ออกมาจากอาคารไม้ไผ่ ทั้งสามคนเดินออกจากถนนกว้าง ไปยังมุมตะวันตกเฉียงใต้ของเขาวิพากษ์

หอคอยฝึกฝน คือหอคอยสีขาว ที่ลู่ฝานเห็นตอนขึ้นเขา หอคอยสีขาวตั้งตระหง่าน เดินออกมา สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ไม่ต้องกลัวว่าจะหลงทาง

ทั้งสามคนรวดเร็วมาก สิ่งที่ทำให้ลู่ฝานตกใจเล็กน้อย หลิงเหยาตามพวกเขาทัน อีกทั้งยังดูเหมือนทำได้แบบสบายๆ

เมื่อเห็นดังนั้น ลู่ฝานกับหานเฟิง เพิ่มความเร็วการเคลื่อนไหวเข้าไปอีก

หลังผ่านไปครึ่งชั่วยาม ทั้งสามคนมาถึงหน้าหอคอย หอคอยสีขาวขนาดใหญ่ ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางเมฆหมอก มองแวบเดียว ไม่สามารถมองเห็นได้ทั้งหมด

เมื่อเข้ามาใกล้ ยิ่งรู้สึกว่าหอคอยสีขาวไม่ธรรมดา แสงสลัวริบหรี่บนท้องฟ้า เสียงระฆังทองดัง ทำให้จิตใจสงบลงทันที

ข้างหน้าหอคอยสีขาว เป็นลานกว้าง มีคนอยู่เต็มไปหมด

“เฮ้อ ทำไมคนที่อยู่ในรายชื่อบู๊ ถึงได้เข้าไปล่ะ ปกติต้องผ่านการทดสอบ ถึงจะเข้าไปได้ไม่ใช่เหรอ”

“ไม่ได้ยินหรือไง ช่วงนี้ในหอคอยฝึกฝน มีวิชาอันแกร่งกล้า เป็นสิ่งที่ท่านผอ.ใส่เข้าไป เพื่อยกระดับความสามารถของทุกคน คนในรายชื่อบู๊มีสิทธิพิเศษ สามารถเข้าไปก่อนได้หนึ่งครั้ง ส่วนเราไม่ได้ ต้องผ่านการทดสอบบ้าบออะไรนี่ก่อน”

“ใครใช้ให้คนในรายชื่อบู๊เก่งกันล่ะ”

“บ่นอยู่ได้ มีปัญญา นายก็เข้าไปอยู่ในรายชื่อบู๊สิ”

……

คนกลุ่มหนึ่งถกเถียงกัน หานเฟิงดึงลู่ฝาน เดินเบียดเข้าไปในนั้น

“หลีกไป หลีกไป ยอดฝีมือในรายชื่อบู๊มาแล้ว หลีกไปให้หมด ฉันจะเข้าหอคอยฝึกฝนแล้ว”

หานเฟิงไม่รู้เลยว่าการถ่อมตัวคืออะไร พูดเสียงดัง น้ำลายกระเด็นไปไกล ทันใดนั้น กลุ่มคนหลีกทางให้เขาทันที

หลิงเหยาก้มหน้า เดินตามอยู่ไกลๆ ทำเหมือนไม่รู้จักหานเฟิงกับลู่ฝาน

ลู่ฝานก็ทำเช่นนี้เหมือนกัน แต่ศิษย์พี่หานเฟิงเอาแต่เกี่ยวแขนเขาไว้ ไม่ให้เขาได้หนีเลย สิ่งที่ลู่ฝานทำได้เพียงอย่างเดียว คือแสร้งทำเป็นดูวิว

“นี่ใคร โวยวายอะไร”

“พวกเขาเป็นคนในรายชื่อบู๊เหรอ”

……

คนทั้งสองด้าน มองหานเฟิงกับลู่ฝาน อย่างสงสัย

หานเฟิงดึงลู่ฝานมาหน้าประตู

หุ่นทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่สองตัว วางอยู่หน้าประตู สูงเก้าเมตรกว่า สีหน้าดุดัน ถือหอกเก่าๆ อยู่ในมือ

หานเฟิงกำลังจะเดินเข้าไปในประตู หอกของหุ่นทองสัมฤทธิ์ทั้งสองตัว ขวางประตูเอาไว้ เสียงทุ้มต่ำสองเสียง ดังขึ้นมาว่า

“ไม่ได้อยู่ในรายชื่อบู๊ เข้าไปไม่ได้ บอกชื่อมา”

หานเฟิงตะโกนว่า “หานเฟิง ลู่ฝาน คณะหนึ่งเดียว”

มีแสงสีแดง ออกมาจากดวงตาของหุ่นทองสัมฤทธิ์ทั้งสองตัว หลังกะพริบอยู่ครู่หนึ่ง ก็พูดพร้อมกันว่า “ไม่มีชื่อนี้ในรายชื่อบู๊ เข้าไปไม่ได้”

หานเฟิงตะโกนออกมาว่า “ศิษย์น้องของฉัน เอาชนะยอดฝีมือในรายชื่อบู๊ได้ ทำไมจะเข้าไปไม่ได้”

