ตอนที่ 395 ความอบอุ่นในฤดูใบไม้ผลิทำให้ดอกไม้แย้มบาน
เมื่อป๋อจิ่งชวนอาบน้ำเสร็จออกมาจากห้องน้ำ เฉินฝานซิงก็หลับไปบนโซฟาเรียบร้อยแล้ว
เขาเดินเข้าไปมองเธอใกล้ๆ ท่าทางคุดคู้อยู่บนโซฟานั้นของเธอทำให้คนที่มองอดรู้สึกเห็นใจไม่ได้
ช่วงหลายวันมานี้พวกเขามีโอกาสได้นอนด้วยกันเป็นครั้งคราว ทุกครั้งที่เธอหลับสนิทในกลางดึก ก็มักจะงอตัวเพื่อที่จะพยายามขดตัวเองไว้ด้วยความเคยชิน
มีหลายครั้งที่เขาฝืนรั้งเธอโดยการโอบเธอไว้ ไม่ให้เธอพลิกตัวหันหลังให้กับตัวเอง พอตกดึกเธอก็มุดเข้าไปในอ้อมกอดของเขาโดยไม่รู้ตัว
แรกเริ่ม เขารู้สึกดีใจ แต่ไม่นานนักความรู้สึกแบบนั้นก็ค่อยๆ หายไป
การแสดงออกนั้นบ่งบอกถึงความรู้สึกไม่ปลอดภัย
ดูเหมือนเป็นผู้หญิงที่เด็ดเดี่ยวแข็งแกร่ง แต่เมื่ออยู่คนเดียวในยามค่ำคืนก็เผยความอ่อนแอและความกังวลภายในใจออกมา
แม่ตัดสินใจเด็ดขาดต่อหน้าเธอ ในบ้านสกุลเฉินไม่เคยมีใครอยู่เคียงข้างเธอ ซูเหิงก็เข้ามาทำให้เรื่องแย่ไปมากกว่าเดิมโดยการเลือกที่จะทิ้งเธอไปในช่วงคอขาดบาดตาย ความดูแคลนของผู้คน ความไม่เข้าใจของเขา ไม่มีเรื่องไหนเป็นเรื่องดีเลยสักเรื่องเดียว
แต่เธอก็ยังฝืนยืนหยัดจนถึงตอนนี้ได้ด้วยตัวคนเดียว ไม่เล่ห์เหลี่ยมมารยา ไม่รู้สึกด้อยค่า มุ่งมั่นแน่วแน่จนทำให้คนที่เห็นรู้สึกสงสาร
เขาโน้มตัวลงมาเพื่ออุ้มเธอไปวางลงบนเตียงอย่างเบามือ ก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างเธอ
เธอลืมตาขึ้นมาด้วยความสะลึมสะลือ ภายในแววตาที่กำลังงัวเงียนั้นแฝงไว้ซึ่งความตกใจอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากที่เห็นว่าเป็นป๋อจิ่งชวน ร่างกายที่แข็งเกร็งก็ผ่อยคลายลงในทันที พลันหลับตาลงด้วยความอุ่นใจแล้วซุกเข้าไปในอ้อมกอดของเขา
ป๋อจิ่งชวนยิ้มมุมปาก ดวงตาดำขลับเต็มไปด้วยความเอ็นดู
เขาชอบที่เธอเชื่อใจเขาแบบนี้
เขารู้มาตลอดว่าเธอมักจะระวังตัวจากผู้อื่นเสมอ รวมถึงตัวเขาเอง
หลายครั้งที่เขาโกรธจนขึ้นสมองเพราะท่าทางระแวดระวังของเธอ
แต่หลายครั้งก็คิดว่าการที่เธอป้องกันตัวเองจากคนอื่นก็เป็นเรื่องเล็กแค่นั้นเอง ไม่อย่างนั้น เธอจะเชื่อใจเขาขนาดนี้ได้อย่างไรล่ะ
ย้อนแย้ง!
