“ทุกท่านครับ แฟนผมกลับได้หรือยังครับ? เรื่องนี้ชัดเจนยังครับ?” อวี๋หมิงหลางถามตำรวจ
“ชัดเจนแล้วครับ ญาติของผู้เคราะห์ร้ายคำพูดคำจาและพฤติกรรมถึงจะรุนแรงไปหน่อยแต่ก็น่าเห็นใจ พวกคุณอย่าเอาเรื่องเลยนะครับ”
“ถ้าเขาไม่มาโวยวายพวกเราก็ไม่อยากยุ่งด้วยหรอกครับ แต่ห้ามมีครั้งต่อไปก็แล้วกัน” อวี๋หมิงหลางโอบเสี่ยวเชี่ยน ชัดเจนว่าเขาอยู่ข้างเธอ
“ได้ยินยังครับ อย่าไปยุ่งกับพวกเขาอีก!” ตำรวจพูดกับหลุ่ยจือ
เรื่องนี้จะให้ใครไปสืบเสี่ยวเชี่ยนก็รอดอยู่ดี
เสี่ยวเชี่ยนหันไปยิ้มให้หลุ่ยจือด้วยสีหน้าอ่อนโยนเหมือนแม่พระ
“ถึงป้าจะใส่ร้ายฉัน แต่ฉันไม่ถือสาหรอกค่ะ ฉันสงสารสามีป้านะคะที่ต้องเจอเรื่องแบบนี้ เอาแบบนี้แล้วกัน ต่อไปถ้าต้องการการเยียวยาจิตใจหลังบาดเจ็บ ฉันจะลดราคาให้เป็นพิเศษนะคะ ถึงฉันจะสะกดจิตหมาไม่ได้ แต่ถ้าให้สะกดจิตคนแบบสามีป้าก็น่าจะได้ผลดีอยู่ค่ะ”
หลุ่ยจือเลือดแทบพุ่ง ทำสามีเธอจนกลายเป็นแบบนั้นยังจะเอาไปเทียบกับหมาอีก!
อวี๋หมิงหลางส่ายหน้า แล้วมองเสี่ยวเชี่ยนด้วยความเอ็นดู จากนั้นจึงหันไปพูดกับตำรวจ “แฟนผมเป็นคนใจกว้างน่ะครับ ชอบทำบุญ”
“นั่นสิครับ คุณเฉินไม่ใช่คนธรรมดา นี่ถ้าเป็นคนอื่นเจอเรื่องแบบนี้เข้าคงโกรธไปนานแล้ว
ตำรวจได้ฟังเสียงที่บันทึกแล้ว จากเดิมที่ควรจะสงสารเย่ต้าเชียนที่เจอกับเรื่องแบบนี้ก็ไม่มีแล้ว เพราะสองสามีภรรยาคู่นี้นิสัยแย่จริงๆ อีกทั้งในเสียงที่บันทึก ตอนที่หลุ่ยจือถูกเสี่ยวเชี่ยนยั่วโมโหหนักๆก็ดูเหมือนจะยอมรับความจริงที่ว่าเย่ต้าเชียนเคยทำอนาจารเด็ก ทางตำรวจตัดสินใจขอเก็บเสียงบันทึกนี้ไว้ เผื่ออาจมีประโยชน์ตอนที่สืบสวนเย่ต้าเชียนในคดีทารุณกรรมเด็ก
เสี่ยวเชี่ยนยิ้มให้หลุ่ยจือที่สีหน้าบูดเบี้ยว จากนั้นก็มองด้วยสายตาเหยียดหยาม
“ไม่ว่าเวลาไหนฉันก็พึงระลึกเสมอว่าตัวเองเป็นหมอ ฉันได้ทำในสิ่งที่หมอควรทำไปแล้ว แต่คนบางคนกลับไม่จำเลยว่าตัวเองเป็นพ่อแม่ ต่อให้ไม่ใช่ลูกที่ตัวเองคลอดออกมาแต่เด็กก็เรียกว่าพ่อแม่มาหลายปี พวกคุณทำเรื่องแบบนั้นออกมาได้ยังไง?”