หุ่นทองสัมฤทธิ์ทั้งสองตัว พูดว่า “ชื่อของพวกนายไม่อยู่ในรายชื่อบู๊ ไม่มีสิทธิพิเศษที่จะเข้าไปได้ พวกนายสามารถผ่านการทดสอบ แล้วเข้าไปข้างในได้”

พวกนักเรียนด้านนอก พากันหัวเราะออกมา

“ที่แท้คนปัญญาอ่อนสองคนนี่เอง ฉันนึกว่าเป็นยอดฝีมือในรายชื่อบู๊จริงๆ ซะอีก”

“นักเรียนคณะหนึ่งเดียว อย่ามาตลก คนของคณะหนึ่งเดียวเคยอยู่ในรายชื่อบู๊ ตั้งแต่เมื่อไร”

“พวกเลวน่ะสิ พวกนายสองคนยืนตรงนี้ ขวางตาชะมัด อย่ามาขวางทางคนอื่น”

“พวกนายเลือกทดสอบเหรอ ฮ่าๆ พวกนายคงไม่รู้ว่าการทดสอบ คือการสู้กับองครักษ์ทองสัมฤทธิ์สองตัวนี้สินะ เอาชนะพวกเขาได้ พวกนายถึงจะเข้าไปได้”

……

ลู่ฝานไม่คิดอะไร กับเสียงหัวเราะของทุกคน การเยาะเย้ยแบบนี้ เขาได้ยินมาหลายสิบปีแล้ว คำพูดไม่น่าฟังกว่านี้เป็นสิบเท่า เขายังอดทนมาได้ จึงไม่ได้คิดอะไร

หานเฟิงก่นด่าไม่หยุด ถกแขนเสื้อขึ้น แล้วพูดว่า “ศิษย์น้องลู่ฝาน เราสู้กับสองตัวนี้ไหม ให้ตายเถอะ ปีก่อนฉันสู้สองตัวนี้ไม่ได้ ปีนี้มีนายช่วย ฉันรู้สึกมั่นใจ”

ลู่ฝานรู้สึกเชื่อไม่ค่อยได้ จึงถามศิษย์พี่หานเฟิงเบาๆ “หุ่นสองตัวนี้พละกำลังเป็นไง”

หานเฟิงคิดแล้วพูดว่า “น่าจะประมาณปราณนอกขั้น 6-7 ร่วมมือกันสองตัว ก็ประมาณปราณนอกขั้น 8-9”

ลู่ฝานอ้าปากค้าง คิดในใจว่า ยังดีที่ไม่รีบลงมือ

พละกำลังปราณนอกขั้น 8-9 ถึงเขาใช้พลังทั้งหมด ก็คงสู้ไม่ได้ หนีคงไม่เป็นปัญหาอะไร แต่ถ้าสู้ คงเป็นไปไม่ได้ ถึงมีศิษย์พี่หานเฟิงก็เถอะ!

ขณะที่ลู่ฝานกำลังครุ่นคิด จู่ๆ เสียงหัวเราะของทุกคนเบาลง มีเสียงตกใจดังขึ้น

“ศิษย์พี่จ้าวคั่วแห่งคณะกำแหงมาแล้ว”

“เป็นศิษย์พี่จ้าวคั่วจริงๆ เขาก็มาที่เขาวิพากษ์เหรอ”

“ศิษย์พี่จ้าวคั่วเป็นยอดฝีมือ อันดับที่ 35 ในรายชื่อบู๊เชียวนะ”

ลู่ฝานกับหานเฟิงหันไปมอง เห็นผู้ชายร่างกายกำยำ เดินเข้ามา

ร่างกายกำยำล่ำสัน รูปร่างสูงใหญ่ คงไม่สามารถอธิบายผู้ชายคนนี้ได้ กล้ามเนื้อเหมือนหิน หนวดเคราเต็มหน้า ดวงตาโต สูงประมาณสองเมตร เมื่อยืนต่อหน้าทุกคน ความสูงห่างกันเหมือนเด็กกับผู้ใหญ่

ชุดนักบู๊สีดำทั้งตัว เผยแผงอกกว้าง เห็นกล้ามเนื้อแข็งแกร่งอย่างชัดเจน

ทุกก้าวที่เดินเข้ามา จะมีเสียงอึกทึก มีพลังที่เหมือนระเบิดในร่างกาย

ยังมีผู้หญิงหนึ่งคน เดินอยู่ข้างจ้าวคั่ว ลู่ฝานรู้สึกคุ้นตาผู้หญิงคนนี้มาก

ทันใดนั้น ลู่ฝานนึกออก จ้าวหลิงแห่งคณะบังเหินไม่ใช่เหรอ!

ความคิดไม่ค่อยดี ผุดขึ้นมาในหัวลู่ฝาน ตอนนี้หานเฟิงหันมาเช่นกัน

เมื่อเห็นหน้าหานเฟิง จ้าวหลิงที่อยู่ด้านหลังจ้าวคั่ว ชะงักฝีเท้าลง ชี้หานเฟิงแล้วพูดว่า “คิดไม่ถึงว่านายอยู่ที่นี่ด้วย”

จ้าวคั่วชะงักฝีเท้าลง หันไปมองจ้าวหลิง แล้วพูดว่า “เกิดอะไรขึ้น”

จ้าวหลิงตะโกนออกมาเสียงดัง “พี่ เขารังแกฉัน ไอ้เลวนี่แหละ!”