อยากให้เธอเชื่อใจเขา แต่กลับรู้สึกว่าเธออาจจะรู้สึกกับคนอื่นแบบนี้ด้วย
เขาอาจจะแค่ปรากฏตัวต่อหน้าเธอในตอนที่เธออ่อนแอ แต่ถ้าตอนนั้นคนที่ปรากฏตัวขึ้นมาไม่ใช่เขา แต่เป็นคนอื่นล่ะ
เธอจะระวังตัวด้วยไหม
เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ จากนั้นก็โอบไหล่เธอแน่นขึ้น
รู้สึกราวกับกำลังเดินเข้าไปในซอยตัน
–
เป็นการนอนกลางวันที่หลับสนิทอย่างน่าเหลือเชื่อ
จำได้ลางๆ ว่าเธอถูกป๋อจิ่งชวนอุ้มไปวางที่เตียง
แต่ว่าบนเตียงกลับไร้วี่แววของป๋อจิ่งชวน
เธอลงจากเตียงแล้วเดินออกไปจากห้องนอนด้วยเท้าเปลือยเปล่า จึงเห็นป๋อจิ่งชวนอยู่บนโซฟา รูปร่างสูงยาวแผ่นหลังที่ตรงตระหง่านอิงอยู่บนพนักโซฟา ไม่รู้ว่าเขาไปเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อเชิ้ตลายทางสีขาวน้ำเงินตั้งแต่เมื่อไหร่ เขากำลังก้มหน้ามองแท็ปเล็ตในมืออยู่ นิ้วเรียวยาวที่เห็นข้อต่ออย่างชัดเจนคีบปากกาทัชสกรีนเอาไว้ สีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์แสดงให้เห็นว่ากำลังทำงานอย่างเอาจริงเอาจัง
ผู้ชายหล่อที่สุดเวลาทำงาน
ยิ่งไปกว่านั้น นี่คือป๋อจิ่งชวน
เธอเพียงแค่ยืนพิงขอบประตูห้องนอน หัวแนบชิดกำแพงมองดูชายหนุ่มตั้งใจทำงานอย่างเงียบๆ อยู่อย่างนั้น
แสงอาทิตย์ยามเย็นยังคงเจิดจ้า แต่หากเทียบกับก่อนหน้าก็สลัวลงมาไม่น้อย
แสงนั้นทอประกายลงบนใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติของเขา ภาพนั้นทำให้มีหนึ่งประโยคผุดขึ้นมาในห้วงสมองของเฉินฝานซิง
ท้องทะเลกว้างใหญ่อยู่ตรงหน้า ความอบอุ่นในฤดูใบไม้ผลิทำให้ดอกไม้แย้มบาน
เขาคือคนที่มอบความอบอุ่นให้กับเธอ
“ยังดูไม่พอเหรอ”
ผ่านไปพักใหญ่ จู่ๆ เสียงทุ้มต่ำก็ดังขึ้น เฉินฝานซิงกะพริบตาปริบๆ ขณะเดียวกัน ป๋อจิ่งชวนก็วางแท็ปเล็ตในมือลงแล้วหันมามองเธอจากไกลๆ
เฉินฝานซิงจึงยืดตัวขึ้น ก่อนจะเดินเข้าไปหาเขาท่ามกลางสายตาที่จ้องมองมาคู่นั้น
ป๋อจิ่งชวนดึงให้เธอนั่งลงข้างๆ
“มื้อค่ำอยากกินอะไร ผมจะพาคุณไป”
“เอ่อ…”
เฉินฝานซิงนั่งไม่ติดราวกับกำลังคิดจะหนีออกไปตลอดเวลา
ตอนที่ 396 ความดื้อดึงนี้ได้มาจากไหนกัน
“ทำไมเหรอ” แน่นอนว่าป๋อจิ่งชวนสังเกตเห็นได้ถึงท่าทีผิดแปลกไปของเธอ
เฉินฝานซิงลังเลอยู่นานก่อนจะฝืนพูดออกมา
“คืนนี้…สัญญากับคุณนายเผยไว้แล้วว่าจะไปทานมื้อค่ำที่นั่น”
“…”
ป๋อจิ่งชวนหน้าดำคร่ำเครียดขึ้นมาในทันที
เมื่อเห็นแววตาอำมหิตของเขา เฉินฝานซิงก็รีบจับแขนของเขาไว้แน่น
“พรุ่ง…พรุ่งนี้ฉันเลี้ยงเป็ดย่างคุณนะ”
ป๋อจิ่งชวนเหลือบมองเธอ สีหน้ายังคงไม่เป็นมิตร
ไม่นานนัก ก็ยอมพยักหน้าตอบรับ “ได้”
เฉินฝานซิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ผู้ชายคนนี้ปลอบง่ายเกินไปหรือเปล่า
หลังจากที่เธออาบน้ำ และจัดเก็บของทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ระหว่างออกมาใส่รองเท้าหน้าประตูเธอก็หันไปส่งเสียงทักทายให้กับป๋อจิ่งชวน
“ป๋อจิ่งชวน ฉันไปนะ คืนนี้คุณก็กินให้เยอะ…”
ได้ยินดังนั้น ป๋อจิ่งชวนก็ลุกขึ้นยืนจากโซฟา จึงได้เห็นว่าเขาใส่ชุดสูทเตรียมพร้อมไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ท่าทางดูกระปรี้กระเปร่ากว่าปกติ
เฉินฝานซิงมองเขา ระหว่างนั้นเอง ขาเรียวยาวก็ก้าวย่างไปทางเธอ
“เอ่อ…คุณไม่ต้องส่งฉันหรอก ฉันไปกับชิงจือ”
ป๋อจิ่งชวนชำเลืองมองเธอด้วยสายตานิ่งเรียบ สายตานั้นเยือกเย็นทั้งยังแฝงไปด้วยความขุ่นเคือง
“ผมก็จะไปด้วย”
เฉินฝานซิง “…”
วินาทีที่สวี่ชิงจือเห็นป๋อจิ่งชวน ก็บุ้ยปากออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
“เฉินฝานซิง นี่เธอ…จะยกไปทั้งบ้านเลยเหรอ”
เฉินฝานซิง “…”
–
หลังจากที่ซื้อของฝากเล็กๆ น้อยๆ แล้วก็มุ่งตรงไปยังบ้านสกุลเผยทันที
เมื่อป๋อจิ่งชวนปรากฏตัวขึ้นในโถงรับแขกของคฤหาสน์สกุลเผย แน่นอนว่าย่อมได้รับท่าทีรังเกียจอย่างไม่ปิดบังของเผยอันจือตอบกลับมา
“ใครเชิญไม่ทราบ?”
ป๋อจิ่งชวนไม่ตอบ ถือวิสาสะนั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงหน้าเผยอันจือทันที
ท่าทางที่มั่นอกมั่นใจของเขานั้นทำให้เฉินฝานซิงและสวี่ชิงจือได้แต่กุมขมับ
ความดื้อดึงนี้ไปได้มาจากไหนกัน
เย่ซู่ซู่เม้มริมฝีปากแอบยิ้มอยู่ข้างๆ ก่อนจะส่ายหน้าออกมาด้วยความระอา
ผู้ชายหนอผู้ชาย!
ไม่ว่าภายนอกจะดูสุขุมแค่ไหน แต่ถ้าหากสนใจเรื่องไหนขึ้นมาก็ทำตัวเป็นเด็กไม่มีเหตุผลจนใครๆ ก็เทียบไม่ติดเลยทีเดียว
เหลือบไปมองทางสามีของตัวเอง มุมปากของเธอก็เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ไม่อาจปิดบัง
ตอนนี้กลับมีท่าทีรังเกียจคนอื่นเสียได้
เธอเดินเข้าไปในครัว ส่วนเฉินฝานซิงและสวี่ชิงจือก็รีบตามเข้าไปช่วยด้วย
“ขอโทษด้วยนะคะคุณนายเผย ป๋อจิ่งชวนเขา…”
สุดท้าย เฉินฝานซิงก็เอ่ยปากขึ้นมาด้วยท่าทางลำบากใจ “เขากินไม่เยอะ…”
ไม่ว่าจะเป็นป๋อจิ่งชวนมาเองโดยไม่ได้รับเชิญ หรือว่า เธอพายกโขยงมาทั้งบ้าน ก็ฟังดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องที่สมควรทั้งนั้น
สวี่ชิงจือที่ยืนปอกกระเทียมหยุดด้านข้างอดหัวเราะออกมาไม่ได้
“นี่มันเกี่ยวกับเรื่องกินเยอะหรือไม่เยอะหรอกเหรอ จริงๆ ก็พอจะรู้มาตั้งนานแล้วว่าประธานป๋อไม่เหมือนคนทั่วไป แต่วันนี้ทำให้ฉันรู้จักเขาในมุมใหม่อีกแล้ว เธอไปทำอะไรไว้กันแน่ หือ ฝานซิง ถึงทำให้เขาติดเธอแจได้ขนาดนี้”
เฉินฝานซิงส่ายหน้าด้วยความหนักแน่น “ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย”
ใบหน้าของสวี่ชิงจือแสดงให้เห็นถึงคำว่า “เป็นไปได้ยังไง” ออกมา ก่อนจะพูดขึ้นมา “ช่างเถอะ ช่างเถอะ ก็เธอมีเสน่ห์ออกขนาดนี้ ประธานป๋อจะหลงหัวปักหัวปำก็เป็นเรื่องธรรมดา”
เย่ซู่ซู่แอบยิ้มอยู่ข้างๆ
ภายในห้องรับแขก ป๋อจิ่งชวนนั่งหน้านิ่งอยู่บนโซฟา หลังจากที่เผยอันจือนั่งเฉยๆ เรื่อยเปื่อยอยู่นาน สักพักเขาก็เหลือบไปมองป๋อจิ่งชวนด้วยแววตานิ่งเฉย ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความหนึ่งข้อความแล้วส่งออกไป
[ตอนกลับมาอย่าลืมซื้อกุหลาบมาสักช่อ เอามาให้ลูกสะใภ้ในอนาคตของฉัน]
2 นาทีให้หลัง มีข้อความตอบกลับมา
[พ่อจะคลุมถุงชนผม?]
เผยอันจือเลิกคิ้ว
[อยากเห็นใครบางคนไม่พอใจ แกคอยดูเถอะ]
เผยอวิ๋นเจ๋อนั่งอยู่บนเบาะหลังในรถหรู หลังจากที่ได้เห็นข้อความก็ขมวดคิ้วมุ่น สีหน้าท่าทางนี้ของเขาเหมือนกับเผยอันจือที่นั่งเลิกคิ้วอยู่บนโซฟาเมื่อครู่นี้ไม่มีผิด
“ไร้สาระ”
ริมฝีปากเรียวบางบ่นงึมงำออกมา นิ้วมือเรียวขาวสะอาดสะอ้านยกขึ้นมานวดระหว่างคิ้วพลางถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะพูดกับม่อซิงที่ขับรถอยู่ด้านหน้า
“ไปร้านดอกไม้”
ม่อซิงสะดุ้งตกใจจนรถเขวไปเล็กน้อย
นี่คุณชายของเขากำลังจะ…มีแฟนแล้วเหรอ