“พวกฉันไม่ได้ทำ…” หลุ่ยจือหมดแรงจะปฏิเสธแล้ว ตอนที่เธอรังแกเวยเวยอย่างไร้เหตุผลก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่พอบทบาทสลับกัน เธอถึงได้พบว่ายามที่มืดแปดด้านมันเป็นความรู้สึกที่หมดหวังแค่ไหน ศัตรูอยู่ตรงหน้าแท้ๆแต่กลับทำอะไรไม่ได้
เสี่ยวเชี่ยนกวาดตามองหลุ่ยจือด้วยสายตาดูถูก ถ้าไม่ได้ฉลาดมากก็อย่าคิดทำเรื่องชั่วๆ สักวันต้องโดนเล่นงานกลับ
เธอควงแขนอวี๋หมิงหลางเดินออกอย่างสบายๆ
พอออกมาจากโรงพักแล้วเสี่ยวเชี่ยนก็ถามอวี๋หมิงหลาง “ทำไมนายโผล่มาอีกแล้วล่ะ? ตกลงนายถูกย้ายไปที่ไหนเนี่ย ทำไมพอฉันเกิดเรื่องอะไรนายก็โผล่มาได้?”
กลัวเธอสู้ไม่ได้เหรอ ก็เลยมาเป็นกองหนุนให้
อวี๋หมิงหลางพอเดินออกมาสีหน้าก็เคร่งขรึมลง เสี่ยวเชี่ยนคิดในใจ เขาจะคิดบัญชีภายหลังงั้นเหรอ?
ขณะที่กำลังคิดว่าจะแถอย่างไรดีนั้นก็เห็นเสี่ยวเฉียงจับมือเล็กๆของเธอขึ้นมาจับๆดมๆ
“ได้ยินว่าหมากัดไข่เลยเหรอ?” น้ำเสียงเป็นกังวล
อุ๊บ นี่มัน กลัวมือเธอไปโดนมาเหรอ? เสี่ยวเชี่ยนอยากจะขำ ที่แท้ก็กังวลเรื่องนี้นี่เอง
“มือฉันไม่ได้ไปโดน” เรื่องนี้เสี่ยวเชี่ยนคิดว่าจำเป็นต้องอธิบาย
เธอไปจับโดนแค่ชายเสื้อแล้วทำไมถึงโดนกัดตรงนั้น มีความเป็นไปได้สองอย่างคือ หนึ่งตอนป้ายมีน้ำมันบางส่วนหยดลงไป หรือสองคือ…เย่ต้าเชียนซวยเอง
จอมหึงของเธอก็เลยมีอาการ
“แล้วทำไมมันถึงไปกัดตรงนั้นได้?” อวี๋หมิงหลางไม่สนหรอกว่าหมาจะกัดคน คนกัดหมา หรือไข่จะแตกกระจายเต็มพื้น
เขาสนแค่ว่า มือของเมียเขาแตะถูกไอ้ของพรรค์นั้นหรือเปล่า
เสี่ยวเชี่ยนผายมือออกทำท่าทางไม่รู้เรื่อง “มันบังเอิญจริงๆ”
“บังเอิญเหรอ?”
“สวรรค์อาจทนดูไม่ไหวแล้วมั้ง ไม่เกี่ยวกับฉันนะ คนเราทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว ก็แบบนี้แหละ”
เสี่ยวเชี่ยนเอามือสางผมท่ามกลางสายตาสงสัยของอวี๋หมิงหลาง
“ฉันก็แค่ปรุงน้ำมันหอมระเหยนิดหน่อยกระตุ้นการสะกดจิตก็เท่านั้น ไม่ทราบว่าคุณพี่ที่ยิ้มดูปลอมมากท่านนี้มาทำอะไรที่นี่คะ?”
“ก็เปล่า ผมมาเล่นทรายเป็นเพื่อนแฟน มาดูว่ามีทรายรั่วตรงไหนหรือเปล่า จะได้ช่วยกวาดทิ้ง ปรากฏว่าแฟนผมเนียนมาก หารูรั่วไม่ได้เลย”
“เสี่ยวเฉียง”
“อืม”
“นายทำให้ฉันประทับใจ”
เขาไม่ได้พูดอะไรเท่าไร แต่กลับทำเรื่องที่ควรทำ
“ผมหล่อใช่ไหมล่า?”
“ใช่”
ตีเหล็กต้องตีตอนที่ยังร้อนๆ ตอนนี้บรรยากาศกำลังดีมาก อวี๋หมิงหลางมองนาฬิกา ยังมีเวลาอยู่
“ไปเถอะ เพื่อเป็นการตอบแทน ไปกับพี่หน่อยแล้วกันนะ”
เดิมเสี่ยวเชี่ยนคิดว่าเขาอยากไปเปิดห้องเล่นป้าบๆกับเธอ เพราะอย่างไรเสียที่บ้านก็มีคนอยู่ ทำได้ไม่เต็มที่
ปรากฏว่าเขาขับรถพาเธอไปทางเหนือ…
“จะพาฉันไปไหน?”
“จดทะเบียน”
“หา!” เสี่ยวเชี่ยนตกใจ
“คำร้องขอแต่งงานทำเสร็จแล้ว บัตรประชาชนคุณผมหยิบออกมาตั้งแต่คราวก่อน ทะเบียนบ้านแม่คุณ ไม่สิ แม่เราถือไปรอที่หน้าสำนักงานแล้ว ต้าหลงไปต่อคิวให้พวกเราอยู่ รับรองว่าไปถึงก็จดได้เลย”
เสี่ยวเชี่ยนช็อค กะทันหันมาก!
“ไม่ต้องตรวจสุขภาพก่อนเหรอ?” ทหารแต่งงานต้องตรวจไม่ใช่เหรอ?
“คราวก่อนตอนที่คุณกลับเมืองQไปตรวจร่างกายกับพี่สะใภ้ใหญ่มาไม่ใช่เหรอ จริงๆนั่นก็ถือเป็นการตรวจสุขภาพแล้ว ตรวจมาไม่เกินสามเดือนยังใช้ได้อยู่”
หึหึ อยากแต่งงานจัด ทำทุกอย่างรอบคอบจริงๆ!
ฟังๆดูคงวางแผนมานานแล้วสินะ เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกตั้งตัวไม่ทันเล็กน้อย
“ทำไมอยู่ๆนายก็…อ้อ เข้าใจแล้ว”
เสี่ยวเชี่ยนเข้าใจแล้ว เขาเลือกเอาวันพิเศษนี้ไปจดทะเบียนก็เพื่อแสดงให้เธอเห็นท่าทีของเขาที่มีต่อเรื่องนี้ ช่างเป็นผู้ชายที่น่าค้นหาจริงๆ
“ทำหน้าเจ้าเล่ห์อีกแล้ว คิดอะไรอยู่น่ะ?” เขาเอามือข้างหนึ่งไปเขี่ยคางเธอเล่น
“ฉันกำลังคิดว่านายเป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ มีหลักการ ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ซื่อบื้อ เวลาสำคัญไม่ลืมที่จะเอาสมองมาด้วย…”
“ดังนั้นข้อสรุปของคุณคือ?”
“แต่งกับนายจะต้องอยู่ดีกินดีแน่นอน ทุกวันมีแต่ความสุข”
ดังนั้นจะแต่งก็แต่งเถอะ
“เด็กโง่ เพิ่งจะรู้เหรอ นั่งดีๆนะพี่จะพาเธอลอย~”
แค่กๆ ไม่ทันระวังคิดติดเรทอีกแล้ว เสี่ยวเชี่ยนไม่เคยเสียอาการเวลาเจอคนหน้าไม่อายเลยแม้แต่น้อย แต่พอถูกอวี๋หมิงหลางกระตุกความทรงจำเรื่องบนเตียงเธอก็หน้าแดง
นี่เป็นเรื่องปกติของพวกเธอ
พอเห็นอวี๋หมิงหลางขับไปถึงสำนักงานเสี่ยวเชี่ยนก็หรี่ตา
“นาย…ย้ายมาอยู่นี่แล้วเหรอ?” ประจำการอยู่ที่ไหนก็สามารถจดทะเบียนที่นั่นได้ นี่เขาอยู่เมืองเดียวกับเธอ เก็บความลับได้ดีขนาดนี้!
“ยินดีด้วยคร้าบ คุณตอบถูก!” อวี๋หมิงหลางหยิกจมูกเธอเล่น
พี่ใหญ่กับพี่รองของอวี๋หมิงหลางก็อยู่ เจี่ยซิ่วฟางแต่งตัวสวยงามยืนรอหน้าสำนักงานพร้อมพ่อเลี่ยวฟู้กุ้ย พอเห็นเสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางมาแล้วก็กวักมือ
พอเจอเสี่ยวเชี่ยนก็เอาทะเบียนบ้านยัดใส่มือเธอ แถมยังไม่ลืมฟาดเข้าให้หนึ่งที
“ไอ้ลูกคนนี้นี่ บทจะจดก็มาจดเลยเหรอ? กะทันหันเหลือเกิน”
เสี่ยวเชี่ยนมองอวี๋หมิงหลางด้วยสีหน้าฉันผิดอะไร “เขาเป็นคนกำหนดวัน แม่ไปตีเขาสิ”
เจี่ยซิ่วฟางมองอวี๋หมิงหลาง อวี๋หมิงหลางยิ้มกว้างสดใสยิ่งกว่าดวงอาทิตย์
“วันนี้เป็นวันดี ปฏิทินจีนเขียนไว้ วันนี้ไม่เพียงแต่หมาจะกินไข่ ผมยังได้แต่งเมียด้วย ใช่ไหมจ๊ะเมีย?”