!”
“ให้ตายเถอะ จะสามสิบอันดับแรกได้ไง ในความคิดฉัน ต่อให้เป็นยี่สิบอันดับแรกก็ไม่น่าไกลเกินเอื้อม”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ยังไงปรมาจารย์หม่าก็เพิ่งทะลวงขั้นได้ จะขึ้นไปอันดับที่ยี่สิบเร็วขนาดนั้นได้ยังไง เว้นแต่ว่าชนะแทมได้ ก็อาจจะเป็นไปได้”
“…”
ตอนนี้พวกนักเรียนต่างก็พากันถกประเด็นขึ้นมา แววตาของทุกคนเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ตื่นเต้นและคาดหวัง
ไม่เว้นแม้กระทั่งพวกนักเรียนหญิง
ทั่วทั้งห้องเรียนพูดคุยออกรส ยกเว้นฟางผิง
เวลานี้ สมองของฟางผิงสับสนปนเป สีหน้างงงวย มีท่าทีราวกับคนโง่
นี่มันสถานการณ์อะไรกัน?
เขาเข้าใจว่าฟังสิ่งที่ทุกคนพูดรู้เรื่องทั้งหมด แต่ทำไมเมื่อเชื่อมทุกอย่างเข้าด้วยกัน เขากลับไม่เข้าใจอะไรเลย?
ปรมาจารย์หม่าที่เพื่อนพูดถึงคือใคร?
แน่นอนว่าเขารู้จักเพนกวินกรุ๊ป ในปี 2008 เพนกวินกรุ๊ปก็กลายเป็นยักษ์ใหญ่ของวงการไอทีไปแล้ว
กูเกิล เขาก็รู้จัก ไม่รู้จักสิแปลก
เมื่อครู่ความหมายของจางเฮ่าคือ เพนกวินกรุ๊ปและกูเกิลจะแข่งขันกัน?
แต่ทำไม…ทำไมถึงรู้สึกแปลกประหลาดอย่างนี้!
ฟางผิงกระแอมลำคอให้โล่งอีกครั้ง รู้สึกว่าริมฝีปากของตัวเองแห้งผากอย่างมาก มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ!
——————————
[1]เกาเข่า คือระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของจีน